ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 484 เขาจะมา
ตอนที่ 484 เขาจะมา [รีไรท์]
นางปฏิเสธการคาดเดานี้อย่างไม่รู้ตัว แต่ว่าชื่อที่ปรากฏเมื่อครู่ก็บอกไว้อย่างชัดเจนแล้ว
เขาเขี้ยวมังกร เจี่ยนเฟิงฉือ!
ทั้งเมืองซีหลิงแห่งนี้ มีเพียงแค่เจี่ยนเฟิงฉือ ที่เขาเขี้ยวมังกรเพียงคนเดียวเท่านั้น!
เหตุผลที่นางรู้เรื่องนี้ก็เพราะว่า ตอนที่นางพูดคุยกับลูกพี่ลูกน้องในตอนนั้น ก็ได้ยินเขาพูดขึ้นมา
ภูเขาเขี้ยวมังกรกับสำนักหลิงอวิ๋น มีความบาดหมางกันมานานหลายปีแล้ว ต่างฝ่ายก็ต่างเกลียดชังกันมาโดยตลอด
จากคำอธิบายของเขา เจี่ยนเฟิงฉือคนนี้กำเริบเสิบสาน ไร้ยางอาย และยิ่งไปกว่านั้นเขายังเคยด่าผู้อาวุโสทั้งเก้าของสำนักหลิงอวิ๋นต่อหน้าเสียจนเละเทะ
คนทั้งสำนักหลิงอวิ๋น ต่างก็เกลียดเจี่ยนเฟิงฉือคนนี้เข้ากระดูกดำเชียว!
แต่เขาเป็นนายน้อยของภูเขาเขี้ยวมังกร ฐานะสูงส่ง อีกทั้งฝีมือยังเก่งกาจมาก
ไม่ต้องพูดถึงคนธรรมดาเลย ตระกูลลำดับสูงของซีหลิง เมื่อเจอเขาก็ยังต้องเกรงใจเขาอยู่สามส่วน!
หรือว่าชายหนุ่มที่พวกนางเจอในวันนั้น จะเป็น…
ในใจของนางรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย นางขยับตัวออกไปด้านข้างอย่างเงียบเชียบ
เมื่อผู้อาวุโสชิวซีและผู้อาวุโสตวนมู่ฉุนเห็นชื่อของเจี่ยนเฟิงฉือต่างก็รู้สึกตกใจอย่างมาก
และหันกลับไปมองฉู่หลิวเยว่อีกครั้งด้วยสายตาที่เปลี่ยนไปเล็กน้อย
ฉู่หลิวเยว่เก็บลูกปัดกลับคืนมา เมื่อเห็นว่าทั้งสองคนมีท่าทีก็แปลกไป นางจึงยิ้มแล้วถามว่า
“ผู้อาวุโสทั้งสองท่านยังมีเรื่องอันใดอีกหรือไม่?”
ผู้อาวุโสตวนมู่ฉุนส่ายหน้า
“ไม่มีอันใด ลำดับของพวกเจ้าคือลำดับที่ห้าสิบสาม ลงไปเตรียมตัวเถอะ”
“เจ้าค่ะ”
ฉู่หลิวเยว่ตอบรับหนึ่งคำ จากนั้นก็หมุนตัวเดินออกไป เมื่อผู้อาวุโสทั้งสองสบตากันแล้ว พวกเขาก็มองเห็นแววตาความแปลกใจของอีกฝ่าย
“เหมือนว่าครั้งนี้เขาจะไม่ได้ส่งคนมานะ…”
“แต่รายชื่อนี้เป็นหลิ่วสิงอีที่ลงชื่อด้วยตนเองนะ ไม่น่าจะผิดพลาด บางที… เพียงแต่พวกเราไม่รู้เอง”
นอกจากเรื่องนี้แล้ว ก็เหมือนว่าจะไม่มีคำอธิบายข้ออื่นอีก
คนที่อยู่ด้านหลังก็เดินขึ้นมาแล้ว
ทั้งสองคนจึงหยุดสนทนาเรื่องนี้แล้ว จัดลำดับต่อไป
…
ในใจของจ้าวอวิ๋นจื่อรู้สึกสับสนเป็นอย่างมาก นางรีบเดินกลับไปหาศิษย์พี่ศิษย์น้องกลุ่มนั้นที่กำลังคุยกันอยู่
เมื่อเห็นนางมีสีหน้าที่แปลกไป พวกเขาจึงถามขึ้นมาว่า
“อวิ๋นจื่อ เป็นอันใดหรือ?”
จ้าวอวิ๋นจื่อหันหน้ามาหาคนอื่น แล้วถามอย่างกังวลว่า
“คือ…คือว่าเจี่ยนเฟิงฉือ หน้าตาเป็นอย่างใดหรือ?”
พวกเขาชะงักไปครู่หนึ่ง
“เหตุใดอยู่ๆ ถึงถามเรื่องนี้ขึ้นมาได้ล่ะ?”
จ้าวอวิ๋นจื่อฝืนยิ้มออกมาแล้วถามว่า
“ก่อนหน้านี้เคยได้ยินลูกพี่ลูกน้องพูดเรื่องนี้ขึ้นมา จึงสงสัยเล็กน้อย?”
“เขาหรือ? เหอะ แน่นอนว่าหน้าตาเป็นภัยโดยธรรมชาติ”
ดวงตากลมโตของหญิงสาวฉายแววขุ่นเคือง และโมโหอยู่หลายส่วน
คนที่อยู่ข้างๆ ผู้หญิงคนนั้นก็หัวเราะขึ้นมา
“เจ้าอย่าทำให้จ้าวอวิ๋นจื่อตกใจสิ นางก็แค่ถามไปเท่านั้น แล้วก็ท่าทางแบบนี้ของเจ้า อย่าให้คนอื่นเห็นด้วยเด็ดขาดเลยนะ ไม่เช่นนั้นต้องเกิดเรื่องยุ่งยากขึ้นแน่”
เมื่อสิ้นเสียงนั้น หญิงสาวดวงตากลมโตก็กระทืบเท้าขึ้นแล้วพูดว่า
“เจี่ยนเฟิงฉือรูปร่างสูงใหญ่ สูงกว่าผู้ชายทั่วไปเล็กน้อย อีกทั้งดวงตาของเขาเป็นสีฟ้าราวกับน้ำแข็ง นี่คือลักษณะทางสายเลือดของคนภูเขาเขี้ยวมังกร หากเจ้าเจอเขาแล้ว แค่มองครู่เดียวก็สามารถแยกแยะออกได้ทันที แต่ว่าเจี่ยนเฟิงฉือมีบุญคุณความแค้นกับสำนักหลิงอวิ๋นของพวกเราเยอะมาก คนแบบนี้ไม่เจอยังดีกว่า”
ยิ่งจ้าวอวิ๋นจื่อได้ยิน นางก็รู้สึกตกใจมากขึ้น
ใช่…ใช่จริงๆ ด้วย!
นางไม่เพียงได้เจอแล้ว ยังได้ล่วงเกินอีกฝ่ายด้วย
นั่นคือนายน้อยของเขาเขี้ยวมังกรเชียวนะ! ฐานะของเขาเทียบเท่ากับผู้อาวุโสของสำนักหลิงอวิ๋นเลย
แม้แต่ท่านเจ้าสำนักของหลิงอวิ๋น ก็ยังต้องใช้ความอดทนกับเขา!
เจ้าสำนักของนางมีลูกศิษย์ที่อยู่ในมือเพียงสองร้อยกว่า แต่เมื่อเทียบกับเจี่ยนเฟิงฉือก็เหมือนเอาไข่ไปกระทบกับหิน!
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงนางเลย!
จ้าวอวิ๋นจื่อหลับตาลงอย่างสิ้นหวัง
ต่อให้ลูกพี่ลูกน้องของนางไม่เคยเจอเจี่ยนเฟิงฉือด้วยตนเอง แต่ก็น่าจะสามารถเดาได้!
แล้วแบบนี้นางควรจะทำอย่างใดดี?
“อวิ๋นจื่อ เจ้าไม่เป็นไรใช่หรือไม่?”
คนอื่นถามนางด้วยความเป็นห่วง
“หรือว่าเจ้าตื่นเต้นมากเกินไป? ไม่เป็นไรนะ คู่ต่อสู้ของเจ้าคือฉู่หลิวเยว่ นางเป็นแค่นักรบระดับสามเท่านั้น ไม่เหมาะเป็นคู่ต่อสู้ของเจ้าได้เลย”
เมื่อจ้าวอวิ๋นจื่อได้ยินดังนั้น สีหน้าของนางก็ดีขึ้นเล็กน้อย
ใช่แล้ว
เรื่องมันมาถึงขนาดนี้แล้ว ต่อให้นางไปขอโทษอีกฝ่าย ฉู่หลิวเยว่และเจี่ยนเฟิงฉือต้องไม่มีทางใจอ่อนแน่นอน!
ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว การแข่งขันครั้งนี้นางจะต้องไม่แพ้อย่างแน่นอน
นางต้องแสดงฝีมือให้โดดเด่นในงานงานหมื่นทูรนี้เท่านั้น พวกเขาจึงไม่มีทางทำอันใดนางได้
“ขอบคุณพี่สาวพี่ชายทุกคนมาก ข้าจะต้องพยายามแน่นอน”
“เฮ้อ คู่ต่อสู้ของเจ้าคนนั้น มีชื่อว่าฉู่หลิวเยว่ใช่หรือไม่?” ทันใดนั้นเองก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งเหมือนนึกอันใดได้ จึงถามขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
จ้าวอวิ๋นจื่อพยักหน้า
ชายคนนั้นมีสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างทันที
“คาดไม่ถึงว่าจะเป็นนาง!?”
จ้าวอวิ๋นจื่อและคนอื่นๆ ต่างก็มึนงง
ชายหนุ่มคนนั้นตบมือแล้วกล่าวอย่างเตือนสติว่า
“พวกเจ้าลืมกันไปแล้วหรือ ข่าวลือเมื่อวานของซีหลิง ที่บอกว่าหญิงคนหนึ่งที่อยู่ระดับสาม สามารถล้มชายที่อยู่ระดับห้าได้!? เมื่อครู่ข้าเพิ่งนึกชื่อของนางขึ้นมาได้ ชื่อของนางคือฉู่หลิวเยว่!”
หลายคนนิ่งค้างไป
ส่วนจ้าวอวิ๋นจื่อเป็นคนที่ตกใจมากที่สุด
“มีเรื่องแบบนี้ด้วยหรือเนี่ย? นี่มันเป็นไปได้อย่างใด? แม้ว่าจอมยุทธ์บางคนที่แข็งแกร่งจนสามารถก้าวข้ามได้ แต่นี่มันเกินไปแล้ว…”
เมื่อวานนางมัวแต่ยุ่งเรื่องของงานหมื่นทูรนี้ จึงไม่รู้เรื่องข่าวลือนั่นเลย!
“ใช่จริงๆ ด้วย! คนที่อยู่จตุรัสผิงเหลียงก็เห็นกันทั้งนั้น!”
ทันใดนั้นพวกเขาก็เงียบเสียงไป จากนั้นก็มองไปที่จ้าวอวิ๋นจื่อ
จะว่าไปแล้ว จ้าวอวิ๋นจื่อก็อยู่ระดับห้าขั้นต้น…
จ้าวอวิ๋นจื่อกำหมัดกร๊อด
“แม้ว่าข่าวลือนั้นจะเป็นจริงแล้วอย่าง.f? มันอาจจะเป็นเรื่องบังเอิญก็ได้ หรือว่านางอาจจะใช้วิธีอื่นๆ ไม่ว่าอย่างใดก็ตาม ฉู่หลิวเยว่ไม่มีทางชนะข้าได้แน่นอน”
วันนี้นางจะต้องชนะเท่านั้น แพ้ไม่ได้เด็ดขาด
…
จ้าวอวิ๋นจื่อรู้สึกกระสับกระส่ายอย่างมาก แต่ทางด้านฉู่หลิวเยว่กลับพักผ่อนอย่างสบายใจ
ชื่อของเจี่ยนเฟิงฉือ มีเพียงไม่กี่คนที่อยู่ใกล้ๆ เท่านั้นที่เห็น เรื่องมันคงยังไม่แพร่ออกไป ดังนั้นสายตาที่มองมาที่นางในตอนนี้ก็ยังเหมือนเดิม
นางกำลังยืนอยู่อย่างผ่อนคลาย เหมือนว่านางจะไม่สนใจอันใด แต่ความจริงแล้วนางกำลังสืบข่าวอยู่จากคนรอบข้างอยู่
“จะว่าไป… องค์หญิงสามไม่มาหรือวันนี้?”
“จริงด้วย! เรื่องทั้งหมดของราชวงศ์เทียนหลิงอยู่ที่ตัวของนางแล้วนะ แต่นี่เพิ่งการแข่งขันรอบแรก นางก็ไม่มาดูด้วยตนเองหรอก แต่ว่า ข้าได้ยินมาว่า…คู่หมั้นขององค์หญิงสาม นั่นก็คือคุณชายใหญ่ของตระกูลเจียงจะมา”
ทันใดนั้นฉู่หลิวเยว่ก็เงยหน้าขึ้นไปมอง!