ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 486 ผู้หญิงคนหนึ่ง
ตอนที่ 486 ผู้หญิงคนหนึ่ง [รีไรท์]
“แน่นอน นี่ก็หมายความว่า ขอแค่ผ่านด่านรอบต่อไป ก็สามารถเลือกสำนักเรียนได้ตามใจชอบเลยสินะ หลังจากที่พวกเจ้าเลือกสำนักที่อยากเข้าแล้ว ทางสำนักก็จะตรวจสอบอีกรอบ หากไม่ผ่านล่ะก็ จะต้องเลือกใหม่อีกครั้ง”
เสียงรบกวนรอบข้างก็ค่อยๆ เงียบเสียงลง แต่ความตื่นเต้นของคนส่วนใหญ่นั้นยังไม่ลดลงเลย
ความจริงแล้วจุดนี้ก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ กลุ่มคนสุดท้ายที่สามารถยืนได้อยู่ในซีหลิง ก็ถือว่าเป็นสำนักที่โดดเด่นที่สุดในราชวงศ์เทียนลิ่ง
การคัดเลือกศิษย์เข้าสำนักนั้นจะต้องเข้มงวดอย่างมาก
ถ้าไม่ว่าใครก็สามารถเข้าไปได้ มันก็ไร้สาระเกินไปแล้ว
“แต่ว่า ทุกคนที่อยู่ในสนามต่างก็เป็นอัจฉริยะที่มีชีพจรตี้จิง ข้าเชื่อว่าสำนักใหญ่ๆ ต้องต้อนรับพวกเจ้าอย่างแน่นอน” ผู้อาวุโสชิวซีกล่าวเสริมขึ้น “ข้าเชื่อว่าทุกคนเข้าใจกติกาในการแข่งขันงานหมื่นทูรครั้งนี้ หากแสดงผลงานได้ดี ก็จะได้รับความนิยมจากสำนักใหญ่ๆ มากขึ้นเท่านั้น! โอกาสที่จะได้เข้าไปในสำนักก็เพิ่มมากขึ้น!”
สีหน้าของแต่ละคนก็แตกต่างกันไป บางคนตื่นเต้น บางคนกังวล ยังมีบางคนที่กำลังเพ้อฝันว่าตัวเองจะเลือกสำนักไหนดี
“ผู้เข้าแข่งขันหนึ่งร้อยคนแรกเข้าประจำที่เรียบร้อยแล้ว หลังจากการแข่งขันเริ่มขึ้น จะไม่มีเวลากำหนด สู้จนกว่าจะมีอีกฝ่ายยอมแพ้ หรือว่าออกจากพื้นที่การแข่งขันของตัวเอง ถือว่าสิ้นสุดการแข่งขัน! หลังจากการแข่งขันจบลงแล้ว ลำดับของผู้ชนะจะมีการเพิ่มขึ้น! ส่วนชื่อของผู้แพ้จะหายไปจากกระดานหินหยกสีดำของทันที!”
ผู้อาวุโสชิวซีสอดส่องสายตาไปรอบด้าน
“มีใครมีคำถามอีกหรือไม่?”
“ผู้อาวุโสชิวซี!”
เด็กหนุ่มคนหนึ่งยกมือขึ้น จากนั้นก็ถามเสียงดังว่า
“ในการแข่งขันครั้งนี้ ขอเพียงชนะก็พอแล้วใช่หรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นวิธีการใดก็ได้หรือ?”
ผู้อาวุโสชิวซีลูบเคราของตนเองเบาๆ แล้วพูดขึ้นว่า
“ถูกต้อง! ขอเพียงไม่ทำให้อีกฝ่ายตาย เรื่องอื่นๆ ไม่มีกำหนด! แค่ชนะได้นับว่าเป็นความสามารถของเจ้าแล้ว!”
สีหน้าของผู้เข้าแข่งขันที่อยู่ด้านนอกพรมแดนม่านฟ้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย
เมื่อได้ยินประโยคนี้ พวกเขาก็คิดว่างานหมื่นทูรครั้งนี้จะเข้มข้นและร้อนแรงขนาดไหนกันเนี่ย น่าติดตามจริงๆ!
แต่ชาวเมืองซีหลิงกลับแสดงสีหน้าตื่นเต้นอย่างมาก พวกเขาส่งเสียงเชียร์ออกมาอย่างฮึกเหิมอีกด้วย
แต่สีหน้าของจ้าวอวิ๋นจื่อกลับซีดลงเล็กน้อย นางบ่นเสียงเบาว่า
“นี่…นี่..จะเป็นไปได้อย่างใด? นี่มันไม่มีกฎเกณฑ์เกินไปแล้ว”
ฉู่หลิวเยว่มองหน้าครู่หนึ่งแล้วขมวดคิ้ว
“เหตุใดหรือ หรือว่าลูกพี่ลูกน้องของเจ้าไม่ได้บอกเรื่องนี้หรือ ที่ซิหลิงก็มีกฎเช่นนี้มาโดยตลอด เจ้าไม่รู้หรือ?”
ในเมืองซีหลิงมีผู้แข็งแกร่งมากมายนับไม่ถ้วน
แนวคิดผู้แข็งแกร่งเป็นใหญ่ของที่นี่นั้นรุนแรงกว่าที่อื่นอย่างมาก
ที่แห่งนี้ดูเหมือนจะหรูหรา รุ่งเรือง แต่ความจริงแล้วทุกวันจะมีการต่อสู้นองเลือดตามสถานที่ต่างๆ มากมาย!
มีคนจำนวนมากตายตามท้องถนน เหตุเพราะว่า…อ่อนแอ!
งานในงานหมื่นทูรนี้มีเงื่อนไขเดียวคือห้ามให้อีกฝ่ายตาย ก็นับว่าไม่เลวแล้ว
จ้าวอวิ๋นจื่อกัดริมฝีกปาก แล้วเงียบไปอยู่นาน
นางเคยได้ยินลูกพี่ลูกน้องเล่าให้ฟังเรื่องที่เมืองซีหลิงมีคนที่แข็งแกร่งจำนวนมาก แต่ก็ไม่เคยได้ยินเขาพูดเรื่องนี้มาก่อนเลย!
“ข้าขอประกาศว่า การแข่งขันงานหมื่นทูร…จะเริ่มขึ้นณ.บัดนี้!”
ผู้อาวุโสชิวซีพูดขึ้นเสียงดัง
บนสังเวียนก็มีคนขานรับอย่างรวดเร็ว เพราะว่าลงมือก่อนได้เปรียบ!
คนที่อยู่ในสนามก็เริ่มต่อสู้ระยะประชิดกันทันที!
โชคดีที่แต่ละสนามมีพื้นที่มากเพียงพอ อีกทั้งรอบข้างก็มีม่านพลังสีเงินจางๆ ปรากฏขึ้น เหตุใดมันสะดวกต่อการแยกแยะได้ จะได้ไม่มีการสับสนระหว่างกัน
ภายใต้สายตาของผู้คนจำนวนมาก ความสนใจส่วนใหญ่กลับมุ่งมาที่ฉู่หลิวเยว่และจ้าวอวิ๋นจื่อ
“นักรบขั้นสามคนนั้น เป็นคนที่มีระดับต่ำที่สุดในสนามนี้แล้วใช่หรือไม่? ข้าว่าการต่อสู้ของพวกนางจะต้องจบเป็นกลุ่มแรกอย่างแน่นอน!”
“นั่นก็ไม่แน่หรอกมั้ง? หรือว่าเจ้าไม่เคยได้ยินเรื่องฝีมือที่แท้จริงของฉู่หลิวเยว่คนนั้นหรือ!”
“ช้าก่อน เจ้าจะบอกว่านางคือคนที่ชนะอู่จ้าวงั้นหรือ?”
“ข้าได้ยินว่าตอนนั้นนางมากับเจี่ยนเฟิงฉือ หากมีการสนับสนุนจากเจี่ยนเฟิงฉือ… ไม่แน่ว่าอู่จ้าวอาจจะอ่อนข้อให้ก็ได้?”
“นั่นมันก็ใช่… แต่มันจะลึกลับขนาดนั้นเลยหรือ? ข้าได้ยินมาว่าครั้งนี้มีศิษย์จากสำนักใหญ่มากมายมาเข้าร่วมการแข่งขันนี้ด้วย มันต้องน่าสนใจมากแน่นอน”
ที่นั่งของผู้ชมเกือบเต็มแล้ว เสียงซุบซิบก็ดังขึ้น เมื่อมองไปที่สนามพวกเขาก็พูดคุยกันอย่างออกรสออกชาติ
แต่อย่างใดก็ตามฝั่งตรงข้ามของกระดานหินหยกสีดำ ก็มีพื้นที่บริเวณหนึ่ง ที่ไม่เข้าพวกอย่างมาก
คนกลุ่มนั้นแต่งตัวดูเหมือนธรรมดา แต่ปราณบนร่างกายของพวกเขา ที่แผ่ออกมากลับทำให้คนอื่นไม่กล้าเข้าใกล้
ในเมืองซีหลิงแห่งนี้ คนที่มีอำนาจและแข็งแกร่งนั้น มีมากเกินไป
หากไม่ระวัง อาจจะตายไม่รู้ตัว
ดังนั้นคนที่อยู่ข้างๆ จึงนั่งนิ่งๆ ไม่เข้าไปยั่วยุอีกฝ่าย
คนหนึ่งในกลุ่มนั้นสวมชุดคลุมยาวสีเขียว แม้ว่าหน้าตาจะดูธรรมดา แต่กลิ่นอายกลับสูงส่ง ไม่เหมือนคนที่สามารถพบเจอได้ทั่วไป
สายตาของเขากวาดมองไปที่กระดานหยกสีดำนั้นอยู่ จากนั้นใบหน้าก็ปรากฏรอยยิ้มขี้เล่นขึ้นมา
“น่าสนุกดีนี่ คาดไม่ถึงว่าจะมีนักรบระดับสาม มาเข้าร่วมการแข่งขันด้วย?”
ผู้ชายที่นั่งอยู่ข้างๆ คนนั้นก็พยักหน้าแล้วกล่าวว่า
“ได้ยินมาว่านางเพิ่งมาถึงเมื่อวานนี้ ก่อนหน้านี้ยังไปก่อเรื่องที่จัตุรัสผิงเหลียงด้วย นางแข็งแกร่งกว่านักรบระดับสามทั่วไปไม่น้อยเลย”
“มีความสามารถในการต่อสู้ ฝีมือของนางจะต้องไม่ธรรมดาแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นนางยังสามารถข้ามชั้นเรียนได้สองระดับ ต่อให้อยู่ในโลกที่มีคุณภาพต่ำ แต่ศักยภาพของนางก็ไม่เลวเลย”
เมื่อได้ยินดังนั้นชายที่สวมชุดคลุมยาวสีเขียวก็หันไปมองในสนาม
ร่างของสาวงามร่างผอมเพรียว ก็ปรากฏอยู่ในสายตา
จากมุมของเขา เขาเห็นเพียงผ้าผูกผมสีเขียวที่ผูกไว้อย่างง่ายๆ เท่านั้นและเห็นชายกระโปรงสีแดงที่ปลิวไปตามแรงลม
สีดำและสีแดงตัดกันอย่างมาก เห็นได้ชัดว่าเป็นชุดที่เรียบง่าย แต่แฝงไปด้วยเสน่ห์อย่างไม่สามารถบรรยายออกมาได้
เมื่อมองจากระยะไกล นางก็เหมือนภาพวาดที่สดใสภาพหนึ่ง
ผู้ชายคนที่อยู่ข้างๆ ยกมือขึ้นมากอดอก โดยไม่พูดอันใด
เขาหรี่ตามองเล็กน้อย
คาดไม่ถึงว่าชีพจรตี้จิงของนางจะอยู่ในระดับกลาง…
“เหมือนว่านางจะอายุยังไม่มาก”
“ได้ยินว่านางอายุสิบสี่”
“มาจากที่ใด?”
“แคว้นเย่าเฉิน”
ชายที่สวมชุดคุลมยาวสีเขียวชะงักไปครู่หนึ่ง
“เย่าเฉิน?”
นั่นเป็นที่ที่มู่ชิงเห่อไปไม่ใช่หรือ!?
“ขอรับ แต่เจี่ยนเฟิงฉือเป็นคนพานางมา” ชายที่อยู่ด้านข้างรู้สึกถึงความผิดปกติของเขา จึงถามขึ้นอย่างกังวลใจว่า “คุณชายใหญ่ เป็นอันใดไปหรือ? หรือว่ามีตรงไหนไม่ถูกต้องกัน?”
ชายคนนั้นครุ่นคิดอยู่สักพักหนึ่ง แล้วพูดขึ้นว่า
“ไม่มีอันใด”
จะว่าไปแล้ว เรื่องนี้จะต้องมีเงื่อนงำอยู่แน่นอน…
ในเวทีการประลอง จ้าวอวิ๋นจื่อก็ดึงกระบี่สีน้ำเงินของตนเองออกมา!
ปราณน้ำแข็งแผ่ออกมา และกระจายไปที่รอบข้างอย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้นไม่นานก็มีหยาดน้ำค้างแข็งปรากฏขึ้นที่บนดาบ!
อีกทั้งพื้นสนามก็มีความเย็นเริ่มเข้าปกคลุม หยาดน้ำค้างแข็งเริ่มคืบคลาน
“วิชาตัดแม่น้ำเหมันต์”
จ้าวอวิ๋นจื่อถ่ายเทพลังในร่างกายเขาไปอยู่ในกระบี่เล่มนั้น
หลังจากนั้นแสงสีเงินก็พุ่งออกมาจากกระบี่อย่างรวดเร็ว เหมือนน้ำแข็งที่แตกกระจาย
เสียง แกร๊กๆ ดังขึ้น ปราณกระบี่ที่ดุร้ายก็พวยพุ่งออกมาจากกระบี่เล่มนั้นอย่างมหาศาล
จ้าวอวิ๋นจื่อแตะปลายเท้าแล้วพุ่งตัวเข้าไปทันที
กระบี่สีน้ำเงินเล่มบาง พุ่งตรงเข้าไปที่หัวใจของฉู่หลิวเยว่
กระบี่แม่น้ำเหมันต์นี้ทำมาจากเหล็กเหมันต์ที่ล้ำค่า อีกทั้งสามารถขยายปราณเย็นออกไปกลางอากาศได้ ถือว่าแข็งแกร่งอย่างมาก
การต่อสู้ในรอบหลายปีมานี้ นางไม่เคยแพ้เลยแม้แต่ครั้งเดียว
จ้าวอวิ๋นจื่อจ้องฉู่หลิวเยว่ตาเขม็ง
“ถ้าเจ้าแพ้ให้กับกระบี่แม่น้ำเหมันต์ ก็ถือว่าเจ้าไม่สมควรได้มาอยู่ที่นี่”
เมื่อพูดจบ กระบี่เล่มนั้นก็พุ่งเข้ามา