ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 431 ฝ่าวงล้อม
ตอนที่ 431 ฝ่าวงล้อม [รีไรท์]
ซือถูซิงเฉินรีบมุ่งตรงไปยังช่องโหว่นั้น ในขณะเดียวกันก็ยื่นมือจะแย่งกล่องไม้กลับคืน
ทันใดนั้นร่างของถวนจื่อพุ่งออกมาแล้วชนไปที่กล่องไม้
แล้วกล่องไม้ก็ขยับไปอยู่ด้านข้างทันที
มือของซือถูซิงเฉินจึงเฉียดไป
แววตาจองนางรู้สึกไม่พอใจ แต่การกระทำกลับไม่มีการหยุดชะงัก และพุ่งไปข้างหน้าคิดที่จะออกไปทางช่องโหว่ที่ถูกพังทันที
สิ่งของที่อยู่ในกล่องไม้ใบนั้นสำคัญมาก แต่ก็สู้ชีวิตของนางไม่ได้
ขอแค่สามารถหนีออกไปได้ ทุกอย่างก็จะราบรื่น
ถ้าออกไปได้นางก็จะมีโอกาสแย่งกล่องไม้นั้นกลับคืนมา
จากนั้นทันทีที่นางเพิ่งจะชะโงกหน้าออกไปจากช่องว่างนั้นก็มีลมหนาวก็พัดมา
ตึง!
ฉู่หลิวเยว่เตะออกไป เตะเข้าที่ใบหน้าของซือถูซิงเฉินทันที!
ร่างของนางกระเด็นออกไปก่อนจะชนเข้ากับกรงเหล็กที่อยู่ข้างหลัง
ถวนจื่อก็ถือโอกาสนี้ฉกกล่องไม้ใบนั้นออกมา
ฉู่หลิวเยว่รับมาด้วยท่าทางที่สบายก่อนจะก็เปิดออก
ภายในกล่องไม้ใบนั้น มีแผ่นหนังแพะอยู่หนึ่งม้วน
แล้วพลังขมขู่ที่แข็งแกร่งเกินกว่าจะอธิบายได้ ก็แผ่กระจายอยู่ข้างบนนั้น
สิ่งที่อยู่ในใจของฉู่หลิวเยว่…ต้องเป็นสิ่งนี้แน่นอน
ตึง!
นางปิดฝากล่องไม้ลงอีกครั้งแล้วเก็บเข้าไปในถุงเฉียนคุน
ทุกการกระทำต่อเนื่องและราบรื่นเหมือนน้ำที่ไหลเชี่ยว
ทันใดนั้นซือถูซิงเฉินก็รู้สึกตัว และมีเสียงหึ่งๆ ดังอยู่ในหัวพร้อมกับสีหน้าที่เจ็บปวดมาก
มีกลิ่นเลือดรุนแรงระหว่างริมฝีปาก และฟันของนาง นางอ้าปากและถ่มน้ำลายออกมาเป็นเลือด แต่กลับพบว่ามีฟันอยู่อีกครึ่งซี่ด้วย
ฉู่หลิวเยว่ใช้เท้าเตะอย่างสุดแรง นางก็ไม่ทันได้หลบจึงชนเข้าอย่างจัง
แล้วนางก็ถูกเตะเข้าอย่างจังจนฟันหน้าหักไปครึ่งหนึ่ง
ซือถูซิงเฉินมือสั่นและจับไปที่ใบหน้าของตัวเอง
ทั้งใบหน้าของนางเต็มไปด้วยคราบเลือดเหนียว และยังบวมแดงอย่างรวดเร็วด้วย
ไม่ต้องส่องกระจกนางก็รู้ว่าตอนนั้นสภาพของนางอัปลักษณ์และทรหดเพียงใด
ปอดของซือถูซิงเฉินที่หายใจแรงด้วยความโมโหก็แทบจะระเบิดออกมาอยู่แล้ว
ฉู่หลิวเยว่ไม่เพียงแต่เย่งกล่องไม้นั้นมา แถมยังทำให้ใบหน้าของนางเสียโฉมด้วย
สุดท้ายแล้วสิ่งนี้ก็ทำให้หัวใจของนางแตกสลายจนไม่เหลือชิ้นดี
“เจ้าได้เห็นดีกับข้าแน่!”
ซือถูซิงเฉินตะโกนพลางพุ่งตรงไปยังฉู่หลิวเยว่
แสงสีเงินกะพริบ แล้วมีดกริชเล่มหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในมือของฉู่หลิวเยว่
จากนั้นนางก็ค่อยๆ ยกข้อมือขึ้น
ฉึบ!
ใบมีดแผ่นบางๆ หลุดออกจากคันกริช!แล้วพุ่งไปยังใบหน้าของซือถูซิงเฉินทันที
เมื่อรู้สึกได้ถึงความเจตนาฆ่า หัวใจของซือถูซิงเฉินก็แทบจะหยุดเต้นแล้วรีบหลบทันที
แต่ตอนนั้นพลังจิตของนางถูกสาปเอาไว้ บวกกับการที่ถูกทรมานมาหลายวัน นางจึงอ่อนล้าและหมดแรงแล้ว
เมื่อเป็นเช่นนั้นฝีเท้าที่ก้าวเดินของนางจึงช้ากว่าปกติ
ส่วนความเร็วมีดกริชของฉู่หลิวเยว่ก็เร็วมากเช่นกัน
ได้ยินเพียงเสียงที่ทำให้คนรู้สึกเสียวฟันแล้วแสบแก้วหูดังขึ้น
มีดกริชเล่มนั้นได้บินทะลุผ่านไหล่ซ้ายของซือถูซิงเฉินไป
หลุมเลือดปรากฏขึ้น ก่อนจะกระเซ็นไปทั่ว
“โอ๊ย…”
ซือถูซิงเฉินกรีดร้องและล้มลงกับพื้นไป
นางมองไปที่ไหล่ของตัวเองด้วยความกระวนกระวาย ก็เห็นว่าเลือดยังคงไหลไม่หยุด
เลือดสีแดงสดได้ย้อมชายเสื้อของนางจนเปียกโชกไปหมด
ในอากาศมีกลิ่นเลือดที่เหม็นสาบไม่น่าดมอบอวลเต็มไปหมด ทำให้รู้สึกน่าขยะแขยง
ซือถูซิงเฉินกำลังจะลุกขึ้น บนคันกริชของฉู่หลิวเยว่ก็มีใบมีดใบที่สองผุดออกมา
ครั้งนี้มันบินไปที่ข้อเท้าซ้ายของนาง
กระดูกที่แตกหักกระจายอยู่บนพื้น
ซือถูซิงเฉินเจ็บจนหน้าซีดขาวและพูดไม่ออก ทำได้เพียงขดตัวที่สั่นเทาเอาไว้
นางจ้องมองฉู่หลิวเยว่ด้วยแววตาที่อาฆาตแค้น ราวกับเป็นมีดกว่าพันเล่มที่กำลังทิ่มแทงนาง
ฉู่หลิวเยว่ไม่ได้สนใจสายตาที่เป็นแบบนี้
โฮก!
ข้างนอกมีเสียงร้องคำรามดังสนั่นขึ้น
ถึงเวลาต้องออกไปแล้ว
ฉู่หลิวเยว่หันตัวแล้วเดินออกไปยังข้างนอก
ซือถูซิงเฉินตะเกียกตะกายอยากจะลุกขึ้นมา แต่สุดท้ายกลับล้มลงและทำได้เพียงมองดูร่างของฉู่หลิวเยว่ที่ค่อยๆ หายไปในความมืด
หน้าอกของนางสั่นสะเทือนก่อนจะกระอักเลือดออกมาอีกครั้ง
ฉู่หลิวเยว่…ถ้ามีโอกาสจะต้องให้นางชดใช้มากกว่าสิ่งที่ตัวเองต้องเผชิญในวันนี้พันเท่าแน่นอน
ซือถูซิงเฉินสูดหายใจเข้าลึก ก่อนจะกัดนิ้วชี้ของตัวเองจนเกิดแผลแล้วหยดเลือดก็ไหลออกไปอย่างรวดเร็ว
จากนั้นนางก็เช็ดเลือดไปที่กำไลข้อมือหยก
เพียงพริบตาเดียว หยดเลือดหยดนั้นก็ถูกดูดเข้าไปในกำไลหยกและหายไปอย่างไร้ร่องรอย
แล้วลำแสงสองลูกที่ซ้อนทับกันอยู่ ค่อยๆ กลายเป็นสีแดงเหมือนเลือด
…
ฉู่หลิวเยว่ขึ้นบันไดไป และทันทีที่กระโดดออกก็สัมผัสได้ถึงความน่ากลัวที่ส่งมาจากข้างนอกแล้ว
นางมองไปข้างนอก และประหลาดใจที่พบว่าค่ายกลที่ไม่เคยถูกทำลายให้เสียหายมาก่อน ตอนนี้กลับมีรอยแตกหลายจุด และกำลังสั่นคลอนอยู่
ข้างหน้านั้นชายชราชุดเทานั้นถูกรายล้อมไปด้วยทหารรักษาการ
เมื่อมองไปก็เห็นว่ามีซากศพกองอยู่เต็มไปหมด
เห็นได้ชัดว่าทั้งหมดนี้ถูกฆ่าโดยชายชราชุดสีเทาเพียงคนเดียวเท่านั้น
ฉู่หลิวเยว่ขมวดคิ้ว
ดูแล้วชายชราชุดเทาคนนั้นแข็งแกร่งกว่าที่นางคิดไว้เสียอีก…และเป็นเพราะแบบนั้น ทั้งคู่ก็เข้าสู่สภาวะเงียบงัน กำลังเผชิญหน้ากกัน!
จู่ๆ ชายชราชุดเทาก็ก้มหน้าลง ราวกับว่ากำลังมองอันใดบางอย่างอยู่
เขาหันหลังให้ฉู่หลิวเยว่ ฉะนั้นนางก็มองเห็นได้ชัดว่าเขากำลังทำสิ่งใดอยู่
แต่ต่อมา กลิ่นอายของชายชราชุดเทาก็ปะทุขึ้นมาอีกครั้ง
“ใครที่มันขวางข้า…จะไม่มีการปราณีใดใด!”
ในน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำและดุดันนี้มีความน่ากลัวซ่อนอยู่
คลื่นที่มองไม่เห็นแผ่กระจายไปทั่วตัวเขา
จากนั้นเขาก็หันตัวแล้วเดินไปยังพระราชวังโย่วเหอทันที
ฉู่หลิวเยว่หัวใจเต้นรัว ทางที่เขามานั้นเป็นทิศทางที่กำลังเผชิญหน้ากับนางพอดี!
แคว่ก!
ค่ายกลนั้นถูกฉีกออกจากกันอย่างสมบูรณ์แล้ว
เพียงแค่เขาเดินเข้าไปในพระราชวังแห่งนี้เขาก็จะเจอกับนางได้ทันที
ฉู่หลิวเยว่มองไปรอบๆ แต่พบว่าไม่ว่าจะหนีจากทิศทางใดก็ดึงดูดความสนใจของเขาอยู่ดี
ในขณะที่เธอกําลังดิ้นรน เปลวไฟสีน้ำเงินและสีขาวก็เผาไหม้ขึ้นจากประตูด้านข้างของห้องโถงพระราชวังโย่วเหอ
เมื่อจักรพรรดิเจียเหวินมาถึง ก็เห็นเหตุการณ์นี้พอดี…
ค่ายกลสีเงินขนาดใหญ่ถูกฉีกออกจากกัน และชายชราในชุดคลุมสีเทาได้รีบไปที่ประตูของห้องโถงพระราชวังโย่วเหอทันที
เปลวไฟสีฟ้าและสีขาวลุกขึ้นล้อมรอบทั้งพระราชวังโย่วเหอ!
ขมับของเขากระตุก แล้วระบบไหลเวียนเลือดทั้งตัวก็แข็งตัวไป
“รั้งเขาเอาไว้…รั้งเขาเอาไว้!”
ซือถูซิงเฉินยังอยู่ในนั้น
เห็นได้ชัดว่าคนคนนี้อยากจะใช้เปลวไฟมาพรางตาเพื่อพาซือถูซิงเฉินออกไป
ทำแบบนี้ไม่ได้เด็ดขาด
ที่จริงแล้วตอนนั้นจักรพรรดิจยาเหวินไม่ได้รู้เลยสักนิดว่าชายชราชุดเทาถูกขังอยู่ในเปลวไฟ
เปลวไฟนี้มาอย่างกะทันหัน อีกอย่างยังลุกโชนอย่างรุนแรง
เขาเป็นถึงนักรบระดับหก ต้องรับมือได้อย่างยากลำบากแน่นอน
ในขณะเดียวกัน ฉู่หลิวเยว่ก็มองดูเปลวไฟที่ลุกโชนในห้องโถงใหญ่ของพระราชวัง และพุ่งออกไปทางนอกหน้าต่างที่อยู่ข้างๆ อย่างไม่ลังเล
ขณะที่กระโดดเข้าไปในทะเลไฟ ร่างของนางก็ถูกปกคลุมไปด้วยเปลวไฟสีแดงทันที
จู่ๆ เงาของคนคนหนึ่งก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าของนาง ขวางทางเดินของนางเอาไว้
เขาก็คือบุคคลลึกลับคนนั้น