ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 497 ข้าจะเอา
ตอนที่ 497 ข้าจะเอา [รีไรท์]
ฉู่หลิวเยว่หัวเราะเบาๆ
“ตระกูลเจียงเป็นตระกูลขุนนาง คุณหนูสี่ก็มีตำแหน่งสูง น่าจะต้องรู้หลักใครมาก่อนได้ก่อนนี่นา ไม่ควรแย่งของจากมือคนอื่นเช่นนี้สิ ท่านว่าอย่างนั้นหรือไม่?”
นางพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม พร้อมมองเจียงอวี่จืออย่างดุร้าย
“เจ้า!”
ผู้หญิงคนนี้ปากดียิ่งนัก!
ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความโกรธ ตอนที่จะเดินขึ้นไปตบปากอีกฝ่ายเพื่อเป็นการสั่งสอน ซย่าโหวถิงอันที่ยืนอยู่ด้านข้างก็กล่าวขึ้นมาอย่างอ่อนโยน
“อวี่จือ ที่ผู้หญิงคนนี้พูดมาก็มีเหตุผล”
เจียงอวี่จือหันไปมองอีกฝ่ายด้วยความโกรธ
“หรือว่าแม้แต่เจ้าก็ยังเข้าข้างนางด้วยอีกหรือ?”
ไม่ใช่เพราะว่าเขาชอบใบหน้าของผู้หญิงคนนี้หรอกนะ!
เมื่อซย่าโหวถิงอันเห็นสีหน้าของอีกฝ่าย ก็รู้ว่านางเข้าใจผิดแล้ว จึงยิ้มขึ้นพร้อมลูบมือของนางแล้วพูดว่า
“เจ้าคิดไปถึงไหนแล้วเนี่ย? เจ้าเป็นถึงคุณหนูสี่ตระกูลเจียงนะ ไม่ควรจะทำเรื่องเช่นนี้จริงๆ ไม่เช่นนั้นหากราชครูรู้เรื่องนี้เข้า เขาจะตำหนิเจ้าได้นะ”
เมื่อได้ยินเขาพูดถึงท่านพ่อ เจียงอวี่จือก็สงบขึ้นเล็กน้อย
เจียงลี่จั่วที่อยู่ตำแหน่งราชครูนั้น เข้มงวดกับตัวเองและครอบครัวอย่างมาก เจียงอวี่จือจึงกลัวเขาอย่างมาก
“แต่ข้าต้องการปะการังแห่งแผ่นดินชิ้นนั้น!” เจียงอวี่จือกระทืบเท้าอย่างไม่ยินยอม
“ไม่ต้องกังวล ของที่เจ้าอยากได้ ข้าจะหามาให้อย่างแน่นอน”
ซย่าโหวถิงอันปลอบใจนางด้วยคำพูดไม่กี่คำ จากนั้นจึงสาวเท้าขึ้นมาด้านหน้า แล้วพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มว่า
“การแย่งของรักของคนอื่นเป็นเรื่องที่พวกเราไม่ชอบทำ แต่ยากนักที่เจียงอวี่จือจะได้เจอของที่ชอบ ดังนั้น…ข้าจะจ่ายให้สองเท่า แล้วซื้อของชิ้นนี้ไป คนที่จ่ายเงินสูงสุดต้องได้รับของไป เรื่องนี้คงไม่มีปัญหาใช่หรือไม่?”
เมื่อพูดจบคนที่ติดตามอยู่ด้านหลังก็ก้าวขึ้นมาด้านหน้า พร้อมหยิบผนึกศิลาขาวออกมาอีกสิบก้อน
พนักงานคนนั้นมองไปที่ฉู่หลิวเยว่อย่างลังเล
“คุณหนูท่านนี้ ท่านว่า…”
ฉู่หลิวเยว่เลิกคิ้วขึ้น
มีเงินก็จ้างผีโม่แป้งได้ เรื่องนี้เป็นความจริง
อีกฝ่ายออกเงินสองเท่าก็ไม่ถือว่าผิด
หากนางใช้คำพูดเดิมที่นางพูดขึ้นก่อนหน้านี้ ก็ต้องเสียเปรียบอย่างเลี่ยงไม่ได้
ตอนที่นางกำลังลังเลอยู่นั้น ต้วนจืออวี่ที่ยืนอยู่ด้านข้างกลับพูดขึ้นมาว่า
“คุณหนูฉู่ นายท่านบอกว่า ตอนนี้ท่านต้องการสิ่งใด ล้วนปฏิบัติตามทั้งสิ้น หากท่านต้องการปะการังแห่งแผ่นดินชิ้นนี้จริงๆ แล้วล่ะก็ ได้โปรดสั่งมาเลยขอรับ”
ฉู่หลิวเยว่มองเขาอย่างตกใจเล็กน้อย
“เขาพูดเช่นนั้นจริงๆ หรือ?”
ต้วนจืออวี่พยักหน้า
“วันก่อนที่นายท่านกลับมา เขาสั่งคำสั่งนี้กับข้าโดยเฉพาะเลยขอรับ”
แน่นอนว่าตอนแรกมู่ชิงเห่อไม่ได้พูดเช่นนี้
เขาพูดว่า ‘ในเมื่อเขาเป็นคนพาฉู่หลิวเยว่มา เช่นนั้นการกระทำของนางทั้งหมดในซีหลิงก็ถือเป็นหน้าตาของเขา ต้วนจืออวี่ต้องดูแลนางให้ดี’
หากโดนคนอื่นแย่งของไปเพราะเงินแค่สิบผนึกศิลาขาว ถ้าเรื่องนี้แพร่กระจายออกไป ไม่รู้ว่าจะมีคนมากมายเท่าไหร่ ที่คิดว่าจวนมู่ของเขานั้นตระหนี่ถี่เหนียว!
ฉู่หลิวเยว่เองก็สามารถเดาได้ว่ามู่ชิงเห่อหมายถึงอันใด?
แม้ว่าเขาจะไม่ใช่พวกที่โอ้อวดแต่เขาก็เป็นรองแม่ทัพของกองทัพม้าทมิฬของราชวงศ์เทียนลิ่ง ตอนที่โดนตัดหน้าไปเช่นนี้ คงจะไม่ถอยหลังเด็ดขาด
มุมปากของฉู่หลิวเยว่ค่อยๆ ยกยิ้มอย่างช้าๆ
ความรู้สึกแบบนี้…เหมือนว่าจะไม่เลวเลยนะ?
“เช่นนั้นก็ต้องขอบคุณท่านนายพลต้วนมากนะเจ้าคะ”
ต้วนจืออวี่กล่าวด้วยความเคารพ
“คุณหนูฉู่เกรงใจกันเกินไปแล้ว”
เมื่อพูดจบ เขาก็สาวเท้าขึ้นไปด้านหน้า พร้อมโยนถุงเงินลงไป
“ด้านในนี้มีเงินอยู่สี่สิบผนึกศิลาขาว ของชิ้นนี้เป็นของพวกเราแล้ว”
คนพวกนั้นก็เบิกตากว้างอ้าปากค้าง
มันมีอันใดผิดพลาดหรือไม่? ใช้เงินสี่สิบผนึกศิลาเพื่อซื้อปะการังแห่งแผ่นดินเนี่ยนะ?
ต่อให้ของชิ้นนี้มีลักษณะสมบูรณ์เพียงใด มันก็ไม่น่าถึงราคานี้นี่นา!
คนคนนี้บ้าไปแล้วหรือ?
ต้วนจืออวี่หันไปมองพนักงาน
“คนที่จ่ายราคาสูงต้องได้ของไปไม่ใช่หรือ?”
พนักงานรีบพูดขึ้นทันที
“เช่นนั้นช่วยท่านห่อ…”
เจียงอวี่จือเห็นดังนั้นก็รีบกระตุกแขนเสื้อของซย่าโหวถิงอันทันที
ซย่าโหวถิงอันก็รีบพยักหน้า จากนั้นก็พูดว่า
“ข้าให้ห้าสิบผนึกศิลาขาว”
คุณชายรองของตระกูลซย่าโหวก็ไม่ได้ขาดแคลนเงินเสียด้วย
โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับเจียงอวี่จือ จะปล่อยให้คนอื่นมาเหยียบย่ำไม่ได้หรอก!
ต้วนจืออวี่ไม่ได้หันหน้ากลับไปมอง
“หนึ่งร้อยผนึก”
คาดไม่ถึงว่าจะเพิ่มขึ้นสองเท่าเช่นนี้!
ทั่วทั้งห้องโถงเงียบกริบ คนอื่นๆ ค่อยๆ ทยอยเข้ามามุงดู
สิ่งของที่อยู่ชั้นหนึ่ง ไม่มีของชิ้นไหนราคาเกินหนึ่งร้อยผนึกศิลาขาว
แต่คาดไม่ถึงว่าจะมีคนยอมจ่ายเงินหนึ่งร้อยผนึก เพื่อปะการังแห่งแผ่นดินแค่ชิ้นเดียว
ถ้าไม่ใช่เพราะสมองมีปัญหา ก็ต้องการจะใช้เงินล้วนๆ
มู่ชิงเห่อนั้นรวยจริงๆ
ฉู่หลิวเยว่ลูบคางตนเองเบาๆ
คนส่วนใหญ่จะคิดว่ามู่ชิงเห่อเป็นคนที่สร้างฐานะขึ้นมาจากมือเปล่า ใช้เพียงความสามารถของตนเองให้กลายเป็นผู้ดีในเมืองซีหลิง แม้ว่าตำแหน่งจะสูงส่ง แต่เรื่องความมั่งคั่งในตระกูลนั้น ไม่สามารถเทียบกับตระกูลขุนนางที่อยู่ในเมืองซีหลิงคนอื่นๆ ได้เลย
แต่ความจริงแล้ว…คนที่รวยที่สุด คือคนที่ได้เงินจากการทำสงคราม
กบฏที่ต้าฮวงเจ๋อก่อตัวมานานหลายสิบปี เป็นมู่ชิงเห่อและกองกำลังบุกเข้าไปกวาดล้าง และกักขังพวกมันเอาไว้ในคราวเดียว
ความจริงแล้วทรัพย์สมบัติของเขามีมากมายนับไม่ถ้วน
เจียงอวี่จือและซย่าโหวถิงอันมีเบื้องหลังที่สูงส่ง ตระกูลของพวกเขาก็มีกิจการขนาดใหญ่เป็นของตนเอง ในแง่ของการใช้เงิน ก็ไม่ได้มีอิสระเท่ากับมู่ชิงเห่อ
สีหน้าของซย่าโหวถิงอันจึงเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว
เงินหนึ่งร้อยผนึกศิลาขาว ใช่ว่าจะเอาออกมาไม่ได้
แต่สำหรับเขาแล้ว ก็เป็นจำนวนเงินที่ไม่น้อยเลยทีเดียว
หากคนในตระกูลรู้เข้าว่าเขาใช้เงินมากมายขนาดนี้เพื่อซื้อปะการังแห่งดินแดนหนึ่งชิ้น เขาจะต้องโดนตำหนิอย่างรุนแรงแน่นอน!
ลำคอของเขาแห้งผาก เขาหันไปมองเจียงอวี่จืออย่างละอายใจ
“อวี่จือ แม้ว่าของชิ้นนี้จะดี แต่มันก็ไม่คุ้มกับเงินจำนวนนั้น ไม่เช่นนั้นพวกเราไปดูของชิ้นอื่นดีหรือไม่ ข้าจะซื้อให้เจ้าเอง ว่าอย่างใด?”
ใบหน้าของเจียงอวี่จือโมโหขึ้นมาทันที
“ถิงอัน เรื่องแค่นี้เจ้าก็ยังลังเลที่จะจ่ายเงินให้ข้าหรือ? หากเจ้าไม่จ่าย ข้าจ่ายเองก็ได้”
เมื่อพูดจบนางก็ทำท่าจะหยิบถุงเงินออกมา
เมื่อเห็นว่านางโกรธ ซย่าโหวถิงอันจึงรีบพูดอย่างเอาใจทันทีว่า
“ไอ้หย๊า! ข้าล้อเจ้าเล่นเท่านั้นเอง! เหตุใดเจ้าถึงคิดเป็นจริงเป็นจังเล่า!? เจ้าชอบของชิ้นนี้ ข้าต้องซื้อให้เจ้าอย่างแน่นอน!”
เจียงอวี่จือถามอย่างลังเลใจ “จริงหรือ?”
ซย่าโหวถิงอันพยักหน้าอย่างไม่มีทางเลือก
“แน่นอน”
เขามองไปที่พนักงาน แล้วพูดอย่างกัดฟันว่า
“ข้าจะเพิ่มให้อีกห้าผนึกศิลา”
อุ๊ปส์!
ไม่รู้ว่าเสียงใครหัวเราะขึ้นมา
แม้ว่าเสียงนั้นจะหายไปอย่างรวดเร็ว แต่ทุกคนก็เข้าใจความหมายของการหัวเราะครั้งนั้นได้เป็นอย่างดี
เมื่อต้วนจืออวี่เอ่ยปากเพิ่มราคา เขาจะเพิ่มขึ้นหนึ่งเท่าตัว แต่อีกฝ่ายเพิ่มขึ้นทีละห้าก้อน มันช่างน่าอนาถจริงๆ
ซย่าโหวถิงอันหน้าแดงขึ้นทันที
เขาเองก็รู้สึกกระดากอายเช่นกัน
แต่นี่มันก็ถึงขีดจำกัดของเขาแล้ว
“หนึ่งร้อยห้าสิบ”
ใบหน้าของซย่าโหวถิงอันขาวซีดขึ้นทันที
สายตาของคนนับไม่ถ้วนมองมาทางเขาทันที
เขาหันไปมองทางเจียงอวี่จือ แต่ก็เห็นแววตารอคอยของนาง แล้วนางก็พูดเร่งขึ้นว่า
“ถิงอัน รีบเพิ่มราคาสิ! เราต้องแย่งของชิ้นนั้นมาจากพวกเขาให้ได้!”
พูดน่ะมันง่าย!
ในใจของซย่าโหวถิงอันเริ่มมีความโกรธขึ้นมาเล็กน้อยแล้ว
เจียงอวี่จือกำลังคิดอันใดอยู่ คิดว่าเขาไม่รู้หรือไง?
นางเป็นคนหยิ่งยโส แพ้ไม่ได้ แต่นางกลัวว่าจะถูกราชครูตำหนิ เพราะใช้เงินไม่รู้จักคิด
ช่วงเวลาหนึ่งปีที่ผ่านมานี้ เขาพยายามเอาใจนางทุกวิถีทาง จนทั้งสองตระกูลกำลังเจรจาเรื่องงานแต่งงานกันอยู่แล้ว หากเรื่องนี้ทำให้นางไม่พอใจ ความพยายามตลอดหนึ่งปีมานี้ไม่สูญเปล่าหรอกหรือ?
เขากำลังจะอ้าปาก ยังไม่ทันได้พูดอันใด แต่ต้วนจืออวี่กลับพูดขึ้นว่า
“ไม่ว่าคุณชายรองซย่าโหวจะออกเท่าไหร่ พวกเราจะเพิ่มห้าสิบผนึกศิลา ปะการังแห่งแผ่นดินชิ้นนี้ พวกเราจะเอา!”