ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 491 ข้าช่วยเจ้าได้
ตอนที่ 491 ข้าช่วยเจ้าได้ [รีไรท์]
เด็กหนุ่มคนนั้นยังมีความดื้อด้านและป่าเถื่อนอยู่ในร่างกาย ดูไปดูมาแล้วก็เหมือนสัตว์ป่าที่อยู่ในวัยคึกคะนอง
ฉู่หลิวเยว่กวาดสายตามองไปทางกระดานหยกสีดำแผ่นนั้น จากนั้นสายตาก็ประสานกับเด็กหนุ่มคนนั้น
“เชียงหว่านโจว?” ฉู่หลิวเยว่พูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม
เด็กหนุ่มคนนั้นพยักหน้า
ฉู่หลิวเยว่ประหลาดใจเล็กน้อย
ดูเหมือนว่าคนคนนี้จะมาจากชายแดนหรือไม่ก็ดินแดนรกร้าง คิดไม่ถึงว่าเขาจะมีชื่อที่เพราะขนาดนี้
ชื่อนี้แตกต่างจากนิสัยของเขาอย่างมาก (หว่านโจว ชื่อของเขาแปลว่าเรือยามค่ำคืน)
“ข้าชื่อว่าฉู่หลิวเยว่”
เด็กหนุ่มคนนั้นเหลือบมองนางครู่หนึ่ง “ข้ารู้แล้ว”
เมื่อครู่มีคนตั้งมากมายเรียกชื่อนาง เขาก็ได้ยินอย่างชัดเจน
ฉู่หลิวเยว่ชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็หัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้
ดูเหมือนว่าคนคนนี้ไม่ได้ดูไม่น่าเข้าใกล้เหมือนกับภายนอกที่แสดงออกมาสินะ ในทางกลับกัน…เขาเหมือนว่าจะ…บริสุทธิ์เหมือนกับเด็กน้อย?
“ข้ามีเรื่องให้เจ้าช่วย”
เชียงหว่านโจวพูดขึ้นอย่างตรงไปตรงมา
ฉู่หลิวเยว่เอนตัวพิงพนักเก้าอี้ด้วยความสนใจ “หื้อ? เรื่องอันใดหรือ?”
ปกติแล้วคนทั่วไปไม่มีทางมาขอความช่วยเหลือจากคนแปลกหน้าแบบนี้แน่นอน แต่เขากลับพูดออกมาอย่างตรงไปตรงมา ช่างหาได้ยากยิ่ง
“ข้าต้องการเชื้อเพลิงของเจ้า”
มุมปากของฉู่หลิวเยว่ยกยิ้มขึ้น
“เจ้าพูดว่าอันใดน่ะ?”
เมื่อเชียงหว่านโจวเห็นท่าทางของฉู่หลิวเยว่ เขาก็ขมวดคิ้วเบาๆ
“ข้าไม่มีทางให้เจ้าช่วยเปล่าๆ แน่นอน ข้าจะตอบแทนด้วยการเป็นผู้ติดตามของเจ้าสิบวัน”
ฉู่หลิวเยว่พูดขึ้น “เจ้ารู้ตัวหรือไม่ว่าเจ้ากำลังพูดอันใดอยู่?”
“ยี่สิบวัน”
“ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ระยะเวลา แต่ว่า…”
“สามสิบวัน มากที่สุดแล้ว”
“…”
ฉู่หลิวเยว่ขมวดคิ้วอย่างปวดหัว
ก่อนหน้านี้เด็กคนนี้ดูมีความสามารถในการต่อสู้มาก แต่เหตุใดสมองของเขาดูผิดปกติเล็กน้อยเล่า?
“เชียงหว่านโจวสินะ? เจ้ามานี่ มานั่งลงก่อน”
เชียงหว่านโจวกำลังจะส่ายหน้า แต่ฉู่หลิวเยว่กลับพูดแทรกขึ้นมาว่า
“ถ้าไม่นั่ง ข้าจะไม่ตอบตกลง!”
เชียงหว่านโจวมองหน้าครู่หนึ่ง จากนั้นก็ไปนั่งลงที่ด้านข้างของนาง
ฉู่หลิวเยว่เหลือบมองเขาอย่างไม่ได้ตั้งใจ แต่ก็พบว่าท่านั่งของเขานั้นตรงตามมาตรฐานอย่างมาก หลังตรง มีสง่าราศี ราวกับว่าได้รับการเรียนรู้มาโดยเฉพาะ
ถ้าไม่มองเสื้อที่ทั้งเก่าและขาดของเขา การเคลื่อนไหวของเขานั้น เหมือนกับลูกขุนนางที่ได้รับการดูแลสั่งสอนมาอย่างดี
หลังจากที่เขานั่งลงแล้ว เขาก็หันมามองฉู่หลิวเยว่ เห็นได้ชัดว่ากำลังรอคำตอบของนางอยู่
ฉู่หลิวเยว่ถอนหายใจออกมา แล้วชูนิ้วขึ้น
“หนึ่ง ขอความช่วยเหลือจากคนอื่นไม่ได้ทำกันแบบนี้ สอง แม้ว่าเจ้าจะมาเป็นผู้ติดตามของข้าหนึ่งปี ข้าก็ไม่สนใจ สาม…เจ้ารู้ด้วยหรือว่าอันใดคือเชื้อเพลิง?”
สายตาที่ดื้อรั้นเย็นชาของเชียงหว่านโจว กวาดตามองไปที่นิ้วของฉู่หลิวเยว่
“หนึ่ง ข้ามาขอความช่วยเหลือจากเจ้า ด้วยวิธีการของข้าเอง สอง ข้าบอกแล้วว่ามากสุดคือหนึ่งเดือน หากเป็นหนึ่งปีนั้นไม่มีทางแน่นอน สาม ข้ารู้ว่าเชื้อเพลิงคืออันใด เจ้าเป็นหมอเทวดาไม่ใช่หรือ เช่นนั้นเจ้าต้องมีเชื้อเพลิงอยู่แล้ว”
ฉู่หลิวเยว่เบิกตากว้างขึ้นเล็กน้อย
“ใครบอกเจ้าว่า หมอเทวดาทุกคนจะมีเชื้อเพลิง?”
เชียงหว่านโจวหน้าตาเลิกลั่ก
“แน่นอนว่ามีคนบอกข้า”
ฉู่หลิวเยว่กุมหน้าผาก
“คนคนนั้นหลอกเจ้าแล้ว! มีเพียงหมอเทวดาระดับสุดยอดเท่านั้นที่จะมีเชื้อเพลิงหลอมแข็ง! ระดับของข้าในตอนนี้ ไม่ว่าอย่างใดก็ทำไม่ได้หรอก เรื่องนี้เกรงว่าข้าจะช่วยเจ้าไม่ได้ ขอโทษด้วย!”
เชียงหว่านโจวลุกขึ้นยืนด้วยใบหน้าโกรธเกรี้ยว
“เจ้าหาว่าใครเป็นคนหลอกลวง!”
ฉู่หลิวเยว่ตกใจมาก คิดไม่ถึงว่าเชียงหว่านโจวจะมีปฏิกิริยาแบบนี้
ดูเหมือนว่าคนที่เป็นคนบอกเขา จะต้องเป็นคนที่มีความสำคัญอย่างแน่นอน?
“อะแฮ่ม ข้าไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น ข้าหมายความว่า…เหมือนว่าเจ้ายังไม่ค่อยรู้เรื่องหมอเทวดาดี เรื่องนี้ข้าไม่สามารถช่วยอันใดได้จริงๆ แต่ว่าในซีหลิงมีหมอเทวดาจำนวนไม่น้อย เจ้าสามารถไปขอความช่วยเหลือจากพวกเขาได้”
เมื่อเห็นท่าทางที่จริงใจของฉู่หลิวเยว่แล้ว นางไม่เหมือนคนที่กำลังโกหก ดังนั้นเชียงหว่านโจวจึงไม่ได้โมโหอีกต่อไป
“ข้าไม่ต้องการหมอเทวดาคนอื่น มีเพียงเจ้าเท่านั้นที่ช่วยข้าได้”
เขาพูดขึ้นมาอย่างดื้อดึง
ฉู่หลิวเยว่ไม่ได้ตอบอันใดกลับในทันที
เปลวเพลิงของนางนั้น ต่างจากคนทั่วไปจริงๆ นั่นแหละ
หรือว่า…เชียงหว่านโจวมาเพื่อสิ่งนี้?
เปลวเพลิงที่ถูกเรียกว่าเชื้อเพลิง มันคือการควบแน่นจากพลังปราณดั้งเดิม
หมอเทวดาจะใส่เพลิงชนิดนี้ลงไปในร่างกายของผู้บำเพ็ญเพียร จากนั้นเขาก็สามารถใช้พลังดั้งเดิมของตัวเองกระตุ้นให้เชื้อเพลิงนี้เติบโตขึ้นมาได้ ในขณะเดียวกันพวกเขาก็สามารถนำเปลวเพลิงเหล่านี้ออกมาใช้ในการต่อสู้ได้อีกด้วย
จากนั้นหากผู้บำเพ็ญเพียรมีระดับที่เพิ่มขึ้น เชื้อเพลิงที่อยู่ในตัวของเขา ก็จะโตตามขึ้นไปด้วย
มีบางคนที่สามารถผสมผสานกับเชื้อเพลิงเหล่านี้ได้ เขาก็กลายเป็นหมอเทวดาได้!
นี่เป็นวิธีการของคนที่ต้องการจะเป็นหมอเทวดา
แต่เชื้อเพลิงชนิดนี้มันหลอมกันได้ง่ายๆ ที่ไหนเล่า?
ของสิ่งนี้ทำให้สูญเสียพลังและปราณของหมอเทวดาอย่างมาก แต่อัตราความสำเร็จกลับต่ำ
สำหรับหมอเทวดาแล้ว การที่หลอมเชื้อเพลิงนี้เป็นการกินแรงแต่ผลประโยชน์ไม่คุ้มค่า
เดิมทีแล้วไม่มีใครยอมหลอมเชื้อเพลิงให้คนอื่นโดยเปล่าประโยชน์หรอก
แต่เหมือนว่าเชียงหว่านโจว จะมองว่าเรื่องนี้มันเป็นเรื่องที่ง่ายดายอย่างมาก
ฉู่หลิวเยว่มองท่าทางที่ดื้อรั้นของเขา แล้วก็รู้สึกปวดหัวเล็กน้อย
หากอยากจะโน้มน้าวเขา เหมือนว่าจะเป็นเรื่องที่ลำบากเล็กน้อย…
“เจ้าไม่อยากช่วยข้าหรือ?”
เชียงหว่านโจวถามโพล่งออกมา
ฉู่หลิวเยว่โบกมืออย่างจนใจ “ขอโทษนะ ไม่ใช่ว่าข้าไม่อยากช่วย แต่ข้าช่วยไม่ได้จริงๆ”
แต่เชียงหว่านโจวกลับพูดขึ้นมาว่า
“เจ้าไม่ยอมช่วยข้า”
ครั้งนี้เป็นเพียงประโยคบอกเล่า
ฉู่หลิวเยว่กะพริบตาปริบๆ
แต่เชียงหว่านโจวกลับไม่ได้พูดอันใดอีก เขาหันหน้าแล้วมองไปทางเวทีประลอง
สีหน้าของเขาราบเรียบอย่างมาก ราวกับว่าไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องนี้เลย
ทันใดนั้นฉู่หลิวเยว่กลับเกิดความสงสัยขึ้นมา จึงขยับตัวเข้าใกล้แล้วถามเสียงเบาว่า
“เหตุใดเจ้าถึงต้องการเชื้อเพลิง? วรยุทธ์ของเจ้าล้ำเลิศขนาดนั้นแล้ว ไม่เห็นจำเป็นจะต้องเป็นหมอเทวดาเลย”
เชียงหว่านโจวมองหน้านางเล็กน้อย
“ข้าไม่ได้อยากเป็นหมอเทวดา”
“แล้วเจ้าจะเอาเชื้อเพลิงไปทำอันใด?” ฉู่หลิวเยว่สงสัยมากขึ้น
เชียงหว่านโจวชะงักไปชั่วคราว “ข้าต้องการเชื้อเพลิงเพื่อใช้ชีวิตต่อไป”
เมื่อพูดจบใบหน้าของเด็กหนุ่มก็มีความหงอยเหงาปรากฏขึ้น จากนั้นก็หายไปอย่างรวดเร็ว
“ข้าจะต้องตามหาคนคนหนึ่ง แต่ยังหาไม่เจอเลย ข้ากลัวว่าข้ายังไม่ทันได้เจอนาง แต่กลับต้องตายเสียก่อน”
น้ำเสียงของเขาราบเรียบอย่างมาก
ฉู่หลิวเยว่กลับรู้สึกว่า ตอนที่เขาพูดว่าเขากำลังจะตายนั้น ไม่มีคลื่นอารมณ์ใดๆ แต่ตอนที่พูดว่าหาคนคนนั้นไม่เจอ กลับมีร่องรอยของความเศร้าเสียใจอยู่
เหมือนกับว่า…นางคนนั้น สำคัญกว่าชีวิตของเขาเสียอีก
หัวใจของฉู่หลิวเยว่สั่นไหวเล็กน้อย
“คนคนนั้นสำคัญกับเจ้ามากหรือ?”
สีหน้าของเชียงหว่านโจวกลับมาราบเรียบดังเดิมแล้ว เมื่อได้ยินดังนั้นเขาก็เม้มริมฝีปากเล็กน้อย เขาพูดขึ้นอย่างหนักแน่นว่า
“สำหรับข้าแล้ว เขาเป็นคนที่สำคัญที่สุดของข้า”
หัวใจของฉู่หลิวเยว่เหมือนได้สัมผัสกับอันใดที่อ่อนโยน
นางไม่ได้พูดอันใดอีก เพียงแค่เอนหลังพิงพนักเก้าอี้ตามเดิม และหันไปมองการแข่งขันบนเวทีประลอง
ความเงียบแผ่กระจายออกมาทั้งสองคน ราวกับว่าพวกเขาได้คุยกันอย่างเปิดอกแล้ว
เวลาค่อยๆ ผ่านไป
รายชื่อในกระดานหยกสีดำก็ค่อยๆ น้อยลงเรื่อยๆ
คนที่ถูกพาตัวออกจากสนามก็มีมากขึ้น
การแข่งขันเดินทางมาถึงครึ่งทางแล้ว ในที่สุดฉู่หลิวเยว่ก็พูดขึ้นมาว่า
“ข้าช่วยเจ้าได้”