ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 481 พันธสัญญาแห่งสวรรค์
ตอนที่ 481 พันธสัญญาแห่งสวรรค์ [รีไรท์]
ฉู่หลิวเยว่ใช้เวลาอยู่ครู่หนึ่งในการตอบสนอง นึกไม่ถึงว่าอินทรีสามตาจะบอกว่า ยอมรับนางเป็นเจ้านาย
ไม่อยากจะเชื่อจริงๆ!
แม้แต่สัตว์อสูรธรรมดาก็ไม่เต็มใจที่จะยอมรับคนเป็นเจ้านาย นับประสากับอินทรีสามตาที่เป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงสุด!?
อยู่ดีๆ นางจะได้โชคที่ไม่ควรจะได้ขนาดนี้เลยหรือ!?
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกสับสนเล็กน้อยกับประโยคที่ถูกเอ่ยขึ้นมาอย่างกะทันหัน
“เจ้า…เจ้าพูดจริงหรือ!”
“ถ้ากล้าพูดว่าไม่เต็มใจรับข้า เจ้าตายแน่!”
อินทรีสามตาเอ่ยขู่! น้ำเสียงของมันเย็นเยียบราวกับถูกแช่แข็งมานาน
หากไม่ใช่เพื่อการฟื้นฟูเนื้อหนังของตัวเอง มันจะเต็มใจยอมรับเผ่าพันธุ์มนุษย์เป็นเจ้านายได้อย่างใด!
ในประวัติศาสตร์นับหมื่นปีของเผ่าอินทรีสามตานั้น แทบจะไม่เคยปรากฏเรื่องเช่นนี้ขึ้นเลย!
ในใจของมันคงไม่สบอารมณ์มากกว่าใคร และไม่เต็มใจมากกว่าใคร!
แต่ว่านี่เป็นเพียงวิธีเดียว!
มันถูกเผาอยู่ในหม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์มานานนับพันปี ความเจ็บปวดทรมานที่ยาวนานนี้ ยืดเยื้อมานานจนมันเจ็บปวดทุกข์ใจเกินทน
อีกทั้งสติและจิตใจเองก็ถูกทำลายไปแล้วนับครั้งไม่ถ้วน!
หากไม่ได้ที่พึ่งพิงสุดท้าย มันก็คงยืนหยัดไม่ได้นานขนาดนี้ และตายท่ามกลางเปลวเพลิงไปนานแล้ว!
เมื่อเวลาผ่านพ้นไป สิ่งนี้ก็ได้กลายเป็นหลักยึดสุดท้ายของมันไปแล้ว
ดังนั้น มันจะต้องหาวิธีฟื้นฟูกายหยาบของมันแล้ว กลับไปอยู่บนจุดสูงสุดดังเดิมอีกครั้งให้ได้!
ฉู่หลิวเยว่กระแอมไอออกมา
“สำหรับเรื่องนี้ เจ้าคงคิดว่าข้าคงน้อมรับด้วยความยินดีใช่หรือไม่? เพียงแต่ ข้ามีถวนจื่ออยู่แล้ว…เกรงว่ามันค่อนข้างจะลำบากใจ”
ขณะที่พูด นางก็ลืมตาขึ้นและเห็นถวนจื่อกำลังจ้องมองตนด้วยสายตาราวกับปีศาจดุร้ายอยู่…พลันรู้สึกมวลท้องน้อยแปลกๆ
ทั้งตัวของมันเต็มไปด้วยเจตนาฆ่าอย่างรุนแรง!
หากฉู่หลิวเยว่ตอบรับ จะต้องเกิดการต่อสู้ขึ้นแน่ๆ
อินทรีสามตาหัวเราะเยาะเย้ยด้วยความเย่อหยิ่งอย่างไม่ปิดบัง
“ข้าเป็นเผ่าเทพ เป็นธรรมดาที่จะไม่ถูกควบคุมด้วยกฎเกณฑ์เหล่านี้”
สิ่งที่เรียกว่าหนึ่งคนสามารถครอบครองสัตว์อสูรได้เพียงหนึ่งตัวเท่านั้น นั่นเป็นกฎเกณฑ์ของสัตว์อสูรธรรมดาทั่วไป
แต่มันเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์ ฉะนั้นเรื่องแค่นี้ไม่ใช่ปัญหาแต่อย่างใด!
ฉู่หลิวเยว่เบิกตาโต
นี่เป็นครั้งแรกที่นางได้ยินเรื่องเหล่านี้
และแม้แต่อสูรศักดิ์สิทธิ์…ยังยืนยันเช่นนั้น…
ถวนจื่อกัดฟันแล้วส่งเสียงคำรามขู่ กรงเล็บทั้งสองข้างของมันกำเข้าหากันแน่นเป็นกำปั้น
มันเตรียมต่อสู้กับอินทรีสามตาแล้ว!
ฉู่หลิวเยว่ตกอยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออก
ใจหนึ่งนางก็ไม่อยากทำให้ถวนจื่อเศร้าใจ แต่อีกใจหนึ่งนางก็อยากจะช่วยเหลืออินทรีสามตาให้ฟื้นคืนสู่สภาพเดิมได้จริงๆ
หลังจากที่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง นางก็เอ่ยถามขึ้น
“มันน่าจะยังมีวิธีอื่นอีกใช่หรือไม่?”
อินทรีสามตายิ้มเยาะ
“โดยธรรมชาติแล้ว ขอเพียงแค่เจ้าทะลวงขึ้นถึงระดับแปด โอกาสที่จะทำสำเร็จ ก็จะสูงตามไปด้วย!”
ฉู่หลิวเยว่ “…”
นางในตอนนี้อยู่แค่ระดับสามเท่านั้น ถ้ารอให้นางเลื่อนขั้นถึงระดับแปด ก็ไม่รู้ว่าต้องรอไปถึงเมื่อไร
ฉู่หลิวเยว่มองไปทางถวนจื่อ
“ถวนจื่อ ข้าขอถามเจ้าอย่างจริงจังอีกครั้งว่า เรื่องนี้เจ้ามีความคิดเห็นว่าอย่างใด หากเห็นด้วยให้เจ้าพยักหน้า หากเจ้าไม่เห็นด้วยให้เจ้าส่ายหน้า เจ้าว่าอย่างใดข้าก็ว่าอย่างนั้น ดีหรือไม่?”
ถวนจื่อนิ่งชะงักในทันที แล้วมองนางอย่างมึนงง คิดไม่ถึงว่าฉู่หลิวเยว่จะให้มันเป็นผู้ตัดสินใจ
มันรู้สึกหวงจริงๆ เมื่อคิดว่าต่อจากนี้ไป ฉู่หลิวเยว่จะไม่ได้เป็นของมันแค่ตัวเดียว แล้วก็รู้สึกเป็นทุกข์อย่างมาก
ไม่ง่ายเลยที่มันจะแบ่งนางให้ใคร…
แต่ว่าเมื่อนางถามมันด้วยความจริงใจและจริงจังเช่นนี้แล้ว มันก็ไม่รู้ว่าจะทำเช่นไรดีเหมือนกัน
ในโลกนี้ หากมีคนที่สามารถครอบครองสัตว์ศักดิ์สิทธิ์มากกว่าหนึ่งตัวได้ จะเป็นเรื่องที่ดีขนาดไหนกันเชียว!?
ซึ่งเกรงว่าถ้าให้พวกเขาลงมือฆ่าสัตว์อสูรตัวเก่าด้วยมือตนเอง พวกเขาก็คงลงมือได้โดยไม่ต้องคิดให้มากความ!
แต่นางกลับบอกว่า หากมันเลือกเช่นไร นางก็จะเลือกเช่นนั้น
ในโลกนี้คงไม่มีคนเช่นนางอีกแล้ว
ดวงตาของถวนจื่อรื่นน้ำตา มันขดงอตัวลงอย่างรวดเร็วแล้วยกหางขึ้นเพื่อเช็ดตาแรงๆ
อินทรีสามตายิ้มเยาะ
“ให้มันเข้ามา ข้าจะพูดกับมันเอง!”
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกแปลกใจอยู่เล็กน้อย
หลังจากที่นางเพิ่งจะพูดเช่นนั้นไป คิดไม่ถึงว่าอินทรีสามตาจะไม่ได้โมโหโกรธาหรือโวยวายใส่นาง
นางคิดมาโดยตลอดว่าเผ่าพันธุ์ของอินทรีสามตานั้น หยิ่งยโสเมื่อถูกนำมาเปรียบเทียบกับสัตว์อสูรระดับสามตัวหนึ่ง หรือแม้กระทั้งว่ามันต้องรู้สึกโกรธและอับอาย ที่จะต้องตัดสินใจให้เผ่าพันธุ์มนุษย์มาเป็นเจ้านายหรือไม่อีก
ถวนจื่อเช็ดน้ำตาแล้วมองลึกเข้าไปในตาของฉู่หลิวเยว่ และมองลึกเข้าไปในตันเถียนของนาง
สัตว์อสูรทั้งสองจ้องมองกันโดยมีหม้อน้ำเทวศีกดิ์สิทธิ์ขวางกั้นไว้
ฉู่หลิวเยว่รู้ว่าสัตว์อสูรมีวิธีสื่อสารเป็นของตัวเอง แต่น่าเสียดายที่นางไม่รู้ว่าพวกมันกำลังพูดคุยอันใดกัน จึงได้แต่รอคอยเงียบๆ
อินทรีสามตามองไปยังถวนจื่อด้วยแววตาแฝงความเย้ยหยัน ก่อนจะส่งเสียงผ่านความคิดของมัน
“สัตว์อสูรธรรมดานั้นไม่สามารถทนต่อแรงกดดันของสัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์ได้ แม้ว่ามันจะมีเจ้านายคนเดียวกันแต่ร่ายกายก็จะต้องระเบิดตายไปอย่างรวดเร็ว แต่อย่างใดก็ตาม เจ้าไม่ได้มีความกังวลต่อเรื่องนี้เลย แล้วมีสิ่งได้จะต่อต้านข้าอีกหรือ?”
ถวนจื่อจ้องตากลับ แต่ไม่ได้เปิดปากพูด
“เจ้าเองก็รู้มิใช่หรือว่าสายเลือดของอสูรศักดิ์สิทธิ์ในตัวข้านั้น มีข้อดีต่อตัวเจ้าเช่นกัน หรือว่าเจ้าอยากจะเป็นแค่เพียงพังพอนระดับสามไปทั้งชีวิต? เช่นนั้นเจ้าพอใจหรือ?”
ขาที่มีเล็บของถวนจื่อกำแน่น จนเป็นกำปั้น และร่ายกายของมันก็สั่นเล็กน้อย
“แม้ว่าเจ้าจะพอใจ แต่เมื่อถึงเวลานั้น ความสามารถของนางคงจะก้าวขึ้นสู่ความยิ่งใหญ่ในแผ่นดินได้เป็นแน่ และหากเวลานั้นมาถึง พังพอนระดับสามอย่างเจ้าจะไปช่วยอันใดนางได้?”
คำพูดสุดท้ายของอินทรีสามตานั้นคมกริบ ราวกับเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้อูฐหลังหัก
ในดวงตาที่แวววาวของถวนจื่อ พลันแวววาวราวกับมีแสงดาวสว่างวาบขึ้นทันที!
และในที่สุดมันก็พูดขึ้น
“จำไว้ ข้าคือที่หนึ่งเสมอ! เจ้าอย่าได้คิดมาแย่งชิง!”
อินทรีสามตาคล้ายว่าจะส่งเสียงหัวเราะ
“สุดท้ายเจ้าก็ยินยอมแล้ว?”
แต่ก็แค่ทำเป็นวางมาดไปเช่นนั้น…
ถวนจื่อไม่สนใจมันอีก และหันหลังแล้วจากไปอย่างรวดเร็ว!
และครู่ต่อมา มันก็มาปรากฏตัวต่อหน้าฉู่หลิวเยว่
“เจ้าพูดคุยอันใดกัน?” ฉู่หลิวเยว่เอ่ยถาม
สีหน้าของถวนจื่อกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง แต่ก็ยังแฝงความบึงตึงราวกับคับข้องใจอยู่เล็กน้อย
“หรือว่าเจ้าไม่พอใจ งั้นพวกเราก็ไม่…”
ทว่าถวนจื่อกลับรีบส่ายหัวทันที ก่อนจะกระโจนไปนั่งยองๆ บนไหล่ของนางแล้วถูไถใบหน้าของมันกับหน้าของนาง
จากนั้นก็พยักหน้าเบาๆ
ฉู่หลิวเยว่นิ่งอึ้งไป
“…ถวนจื่อ นี่เจ้า…เห็นด้วยหรือ?” ถวนจื่อมุดหัวลงไปในหางแล้วนิ่งเงียบ
แต่เช่นนี้ก็ชัดเจนแล้ว
นางแค่คิดไม่ถึงว่ามันจะยินยอมง่ายๆ เช่นนี้!?
ในใจฉู่หลิวเยว่เต็มไปด้วยความสงสัย
หากว่าตามสิ่งที่นางรู้เกี่ยวกับถวนจื่อ มันไม่น่าจะยอมให้อินทรีสามตาง่ายๆ
แต่นางไม่รู้จริงๆ ว่าเมื่อครู่นี้ ทั้งสองตัวคุยอันใดกัน…
นางทั้งดีใจและเศร้าใจ จึงได้แต่บีบคลึงหูของถวนจื่อไปมา
ทันใดนั้น อินทรีสามตาก็เอ่ยขึ้น
“มาเริ่มกันเลย!”
ฉู่หลิวเยว่ส่งเสียง “อืม” ตอบกลับไป
พรึบๆ!
และจู่ๆ ก็เกิดเสียงคล้ายปีกนกกระพือดังขึ้น!
ฉู่หลิวเยว่เงยหน้าขึ้นมองทันควัน!
ก่อนจะเห็นภาพของอินทรีสามตาสีดำที่ปรากฏขึ้นต่อหน้า!
“ข้าได้ปิดกั้นอาณาเขตโดยรอบไว้ ไม่ให้ผู้ใดสังเกตเห็นแล้ว”
อินทรีสามตาไม่ได้ขยับปาก แต่ฉู่หลิวเยว่กลับได้ยินเสียงของมันดังในหูอย่างชัดเจน
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้ารับ
“ฉะนั้นตอนนี้ เจ้าก็กรีดฝ่ามือ เพื่อสร้างพันธเลือดเสีย”
ฉู่หลิวเยว่ใช้กริชกรีดลงไปกลางฝ่ามือเบาๆ พลันเลือดก็ไหลนองออกมา
หึ่ง!
ทันใดนั้นด้านหน้าของนาง ก็ปรากฏวงแหวนสีเงินขึ้น มันหมุนช้าๆ ราวกำลังเปิดใช้งาน
ด้านบนนั้น นางสัมผัสได้ถึงลมปราณศักดิ์สิทธิ์ที่หน้าเกรงขามสายหนึ่ง!
ร่างบางตกใจเล็กน้อย
ดูเหมือนว่า…มันจะเป็นลมปราณแห่งสวรรค์
อินทรีสามตาพูดเสียงเบาๆ
“ด้วยกฎแห่งสวรรค์เบื้องบน ข้าขอสาบานด้วยสายเลือดแห่งเผ่าอินทรีสามตาศักดิ์สิทธิ์ว่า ขอยอมรับฉู่หลิวเยว่เป็นเจ้านาย! และต่อจากนี้ไป ข้าจะจงรักภักดี ทุ่มเทอย่างสุดกำลัง และจะไม่มีวันทรยศหักหลังนางเป็นอันขาด!”