ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 506 ฟ้าหยินหยาง
ตอนที่ 506 ฟ้าหยินหยาง [รีไรท์]
“ทั้งหมดจัดแถว เรียงตามลำดับ!”
ผู้อาวุโสชิวซีกล่าวเสียงเย็น จากนั้นทุกคนก็รีบก้าวขึ้นทันที
ชายหนุ่มคนแรกที่เดินเข้าไปในม่านพลังทรงแปดเหลี่ยม สีหน้าของเขาปกปิดความตื่นเต้นเอาไว้ไม่มิด
ยื่นมือออกมาสัมผัสไปที่ม่านพลังนั้นเบาๆ ทันใดนั้นก็มีแสงสีเงินแผ่ออกมาปกคลุมตัวของเขา
หลังจากนั้นไม่นานเขาก็หายไปในความว่างเปล่าอย่างรวดเร็ว!
คนที่สองก็ตามมาอย่างติดๆ!
ตอนนั้นเองเชียงหว่านโจวก็พูดขึ้นว่า
“ข้าติดตามเจ้าไปไม่ได้”
ฉู่หลิวเยว่เหลือบมองหน้าเขาเล็กน้อย แล้วพยักหน้า
“ลำดับของข้าคือห้าสิบสาม ของเจ้าคือเก้าสิบสอง ช่องว่างห่างกันมาก หากเข้าไปด้านในแล้ว พวกเราอาจจะไม่ได้อยู่ด้วยกัน”
เชียงหว่านโจวเม้มริมฝีปาก
“ข้าจะไปหาเจ้า”
ฉู่หลิวเยว่ชะงักไปเล็กน้อย มุมปากของนางยกยิ้มขึ้น ตอนนั้นเหมือนว่านางกำลังจะพูดอันใดสักอย่าง จากนั้นเขาก็พูดแทรกขึ้นมาว่า
“ก่อนที่ข้าจะหาเจ้าเจอ สัญญาของเราจะไม่ถูกนับ”
ฉู่หลิวเยว่เข้าใจความหมายของเขาทันที
เขาหมายความว่า หากเขาไม่สามารถทำหน้าที่ผู้ติดตามได้หนึ่งวัน สัญญาของเขาก็ถูกเลื่อนออกไปหนึ่งวัน
“ความจริงแล้วมันก็ไม่มีอันใดหรอก แต่ได้เจอกันมันก็จะดีกว่า แต่ถ้าไม่เจอก็…”
“ข้าจะหาเจ้าให้เจอ”
เชียงหว่านโจวพูดขึ้นอย่างดื้อรั้น
ฉู่หลิวเยว่ยิ้มขึ้นพร้อมพูดว่า “ได้!”
บางทีเจ้าเด็กหัวดื้อคนนี้ก็น่าสนใจดีเหมือนกันนะ…
หลังจากนั้นไม่นานก็ถึงตาของนางแล้ว นางเดินตรงเข้าไป
เมื่อนางอยู่ด้านหน้าม่านพลัง นางก็สามารถมองเห็นลวดลายที่อยู่บนนั้นได้อย่างชัดเจน
นั่นคือสัญลักษณ์ของราชวงศ์เทียนลิ่ง
ศีรษะเป็นมังกร ร่างกายเป็นสิงโต ท่าทางดุร้ายอย่างมาก เหนือศีรษะของเขายังมีกระบี่ที่แหลมคมอยู่หนึ่งอัน
ลวดลายนี้คล้ายกับลวดลายบนธงของทหารม้าทมิฬ
ได้ยินมาว่าปฐมกษัตริย์เป็นคนวาดลวดลายนี้ด้วยตนเอง แต่เรื่องที่เกี่ยวกับเรื่องรูปลักษณ์ก็พูดด้วยเรื่องเล่าที่แตกต่างกัน
เรื่องเล่าที่แพร่หลายมากที่สุดคือ ในตอนนั้นปฐมกษัตริย์เก่งกาจ สามารถตัดหัวมังกรได้ในแนวนอน! จากนั้นก็มีชื่อเสียงอย่างมาก!
ดังนั้นต่อมาเขาจึงวาดรูปนี้ขึ้น
แต่ว่าความจริงนั้นเป็นอย่างใด ก็ไม่มีใครทราบได้
ก่อนหน้านี้ฉู่หลิวเยว่เคยอ่านพงศาวดารของราชวงศ์เทียนลิ่งทั้งหมด เรื่องที่เกี่ยวกับรูปวาด ปฐมกษัตริย์ไม่ได้กล่าวเอาไว้เลยสักคำเดียว
ตอนแรกนางมีความสนใจเกี่ยวกับเรื่องของราชวงศ์เทียนลิ่งอย่างมาก
ในฐานะที่นางเป็นคนแรกในรอบหลายพันปีที่มีชีพรเทียนจิง และเป็นคนที่สองรองมาจากปฐมกษัตริย์ ไม่ใช่แค่ครอบครัวนางเท่านั้นที่คาดหวัง นางก็คาดหวังและเชื่อมั่นในตนเองอย่างมากเช่นกัน
ภายในราชสำนัก มีคนจำนวนไม่น้อยที่ได้เข้ามาในอาณาจักรเทพเทียนลิ่ง เพราะเขาอยากได้รับมรดกของปฐมกษัตริย์ แต่สุดท้ายมันก็ล้มเหลว!
ฉู่หลิวเยว่เคยคิดว่าบางทีนางอาจจะทำได้
แต่คิดไม่ถึงว่า ในตอนที่นางได้เข้าอาณาจักรเทียนลิ่งนั้น จะไม่ได้เข้าไปในฐานะเดิม
นางสูดลมหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นก็สัมผัสไปที่ม่านพลัง
สัมผัสที่เย็นเล็กน้อยก็แผ่เข้ามาสู่ตัวของนางในทันที ตอนนั้นเองแสงสีขาวก็สว่างวาบ จากนั้นนางก็ถูกดึงเข้าไปด้านในอย่างแรงทันที!
…
หลังจากยืนมึนงงอยู่สักพัก ในที่สุดฉู่หลิวเยว่ก็รู้สึกได้ว่าเท้าทั้งสองข้างของนางกำลังสัมผัสพื้นดินจริงๆ อยู่
นางหันไปมองรอบข้างทันที จากนั้นก็รู้สึกตกใจอย่างมาก
ที่นี่คือพื้นที่มิติขนาดใหญ่ไกลสุดลูกหูลูกตา
ตรงกลางท้องฟ้าเหมือนถูกอันใดสักอย่างกำลังแบ่งแยกอยู่
ฝั่งหนึ่งเป็นเมฆสีม่วงอมส้ม มืดดุจราตรีกาล มีดวงจันทร์ที่สว่างสดใสประดับอยู่ ลมพัดหนาวโชยมา เต็มไปด้วยน่านน้ำสีใส ภาพทิวทัศน์ของบนท้องฟ้าสะท้อนลงพื้นน้ำอย่างชัดเจน
ส่วนอีกครึ่งหนึ่งนั้นไม่มีเมฆเลย สว่างไสวราวกับกลางวัน พระอาทิตย์สาดแสงแสบตา เมื่อเหลือบไปมองพื้น กลับเป็นพื้นดินที่แห้งแตกระแหง เมื่อมองไปนั้น ที่นั้นไม่มีหญ้าเติบโต มันทั้งรกร้างและว่างเปล่า
และในตอนนั้นนางกำลังยืนอยู่ตรงกลางของทั้งสองฝั่ง
นางเงยหน้าขึ้นไปมอง
ด้านซ้ายของนางเป็นผืนน้ำ ที่ไหลอย่างเงียบๆ แต่กลับโปร่งแสงเหมือนมีอันใดขวางกั้น และไม่สามารถก้าวข้ามพรมแดนได้
ส่วนพื้นดินที่ด้านขวา ก็มีรอยแยกแตกระแหงเหมือนกับใยแมงมุมที่แผ่ไปทั่ว ลมพายุทรายก็หมุนวนให้ทรายเหล่านั้นกลับไปอยู่ที่เดิม
ทั้งสองฝั่งไม่เคยพบเจอกันเลย ถูกแยกออกจากกันอย่างสิ้นเชิง
เมื่อเห็นฉากเช่นนั้น ฉู่หลิวเยว่ก็รู้สึกตกใจอย่างมาก
คาดไม่ถึงว่าศูนย์กลางของอาณาจักรเทพเทียนลิ่งนั้นจะเป็นเช่นนี้…
นางมองไปรอบๆ ข้าง แต่ก็ไม่เห็นคนที่มาก่อนหน้านี้เลย
ราวกับว่าโดนแยกออกจากกันแล้ว…
ฉู่หลิวเยว่ยืนอยู่ตรงกลางสักพัก
เห็นได้ชัดว่านางจะต้องเลือกทางไหนสักทาง
นางเดินกลับไป แล้วเดินเข้าไปทางซ้าย
เมื่อเท้าของนางสัมผัสกับผืนน้ำ ระลอกน้ำก็กระจายออกเป็นวงกลม น้ำที่ใสสะอาดค่อยๆ ไหลผ่านพื้นรองเท้าของนาง
นางหยุดชะงักชั่วคราว เพื่อยืนยันว่าน้ำเหล่านี้จะไม่กระจายออกไป อีกครั้งนางก็ไม่ได้รู้สึกอันใดแปลกๆ จากนั้นนางก็เดินต่อไปด้านหน้า
หลังจากที่นางเดินออกมาไม่กี่ก้าว ก็พบว่าลมหนาวที่อยู่รอบข้างหนาวเสียดกระดูกของนางมาก พลังดั้งเดิมที่อยู่ภายในร่างของร่างก็แผ่กระจายออกข้างนอกทันทีอย่างไม่รู้ตัว!
ฉู่หลิวเยว่รีบควบคุมพลังดั้งเดิมของตนเองทันที แต่กลับพบว่านางไม่สามารถทำแบบนั้นได้เลย!
ร่างกายของนางเหมือนภาชนะที่มีรอยร้าว พลังดั้งเดิมที่อยู่ภายใน รั่วไหลออกไปด้านนอกอย่างต่อเนื่องและเชื่องช้า!
แต่นางกลับไม่รู้ว่าปัญหาอยู่ตรงไหน!
ฉู่หลิวเยว่รีบถอยกลับออกมาอย่างไม่ลังเล!
นางมองผืนน้ำที่ทอดยาวไปไกลสุดขอบฟ้าอย่างหวาดผวา
นางสามารถเห็นดวงจันทร์ที่สว่างไสวสะท้อนในผืนน้ำอย่างชัดเจน
แต่นางกลับไม่มีใจชื่นชมความงามเหล่านี้ แต่ในใจนั้นกลับเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
นางกลับมายืนอยู่ตรงกลางอีกครั้ง
จากนั้นก็เดินไปทางขวา
ทันทีที่เหยียบเข้ากับแผ่นดินที่แตกระแหง ไอความร้อนก็ลอยขึ้นมากระทบใบหน้าทันที!
โชคดีที่ฉู่หลิวเยว่เป็นหมอเทวดา จึงสามารถทนต่อความร้อนสูงได้
นางเดินไปด้านหน้าอย่างโล่งอก
แต่หลังจากนั้นไม่นาน หน้าผากของนางก็เต็มไปด้วยหยาดเหงื่อผุดเต็มหน้า ลำคอก็แห้งผาก
เดินไปก็รู้สึกแสบตามาก เพราะแสงแดดจากดวงอาทิตย์ ทั่วทั้งร่างกายของนางเหมือนถูกเปลวไฟแผดเผา!
ฉู่หลิงเยว่ไอออกมา นางรู้สึกเหมือนคอของนางจะมีควันพ่นออกมาจากคอของนางเลย!
ในตอนที่นางกำลังลังเลอยู่ว่าควรจะเรียกไฟในร่างกายของนางออกมากันรังสีความร้อนจากด้านนอกดีหรือไม่ แต่ทันใดนั้นเองนางกลับรู้สึกว่ามีอันใดบางอย่างซึมผ่านที่ผิวหนังของนาง
นางขมวดคิ้วแน่นทันที แต่หลังจากนั้นไม่นานก็สัมผัสได้ว่าสิ่งที่ซึมผ่านร่างกายนางนั้น ไม่ใช่คนอย่างอื่น แต่เป็น…พลังดั้งเดิมที่เข้มข้น!
แม้ว่าปราณฟ้าดินของที่นี่จะไม่สูงนัก แต่เหมือนก็ถูกอันใดบางอย่างควบคุมอยู่ มันเข้ามาใส่ร่างกายอย่างต่อเนื่อง
“สมแล้วที่เป็นอาณาจักรเทพเทียนลิ่ง! เป็นมิติที่เหมาะสำหรับการบำเพ็ญเพียรจริงๆ!”
ในตอนนั้นเองนางก็ได้ยินเสียงเรียกมาจากที่ไกลๆ
ฉู่หลิวเยว่เงยหน้าขึ้นไปมอง
คนคนนั้นคือชายหนุ่มคนหนึ่ง ที่ไม่รู้ว่าเดินเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่
เสื้อผ้าที่อยู่บนร่างกายของเขาเปียกจนชุ่มเหงื่อไปหมดแล้ว หน้าผากก็เต็มไปด้วยเหงื่อเม็ดใหญ่ หน้าแดงก่ำ แต่เขากลับไม่ได้สนใจมันเลย พร้อมเดินหน้าต่อมาไม่หยุด
เห็นได้ชัดว่าเขาอยู่ที่นี่มาสักพักหนึ่งแล้ว
ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความดีใจ ราวกับว่าได้หาสมบัติเจออย่างใดอย่างนั้น
จากนั้นนางก็ค้นพบอย่างรวดเร็วว่า ปราณในร่างกายของเขานั้นเพิ่มขึ้นมาอย่างรวดเร็ว!
ปราณฟ้าดินที่ว่านั้นไหลเข้าสู่ร่างกายของเขาอย่างรวดเร็ว เร็วกว่าของนางตั้งหลายเท่า!
ในใจของฉู่หลิวเยว่รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาทันที
การรับพลังในร่างกายของผู้บำเพ็ญเพียรคนธรรมดานั้นมีขีดจำกัด
ถ้าหากเขารับปราณฟ้าดินเกินขีดจำกัดที่เขาจะรับได้แล้วล่ะก็ ถ้าเช่นนั้น…จะต้องเกิดเรื่องอันตรายแล้ว!
แต่ที่ร้ายแรงกว่านั้นก็คือร่างกายของเขาจะเสียหายไปตลอดกาลหรืออาจจะถึงขั้นระเบิดตัวตายได้!
ในตอนที่นางกำลังคิดเรื่องนั้นอยู่ในสมอง ทันใดนั้นเด็กหนุ่มคนที่ฉู่หลิวเยว่เดินก็เริ่มเดินโซเซ ใบหน้าแดงก่ำ และกระอักเลือดออกมา!