ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 498 ละอายใจที่ต้องรับของมา
ตอนที่ 498 ละอายใจที่ต้องรับของมา [รีไรท์]
ทุกคนอ้าปากค้าง
เขามีความมั่นใจมากขนาดไหนเนี่ย ถึงได้กล้าพูดเช่นนี้ออกมา!
แค่ปะการังแห่งแผ่นดินแค่ชิ้นเดียว มันมีคุณค่าขนาดนั้นเลยหรือ?
คำตอบนั้นก็แน่นอน
เพราะว่าตอนนี้ที่พวกเขาทั้งสองฝ่ายต่างต่อสู้แย่งชิงกันนั้น ไม่ใช่แค่ปะการังธรรมดาๆ
แต่เป็นศักดิ์ศรีต่างหาก!
เรื่องมันก็ใหญ่ขนาดนี้แล้ว ถ้าใครยอมถอยหลังในตอนนี้ ก็เท่ากับแพ้ไม่ใช่หรือ?
เจียงอวี่จือและซย่าโหวถิงอันต่างมีตระกูลของตนเองอยู่เบื้องหลัง
ไม่ว่าจะเป็นตระกูลเจียงหรือตระกูลซย่าโหว ต่างก็เป็นตระกูลระดับสูงกันทั้งนั้น
หากวันนี้ต้องมาพ่ายแพ้ให้กับคนตัวเล็กๆ ไร้ชื่อเสียงในหอร้อยโอสถ มันจะไม่เสียหน้าเกินไปหรือ?
ในที่สุดซย่าโหวถิงอันก็ควบคุมสีหน้าของตนเองไม่ไหวแล้ว จึงหันไปพูดกับต้วนจืออวี่ว่า
“พวกเจ้าตั้งใจจะตั้งตัวเป็นศัตรูกับตระกูลเจียงและซย่าโหวใช่หรือไม่?”
ฉู่หลิวเยว่หัวเราะเบาๆ แล้วพูดขึ้นว่า
“เหตุใดคุณชายรองซย่าโหวถึงพูดเช่นนี้กันเล่าเจ้าคะ? ก่อนหน้านี้ข้าเป็นคนที่ดูของคนชิ้นนี้ไว้ก่อน แต่พวกเจ้ากลับมาเสนอราคาตัดหน้าพวกเราเอง ตอนนี้พวกเราเพิ่มเงินบ้าง เหตุใดถึงกลายเป็นฝ่ายข้าที่ตั้งใจหาเรื่องพวกเจ้าเล่า?”
ซย่าโหวถิงอันเถียงไม่ออก จึงรู้สึกอับอายอย่างมาก
ต่อให้เขาจะเพิ่มเงินต่อไป เขาจะต้องมารับผิดชอบเรื่องภายหลังอย่างแน่นอน
ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นอย่างใด? ก็ต้องสู้ต่อไป หากปล่อยเรื่องนี้ไปง่ายๆ มันจะต้องใหญ่โตขึ้นแน่นอน
“ถิงอัน เหตุใดเจ้าถึงไม่พูดอันใดเลยล่ะ?”
เจียงอวี่จือขมวดคิ้วแน่น
“เจ้าจะต้องช่วยข้าซื้อมาให้ได้นะ! หรือว่าเจ้าจะทนมองพวกเขารังแกข้าต่อหน้าต่อตาแบบนี้?”
ในใจของซย่าโหวถิงอันกลับรู้สึกรำคาญอย่างมาก
ตอนนี้คนที่โดนรังแกคือใครกันแน่?
นางแค่ยืนอยู่ด้านข้างพูดง่ายๆ ไม่กี่คำ ไม่ต้องทำอันใดเลย แต่คนที่เสียหน้ามันคือเขานะ!
ต่อให้ซื้อมาได้แล้วจริงๆ อย่างมากนางก็แค่พูดประโยคที่เอาแต่ใจออกมาแค่ไม่กี่คำ แล้วเขาล่ะ?
ตระกูลซย่าโหวต้องไม่รับเขาเป็นลูกชายอีกแน่!
แล้วยังเป็นไปได้ว่าเรื่องนี้จะมีคนเอาไปเขียนเป็นบทความได้เลย
“ถิงอัน…ถิงอัน?”
เจียงอวี่จือตะโกนเรียกชื่ออีกฝ่ายอย่างหมดความอดทน
ซย่าโหวถิงอันสูดลมหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นก็ระงับความโกรธในใจลง
เขาจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย แล้วกระแอมไอพร้อมหันไปมองต้วนจืออวี่
“เจ้าคือคนของทหารม้าทมิฬหรือ? ดูท่าทางแล้ว เหมือนว่าจะเป็นนายพล? ตามที่ข้ารู้มา เงินเดือนของทหารม้าทมิฬระดับนายพล จะไม่ได้สูงพอที่จะให้เจ้ามาใช้ได้อย่างฟุ่มเฟือยเช่นนี้นี่นา? เกรงว่าที่มาของเงินเจ้า อาจจะไม่สุจริตล่ะมั้ง?”
ไม่ว่าที่ไหนก็ต่างมีคนไม่ดี กองทัพทหารม้าทมิฬก็เช่นกัน
นายพลที่หยิ่งยโสเช่นนี้ จะมาวางท่ากร่างมากกว่าลูกหลานตระกูลขุนนางเสียอีก!
แผ่นหลังของต้วนจืออวี่ยืดตรง เขายืนตรงดั่งหอก
“ข้านายพลทหารม้าทมิฬหน่วยที่สาม ต้วนจืออวี่ เข้ารับราชาการทหารมาสิบเอ็ดปีแล้ว ฆ่าศัตรูมาหนึ่งพันห้าร้อยแปดสิบเก้าคน! สามารถเอาชีวิตมารับประกันได้ว่า ข้าไม่เคยมีจิตคิดทุจริตหรือนำเงินที่ไม่ดีมา!”
น้ำเสียงของเขาเย็นชาและเลือดเย็นอย่างมาก ทุกคำพูดหนักแน่นเหมือนสายฟ้าที่ผ่าลงมา!
“สิ่งที่คุณชายรองกล่าวมาเมื่อครู่นี้นั้น ไม่เพียงเป็นการดูถูกข้าเท่านั้น ยังดูถูกทหารม้าทมิฬนับพันๆ นาย ที่คอยดูแลปกป้องราชวงศ์เทียนลิ่งด้วย! ได้โปรดถอนคำพูดด้วยขอรับ!”
ทุกคนตกตะลึงไป จากนั้นก็เกิดความรู้สึกนับถือขึ้นมา
ผลการรบระดับนี้ ต่อให้ได้ขึ้นอีกหนึ่งระดับก็เหลือเฟือแล้ว
ทหารที่ปกป้องดินแดนและราชวงศ์ เสียเลือดเสียเนื้อ สู้รบในสนามรบอย่างไม่คิดชีวิต แต่กลับมาโดนผู้ลากมากดีสร้างความอัปยศให้เช่นนี้น่ะหรือ?
เหยียดหยามเกินไปแล้ว
ซย่าโหวถิงอันโดนต้วนจืออวี่พูดเช่นนั้นเข้าไปก็ตกใจเช่นกัน
เขาถูกเลี้ยงดูและเติบโตในเมืองซีหลิง แต่ต้วนจืออวี่ที่อาศัยอยู่ที่ชายแดนวันๆ วนเวียนอยู่กับความตาย มันย่อมต่างกันแน่นอน
ตอนที่ต้วนจืออวี่พูดขึ้น แววตายังมีความกังวลใจ
แม้ว่าคนรอบข้างจะไม่ได้พูดอันใด แต่สายตากล่าวโทษก็มองมายังเขา
“ข้า…ข้าแค่ถามเฉยๆ เท่านั้นเอง หากที่มาของเงินนั้นสุจริตจริง เหตุใดเจ้าถึงไม่พูดมันออกมากันเล่า?”
ซย่าโหวถิงอันกัดฟันเถียงกลับ
ต้วนจืออวี่แค่นหัวเราะเสียงเย็น
“คุณชายรองซย่าโหว เงินของจวนตระกูลมู่มีที่มาอย่างใด หรือว่าเรื่องนี้ข้าต้องรายงานให้เจ้าฟังด้วยหรือ?”
จวนตระกูลมู่?
จวนตระกูลมู่ไหน?
ซย่าโหวถิงอันชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นถึงค่อยรู้สึกตัวขึ้นมา
ในแคว้นซีหลิงมีจวนมู่อยู่จวนเดียว!
รองแม่ทัพทหารม้าทมิฬ มู่ชิงเห่อ!
“เจ้า…เจ้าคือคนของมู่ชิง…รองแม่ทัพมู่?” น้ำเสียงของซย่าโหวถิงอันสั่นเครือเล็กน้อย
เสียงในห้องโถงเงียบมาก
ต้วนจืออวี่ค่อยพูดอย่างช้าๆ ว่า
“หากคุณชายรองซย่าโหวไม่เชื่อล่ะก็ เจ้าสามารถไปจวนของพวกเราได้”
“ไม่ต้องแล้ว”
จวนของมู่ชิงเห่อ มีแต่ทหารม้าทมิฬ!
เขาก็ว่าแล้ว ว่าคนคนนี้คุ้นๆ
ก่อนหน้านี้มู่ชิงเห่อเคยพบคนคนนี้มาด้วยจริงๆ
แต่ต้วนจืออวี่เป็นแค่คนติดตามเท่านั้น เดิมทีซย่าโหวถิงอันจึงไม่ได้ให้ความสนใจเขามากนัก
เมื่อผ่านมานานขนาดนี้แล้ว เขาจึงนึกหน้าไม่ออก
เขาหันไปมองฉู่หลิวเยว่และเชียงหว่านโจวที่ยืนอยู่ด้านหลัง ก็ถามขึ้นอย่างไม่สบายใจว่า
“งั้นเจ้า…”
“คุณหนูฉู่ เป็นแขกกิตติมศักดิ์ของจวนตระกูลมู่”
ต้วนจืออวี่พูดขึ้นเป็นคนแรก
ซย่าโหวถิงอันสำลักอยู่นานพูดอันใดไม่ออก
นี่เขา เขาได้ล่วงเกินมู่ชิงเห่อแล้ว!
เมื่อเจียงอวี่จือได้ยินชื่อจวนตระกูลมู่ก็นิ่งค้างไป ในใจรู้สึกกังวลขึ้นมา
มู่ชิงเห่อเป็นคนที่ไม่ควรไปยั่วโมโห…
คาดไม่ถึงว่าผู้หญิงคนนี้จะมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับมู่ชิงเห่อ
หากรู้เช่นนี้นางจะไม่มีทางไปแย่งของกับอีกฝ่ายแน่นอน!
“คุณชายซย่าโหว ไม่ทราบว่าพวกเจ้ายังจะเสนอราคาอยู่อีกหรือไม่?”
ต้วนจืออวี่ถามขึ้น
ซย่าโหวถิงอันหายใจไม่ออก
ไม่ต้องพูดเรื่องตอนนี้เขาไม่มีเงิน ต่อให้มีเงิน เขาก็ไม่สามารถไปเผชิญหน้ากับมู่ชิงเห่อคนนั้นได้
นี่มันรนหาเรื่องตัวเองแท้ๆ ไม่ใช่หรือ?
“ไม่ ไม่ต้องแล้ว ในเมื่อคุณหนูฉู่เป็นแขกกิตติมศักดิ์ของจวนตระกูลมู่ เช่นนั้นปะการังแห่งแผ่นดินชิ้นนี้ พวกเราก็ยกของชิ้นนี้ให้คุณหนูฉู่ เพื่อเป็นน้ำใจแก่รองแม่ทัพมู่…”
“เหตุใดคุณชายรองซย่าโหวต้องเกรงใจกันขนาดนี้ด้วย?”
ทันใดนั้นฉู่หลิวเยว่ก็พูดขึ้น จากนั้นก็หันไปมองทางซย่าโหวถิงอันและเจียงอวี่จือแล้วยิ้มให้เบาๆ
“ในเมื่อพวกเจ้าอยากได้ พวกเรามาแข่งกันด้วยวิธียุติธรรมเถอะ ข้าเป็นเพียงเด็กผู้หญิงตัวเล็กธรรมดาๆ คนหนึ่ง รองแม่ทัพมู่เป็นคนใจกว้าง ข้าให้ข้ารับของมาก็รู้สึกละอายใจ จะกินจะนอนก็รบกวนแม่ทัพมู่ ทำให้ข้ารู้สึกผิดมากแล้ว มันจะไม่ดีหากข้าทำตัวเป็นจิ้งจอกแอบอ้างบารมีเสือ ถ้าพวกเจ้าทั้งสองจน “หลีกทาง” ให้ข้า ดังนั้นพวกเจ้าไม่ต้อง “หลีกทาง” หรอก”
หลังจากที่ซย่าโหวถิงอันพูดขึ้น เขาแทบอยากจะมุดหน้าลงดินอยู่แล้ว!
เขาก็แค่หาทางลงให้ตนเองเท่านั้นเอง แต่ผู้หญิงคนนี้ก็ยังกัดไม่ปล่อยอีกหรือ?
เขาเงียบไปสักพัก แล้วกัดฟันพร้อมพูดขึ้นมาว่า
“ไม่ต้องแล้ว ปะการังแห่งแผ่นดินชิ้นนี้ก็เป็นแค่ของเล่นชิ้นหนึ่งเท่านั้นเอง! คุณหนูฉู่ต้องการ ก็เอาไปเถอะ พวกเราจะไปแย่งของรักของคนอื่นได้อย่างใด?”
เจียงอวี่จือรีบพูดขึ้นมา “ถิงอัน…”
“พวกเรายังมีธุระอื่นอีก ขอตัวก่อนนะขอรับ”
ซย่าโหวถิงอันพูดขึ้นอย่างรวดเร็ว เมื่อพูดจบก็หมุนตัวออกไปทันที
เจียงอวี่จือมองซย่าโหวถิงอันที่กำลังเดินออกไปด้วยความโกรธที่ปะทุขึ้นเต็มท้อง
เขาไม่ช่วยนางซื้อของก็ไม่เป็นไร แต่กลับทิ้งนางไว้คนเดียว แล้วเดินออกไปเนี่ยนะ
นางหันหน้ากลับมามองฉู่หลิวเยว่ แล้วพูดขึ้นอย่างโมโห
“เป็นความผิดของเจ้าทั้งหมด”
ฉู่หลิวเยว่ไม่ได้โกรธแค้น แต่กลับหัวเราะแล้วพูดขึ้นว่า
“คุณหนูสี่ตระกูลเจียง เจ้าควรจะขอบคุณข้านะ!”
เจียงอวี่จือมึนงง “ขอบคุณอันใด?”
ฉู่หลิวเยว่ส่งเสียง “หึ” หนึ่งครั้ง จากนั้นก็พูดขึ้นอย่างเสียดายว่า
“แม้ว่าข้าจะไม่ได้มีต้นตระกูดีอย่างพวกเจ้าทั้งสองคน แต่กลับรู้เหตุผลอยู่ข้อหนึ่ง ผู้ชายที่ไม่ยินดีจ่ายเงินให้ผู้หญิง มันพึ่งพาไม่ได้! คุณชายรองตระกูลซย่าโหว เป็นตระกูลสูงส่งขนาดนั้น แต่เหตุใดเงินแค่นี้กลับไม่ยินยอมที่จะจ่ายให้เจ้า? ข้ายังพูดอีกว่า ข้าเสนอราคาอีก ข้าจะยอมลงให้ เขากลับทิ้งสิ่งนี้ให้เจ้า น่าเสียดายนะ…”
เจียงอวี่จือรู้สึกอับอายระคนโมโห สีหน้านางเปลี่ยนไปทันที แล้วรีบเดินออกจากร้านไปทันที
ฉู่หลิวเยว่ถอนสายตากลับมา แล้วใช้นิ้วชี้เคาะไปที่ตู้กระจกเบาๆ
“ของในตู้นี้ ตู้นั้น แล้วกำแพงฝั่งนั้น ข้าต้องการทั้งหมด”
คนที่อยู่ห้องโถงนี้ต่างก็เงียบสงัด
เชียงหว่านโจวยังอดถามขึ้นไม่ได้ว่า
“เจ้าบอกว่า ใช้เงินของคนอื่นแล้วรู้สึกละอายใจไม่อยากรับไม่ใช่หรือ?”
ฉู่หลิวเยว่หัวเราะเบาๆ แล้วตบหน้าอกของตนเอง พร้อมพูดว่า
“ใช่แล้ว แต่ไม่ว่าอย่างใดข้าก็ต้องรู้สึกละอายใจ เช่นนั้นก็ปล่อยให้ความรู้สึกผิดมีเพิ่มขึ้นก็ได้!”