ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 496 เจอคนคุ้นเคยอีกแล้ว
ตอนที่ 496 เจอคนคุ้นเคยอีกแล้ว [รีไรท์]
ปะการังชิ้นเล็กเท่าฝ่ามือนอนอยู่ในตู้กระจกด้วยความเงียบ
มันมีสีแดงอมส้ม ส่วนปลายของมันมีสีขาวจางๆ ใสราวกับหยก
นี่คือปะการังแห่งแผ่นดินที่คุณภาพดีที่สุด
ไม่ว่าจะเป็นขนาด รูปร่าง หรือว่าสีสัน…ล้วนยอดเยี่ยมทั้งหมด
ต่อให้คนที่จุกจิกเหมือนฉู่หลิวเยว่เห็นแล้วก็ต้องอยากได้มันอย่างรวดเร็ว
ของสิ่งนี้มีสรรพคุณขับปราณเย็นของเชียงหว่านโจวได้เป็นอย่างดี เป็นของที่จะต้องซื้อให้ได้
ฉู่หลิวเยว่เหลือบไปมองราคา
ผนึกศิลาขาวสิบก้อน
เพื่อปะการังแห่งแผ่นดิน ต้องใช้เงินที่นางมีทั้งหมดในตอนนี้
ไม่ต้องพูดถึงสมุนไพรชิ้นอื่นๆ เลย
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกเจ็บปวดใจเล็กน้อย
ก่อนที่นางจะกลับมาเกิดใหม่ นางแทบจะไม่ต้องหยิบเงินออกมาจากกระเป๋าของตนเองเลย
แต่หลังจากกลับมาเกิดใหม่แล้ว ของในแคว้นเย่าเฉินนางก็สามารถซื้อได้
แต่ว่าที่นี่นางซื้อไม่ไหว
ผนึกศิลาขาวไม่ได้หาได้ง่ายนัก
อู่จ้าวเป็นนักรบระดับห้าคนหนึ่ง อยู่ที่จัตุรัสผิงเหลียงมานานขนาดนั้น ในตัวของเขายังมีเท่านั้น?
ก็ไม่ต้องพูดถึงนางเลย
มือข้างหนึ่งของฉู่หลิวเยว่กอดอกไว้ อีกข้างก็ยกขึ้นมาลูบคาง พร้อมครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง
ดูเหมือนว่ากำลังคิดถึงหนทางที่จะหาเงินได้อย่างรวดเร็ว…
“ข้าเอาชิ้นนี้” ฉู่หลิวเยว่พูดขึ้น
พนักงานที่ยืนรออยู่ด้านข้างก็ยิ้ม แล้วรีบเดินเข้ามาทันที
“ท่านสายตาเฉียบแหลมจริงๆ นี่คือปะการังแห่งแผ่นดินที่งดงามที่สุด หลังจากเดินมาไม่นาน ท่านก็เห็นมันเสียแล้ว”
ฉู่หลิวเยว่ไม่สนใจสำนวนเช่นนี้อยู่แล้ว แต่นางก็พยักหน้าเห็นด้วย
“ของชิ้นนี้ดีมากจริงๆ”
พนักงานคนนั้นก็ดูภูมิใจขึ้นหลายส่วน
“ท่านวางใจเถอะ ของในหอร้อยโอสถของพวกเรา ล้วนแต่เป็นของที่ดีที่สุด ท่านลองดูก่อนว่ามีสินค้าชิ้นอีกที่ท่านต้องการอีกหรือไม่?”
ฉู่หลิวเยว่โบกมือ
“เอาอันนี้มาก่อน แล้วข้าค่อยไปดูอย่างอื่น”
พนักงานตัวน้อยคนนั้นก็ฉลาดมาก เขาไม่ได้พูดอันใดต่อ เขาสวมถุงมือ และเตรียมจะหยิบปะการังชิ้นนั้นออกมา
“ช้าก่อน! ข้าจะเอาปะการังแห่งแผ่นดินชิ้นนี้!”
เสียงนุ่มนวลของผู้หญิงคนหนึ่งดังมาจากด้านหลังของพวกเขา
ฉู่หลิวเยว่จึงหันหลังกลับไปมอง
ผู้หญิงคนนั้นสวมชุดสีเหลือง อายุประมาณยี่สิบปี รูปร่างสูงเพรียว ใบหน้างดงาม หางตาชี้ขึ้น ความเย่อหยิ่งที่แผ่ออกมา ทำให้คนรู้สึกไม่สบายใจ
สายตาของนางจดจ้องอยู่ที่ปะการังแห่งแผ่นดินก้อนนั้น ราวกับว่าไม่ได้สนใจเลยว่าฉู่หลิวเยว่ก็ยืนอยู่ตรงนี้ด้วยเหมือนกัน
คนที่ยืนอยู่ด้านข้างของนาง คือผู้ชายคนหนึ่งอายุประมาณยี่สิบห้ายี่สิบหกปี สวมชุดคลุมยาวสีขาวนวล หน้าตาหล่อเหลา แววตาที่มองไปที่สาวชุดเหลืองมีความเอาใจอยู่หลายส่วน
มุมปากของฉู่หลิวเยว่ยกยิ้มเล็กน้อย
บังเอิญจริงๆ ที่ได้เจอคนคุ้นเคย
ผู้หญิงคนนี้ก็คือน้องสาวแท้ๆ ของเจียงอวี่เฉิง นามว่าเจียงอวี่จือ ส่วนผู้ชายคนนั้นก็คือ คุณชายรองของตระกูลซย่าโหว นามว่าซย่าโหวถิงอัน
ทั้งสองคนนี้…เคยมีความเกี่ยวข้องกับนางในอดีต
เจียงอวี่จือไม่จำเป็นต้องพูดถึง
ในปีนั้นหลังจากที่นางแต่งงานกับเจียงอวี่เฉิงแล้ว นางก็อยากจะใกล้ชิดกับเจียงอวี่จือให้มากขึ้นอีกหน่อย แต่เจียงอวี่จือมักจะหลบเลี่ยงนางอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเข้าหาอย่างใดก็ไม่ได้
หลังจากนั้นเจียงอวี่จือก็ได้ทำเรื่องบางอย่างผิดพลาดอย่างจงใจแล้ว และโดนนางตำหนิไปหนึ่งครั้ง นางก็ยิ่งไม่พอใจมากขึ้น แล้วต่อต้านนางหนักขึ้นเรื่อยๆ
นางจึงไม่สนใจเจียงอวี่จืออีกต่อไป
แต่ในทางตรงกันข้ามซั่งกวนหว่าน กลับมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเจียงอวี่จือมาโดยตลอด พวกนางทั้งสองคนเป็นเพื่อนที่สนิทสนมกันมาก
ส่วนซย่าโหวถิงอัน…
เขาเป็นสหายร่วมเรียนกับองค์หญิงองค์ชายมาตั้งแต่เด็กๆ จึงสนิทสนมกับพวกเขามาก
แต่ประเด็นที่สำคัญก็คือเขาเคยสนใจนาง มีแม้กระทั่งความคิดที่อยากจะขอนางแต่งงาน
แต่ฉู่หลิวเยว่ปฏิเสธเขามาตั้งแต่แรก หลังจากนั้นก็ไม่ได้เก็บเรื่องพวกนี้มาใส่ใจอีกเลย
แต่ว่าในตอนนี้ได้มาเห็นพวกเขาทั้งคู่อยู่ด้วยกัน ในใจของนางก็รู้สึกอึดอัดใจอยู่เล็กน้อย
“คุณหนูสี่ตระกูลเจียง ต้องขอโทษจริงๆ นะขอรับ ปะการังแห่งแผ่นดินชิ้นนี้ เป็นของคุณหนูท่านนี้แล้วขอรับ” เมื่อพนักงานคนนั้นเห็นว่าผู้ที่มาใหม่คือคนที่มีอำนาจในเมืองซีหลิง เขาก็กล่าวขอโทษอย่างระมัดระวัง
เจียงอวี่จือขมวดคิ้วแน่น จากนั้นก็เห็นมามองที่ฉู่หลิวเยว่
เมื่อเห็นใบหน้าที่งดงามของนาง เจียงอวี่จือก็ตกใจไปอยู่ครู่หนึ่ง ในเมืองซีหลิงมีคนแบบนี้มาตั้งแต่เมื่อไหร่?
เจียงอวี่จือเกลียดชังเพศเดียวกัน และไม่ชอบคนที่โดดเด่นกว่านาง ในใจจึงรังเกียจขึ้นมาหลายส่วน
นางกวาดตามองฉู่หลิวเยว่อย่างสำรวจ
บนร่างกายของสาวชุดแดงผู้นี้ไม่มีเครื่องประดับอันใดเลย เนื้อผ้าที่สวมใส่อยู่ก็ไม่มีของมีราคา ดูแล้วธรรมดาอย่างมาก
คนผู้นี้ต้องมีต้นกำเนิดที่ต้อยต่ำแน่นอน
หลังจากนางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง นางก็เดาได้ว่าอีกฝ่ายจะต้องเป็นคนจากนอกพรมแดนม่านฟ้าแน่นอน สายตาดูถูกและเหยียดหยามปิดเอาไว้ไม่มิด
“นางจ่ายเงินหรือยัง?”
พนักงานคนนั้นชะงักไปครู่หนึ่ง “ยังขอรับ แต่ว่า…”
“ยังไม่ได้จ่ายเงิน ก็ถึงว่าของชิ้นนี้ยังไม่ใช่ของนาง ข้าต้องการซื้อ เจ้ามีปัญหาอันใดหรือไม่?”
เมื่อพูดจบนางก็ยกมือขึ้น
คนที่อยู่ด้านหลังของนางก็เดินขึ้นมา พร้อมส่งผนึกศิลาขาวสิบก้อนให้
เจียงอวี่จือหันไปยิ้มให้ซย่าโหวถิงอันอย่างภูมิใจ
“ถิงอัน หากนำปะการังแห่งแผ่นดินชิ้นนี้ไปเจียระไนเป็นต่างหู ต้องสวยมากทีเดียวเลยนะ เจ้าว่าดีหรือไม่?”
ใช้เงินผนึกศิลาสิบก้อนเพื่อซื้อปะการังแห่งแผ่นดินชิ้นเดียว ทำเป็นต่างหู
นี่มันช่างฟุ่มเฟือยเสียจริง ในเมืองซีหลิงคงมีไม่กี่ตระกูลเท่านั้นที่ทำแบบนี้ได้
ซย่าโหวถิงอันบีบจมูกของนางเบาๆ อย่างอ่อนใจ
“สวยสิ เจ้าสวมอันใดก็สวยทั้งนั้นแหละ”
เจียงอวี่จือยิ้มกว้างขึ้น นางเหมือนผู้หญิงตัวเล็กที่จมกับความรัก โดยที่ไม่เห็นคนอื่นอยู่ในสายตาเลย
พนักงานคนนั้นหันไปมองฉู่หลิวเยว่ด้วยสีหน้าย่ำแย่
ใครมาก่อนได้ก่อน นี่เป็นกฎที่ทุกคนก็รู้
แต่ว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าคนที่มีอำนาจ คำพูดของพวกเขาต่างหากที่เป็นกฎ
เจียงอวี่จือต้องการ เขาก็ไม่กล้าไม่ให้
“คุณหนูท่านนี้ข้าขอโทษจริงๆ นะขอรับ คุณหนูสี่ตระกูลเจียงเป็นแขกกิตติมศักดิ์ของร้านเรา เกรงว่าปะการังแห่งแผ่นดินชิ้นนี้ มอบให้ท่านไม่ได้แล้ว แต่ว่าท่านวางใจได้เลย ทางเราจะต้องชดใช้แน่นอน หากท่านสนใจชิ้นไหนอีก ทางร้านค้าของเราจะให้ท่านจ่ายเพียงแค่แปดส่วนเท่านั้น ดีหรือไม่ขอรับ?”
ฉู่หลิวเยว่หัวเราะออกมา
เพื่อผนึกศิลาขาวสองก้อน นางถึงต้องยอมประนีประนอมเลยหรือ
นางเป็นคนที่พูดจาง่ายดายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
หากเป็นคนอื่น ที่เข้ามาพูดจาดีๆ นางอาจจะยอมถอยให้ด้วยความเมตตา
อีกทั้งของชิ้นนี้นางจะต้องนำไปหลอมโอสถ ผลลัพธ์ไม่ได้ดีมาก
แต่อีกฝ่ายคือเจียงอวี่จือ ไม่ว่าอย่างใดนางก็ไม่ยอมถอยเด็ดขาด
“ข้าเกรงว่าจะไม่ได้”
ฉู่หลิวเยว่พูดขึ้นตรงๆ
“เมื่อครู่ข้าบอกให้เจ้าเก็บของชิ้นนี้ไว้แล้ว ถือว่าการเจรจาสิ้นสุดลง ปะการังแห่งแผ่นดินชิ้นนี้ ก็นับว่าเป็นของข้าแล้ว คนอื่นที่เข้ามา ก็ถือว่ามาทีหลัง ไม่มีสิทธิที่จะมาแย่งกับข้า ไม่ใช่หรือไง?”
พนักงานคนนั้นแทบจะรักษารอยยิ้มเอาไว้ไม่ได้แล้ว
คาดไม่ถึงว่าผู้หญิงคนนี้จะกล้าต่อต้านเจียงอวี่จือ?!
นั่นมันคุณหนูสี่ของตระกูลเจียงเลยนะ น้องสาวแท้ๆ ของราชบุตรเขยองค์ปัจจุบันนะ!
มีใครไม่รู้บ้างว่าอำนาจของเจียงอวี่เฉิงในตอนนี้มีมากขนาดไหน จะเอาใจตระกูลเจียงก็ไม่ทันแล้ว แล้วใครจะล่วงเกินตระกูลเจียงแบบนี้อีกเล่า?
เมื่อเจียงอวี่จือได้ยินประโยคนั้นก็ตกใจอย่างมาก
“เจ้าพูดว่าอันใดนะ?”
ฉู่หลิวเยว่เคาะที่ตู้กระจก แววตาดำมืดเหมือนนิลราบเรียบ
“ข้าบอกว่า ข้าไม่ยอมยกของชิ้นนี้ให้เจ้า”
เจียงอวี่จือคุ้นชินกับการที่ถูกคนอื่นตามใจเป็นเวลานาน อารมณ์ของนางจึงพุ่งสูงขึ้น เมื่อได้ยินคำว่า “ไม่”
เป็นแค่คนตัวเล็กๆ คาดไม่ถึงว่าจะกล้ามาทำเช่นนี้กับนาง จึงเกิดเป็นความไม่พอใจที่สะสมขึ้นมา
“เจ้าลองพูดอีกทีสิ!?”