ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 509 จับตาดู
ตอนที่ 509 จับตาดู [รีไรท์]
เสียงคำรามนั้นก้องอยู่ในหูของฉู่หลิวเยว่!
เสียงหวีดร้องของกระบี่ ดังขึ้นมาในโสตประสาท ส่งเข้าถึงหัวใจ!
พริบตาเดียว ปราณกระบี่สีดำสายหนึ่งก็พุ่งออกมา ทันใดนั้นกระบี่หลงหยวนก็บินแหวกอากาศออกมา! แล้วพุ่งมาหาฉู่หลิวเยว่อย่างรวดเร็ว!
ฉู่หลิวเยว่รีบสะกิดปลายเท้าแล้วถอยหลังลงไป!
แต่พลังของกระบี่หลงหยวนแข็งแกร่งแค่ไหน?
แต่ในชั่วพริบตา มันก็พุ่งมาหาฉู่หลิวเยว่! จนเกือบจะเจาะระหว่างคิ้วนางได้อยู่แล้ว!
ทันใดนั้นก็กลางฝ่ามือของฉู่หลิวเยว่ก็มีแส้เพลิงปรากฏขึ้น! พร้อมตวัดไปที่กระบี่ด้วยอย่างแรง!
พรึ่บ!
พลังทั้งสองสายปะทะกันอย่างรุนแรง!
แต่แส้เพลิงนั้นถูกปราณกระบี่ทำลายไปในทันที
ฉู่หลิวเยว่ตกใจอย่างมาก จากนั้นก็สะบัดมือเรียกพรมแดนไวฑูรยะออกมา!
เคร้ง!
เสียงกระทบใสๆ ก็ดังขึ้น
ปราณกระบี่กระทบพรมแดนไวฑูรยะอย่างรุนแรง
ภายในสมองของฉู่หลิวเยว่ก็รู้สึกบ้าคลั่งอย่างมาก นางกำลังคิดหาโอกาสหนีออกไปจากที่นี่อย่างใดดี แต่ตอนนั้นเองก็ต้องตกใจเมื่อเห็นว่าพรมแดนไวฑูรยะสามารถขวางกั้นปราณกระบี่นี้ได้
แสงสีเงินจำนวนมากมายนับไม่ถ้วนวิ่งวนอยู่รอบๆ พรมแดนไวฑูรยะดูตระการตาอย่างมาก แต่เมื่อปราณกระบี่สีดำเหล่านั้นสัมผัสกับม่านพลัง มันกลับไม่สามารถพุ่งเข้ามาด้านในได้อีกแม้แต่ครึ่งก้าว
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกตกใจอย่างมาก
กระบี่หลงหยวนเล่มนี้เป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ ปราณกระบี่ที่มันสร้างออกมาได้นั้นล้วนน่ากลัวอย่างมาก!
แต่คาดไม่ถึงว่าพรมแดนไวฑูรยะ จะสามารถขวางกั้นมันเอาไว้ได้!
ทันใดนั้นนางก็คาดเดาสิ่งหนึ่งขึ้นมาในใจได้
หรือที่หรงซิวมอบพรมแดนไวฑูรยะอันใหม่ให้นาง ก็เพราะว่า…
แต่ที่นางมั่นใจอย่างหนึ่งคือ พรมแดนไวฑูรยะอันแรกที่หรงซิวมอบให้ มันไม่ได้แข็งแกร่งเช่นนี้แน่นอน!
ไม่เช่นนั้นเหตุใดมันถึงแตกละเอียดจนหรงซิวต้องมอบชิ้นที่สองให้นาง
ด้วยเหตุการณ์เมื่อครู่นี้ นางหยิบพรมแดนไวฑูรยะออกไปด้วยสัญชาตญาณ แต่ก็ไม่คิดว่าจะสามารถป้องกันปราณกระบี่ที่น่ากลัวเช่นนั้นได้!
ตู้ม!
ปราณกระบี่หายไปแล้ว!
ฉู่หลิวเยว่ยืนจ้องพื้นที่ว่างเปล่าด้วยความเหม่อลอย
มัน…มันจะจบเช่นนี้หรือ?
เพื่อหลีกเลี่ยงปฐม…
“ด้านหน้า”
ทันใดนั้นก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมา
นั่นคือเสียงของอินทรีสามตา
ฉู่หลิวเยว่ถามอย่างสงสัย
“อันใดหรือ?”
“ในกระบี่เล่มนั้นมีกระดูกของอสูรศักดิ์สิทธิ์อยู่!”
อินทรีสามตาพูดขึ้นมาสั้นๆ ด้วยความรวดเร็ว
แม้ว่าน้ำเสียงของมันจะเย็นชาเหมือนเดิม แต่ฉู่หลิวเยว่ก็สามารถสัมผัสความตื่นเต้นที่อยู่ในน้ำเสียงของเขาได้
ฉู่หลิวเยว่กะพริบตาปริบๆ แล้วถามขึ้นอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“เจ้าคงไม่ได้ให้ข้าไปเอามันมาหรอกนะ!?”
มันมีอันใดผิดพลาดหรือเปล่า นั่นคือกระบี่หลงหยวนเชียวนะ!
อินทรีสามตาพูดขึ้นว่า
“หากเจ้าอยากจะช่วยข้าฟื้นฟูร่างกาย กระดูกของอสูรศักดิ์สิทธิ์ก็เป็นสิ่งจำเป็น ดังนั้นเจ้าต้องไปเอามันมา!”
ฉู่หลิวเยว่ถามขึ้นอย่างไม่เต็มใจ
“บนโลกนี้ไม่ใช่ที่นี่ที่เดียวที่จะมีกระดูกของอสูรศักดิ์สิทธิ์เสียหน่อย พวกเราไปหาที่อื่น…”
“ที่อื่นอันใดเล่า?” อินทรีสามตาถามเสียงเย็น “หากเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์ทั่วไป หลังจากที่มันตายแล้วก็จะต้องนำเอากระดูกกลับไปที่เผ่า นี่จึงเป็นโอกาสที่หาได้อย่างยากยิ่งนักที่จะสามารถเจอกระดูกอสูรศักดิ์สิทธิ์ในตำนาน หากวันนี้ยอมแพ้แล้ว วันหน้าก็อย่าหวังว่าจะหาเจอเลย!”
ฉู่หลิวเยว่ขมวดคิ้วอย่างปวดหัว
“แต่เมื่อครู่เจ้าก็เห็นสถานการณ์ของข้าแล้ว กระบี่หลงหยวนเป็นกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ แค่คนธรรมดาเข้าใกล้เขาก็ตายกันหมดแล้ว! แรงกดดันของกระบี่ก็น่ากลัวเสียขนาดนั้น ข้าไปตอนนี้ก็ไม่เท่ากับหาเรื่องตายหรือ?”
“เจ้าก็ขวางมันไว้ได้แล้วไม่ใช่หรือ?”
ฉู่หลิวเยว่ “…”
“ตอนนี้ข้ายังบอกไม่ได้ว่ากระดูกของอสูรศักดิ์สิทธิ์ตัวนั้นเป็นสัตว์ชนิดอันใด แต่หากเจ้านำออกมาได้ เดี๋ยวเราก็ได้รู้แน่นอน”
ฉู่หลิวเยว่ “…”
นางหลับตาลงแล้วเตือนตัวเองในใจว่านี่คืออสูรศักดิ์สิทธิ์ของนางเอง…นางทำพันธสัญญากับอสูรศักดิ์สิทธิ์ตัวนี้ไปแล้ว…
หาอสูรศักดิ์สิทธิ์มาแล้ว ยังต้องทรมานตัวเองอีก!
“หรือว่ามันไม่มีทางอื่นแล้วหรือ?” ฉู่หลิวเยว่ถามขึ้นมาอย่างเงียบๆ “ไม่เช่นนั้น…เจ้าลองจัดการมันเองเถอะ ลองดูว่าเจ้าจะสามารถดึงกระดูกของอสูรศักดิ์สิทธิ์ออกมาได้หรือไม่?”
อินทรีสามตาแค่นหัวเราะด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
ฉู่หลิวเยว่ “…เออ ข้าไปเองก็ได้!”
เมื่อพูดจบฉู่หลิวเยว่ก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นก็ค่อยๆ ขยับเข้าใกล้กระบี่หลงหยวน
…
ในตอนนั้นเอง ที่จัตุรัสเสวียนจี
หลังจากที่ผู้บำเพ็ญเพียรเข้าไปด้านในกันหมดแล้ว แต่ผู้ชมทั้งหมดก็ยังไม่จากไปไหน
แม้ว่าจะไม่ได้เห็นการประลองที่น่าตื่นเต้น แต่อย่างน้อยก็สามารถเห็นรายชื่อที่อยู่ในกระดานหยกสีดำว่ามีใครถูกคัดออกแล้วบ้าง
ยิ่งไปกว่านั้นคนพวกนั้นที่เข้าไปในเขตอาคมส่งตัวแปดเหลี่ยมนั้น เป้าหมายของเขาคืออารณาจักรเทพเทียนลิ่ง!
นี่มันเป็นโอกาสที่หาได้ยากอย่างยิ่ง!
ตอนนี้ผู้ชมจึงรู้สึกทั้งสงสัยทั้งดีใจ แน่นอนว่ายินดีจะอยู่ให้นานกว่านี้อีกหน่อย เพื่อดูว่าการแข่งขันนี้จะจบอย่างใด?
“ไม่รู้ว่าด้านในของอาณาเทพเทียนลิ่งจะเป็นอย่างใด! น่าเสียดายที่พวกเราไม่มีชีพจรตี้จิง ไม่เช่นนั้นพวกเราอาจจะได้เข้าไปชมด้านในก็ได้”
“นั่นสิ! เกรงว่าแค่เข้าไปดู ก็ถือว่าชาตินี้ข้าได้ใช้ชีวิตคุ้มค่าแล้ว! ก่อนหน้านี้ผู้แข็งแกร่งมากมายอยากเข้าก็ไม่มีทางเข้าได้เลยเนี่ย!”
“แต่ก็ไม่รู้ว่าใครจะอยู่ด้านในได้นานที่สุด แล้วคว้าที่หนึ่งไป…ไม่แน่ว่าด้านในอาจจะมีสมบัติของปฐมกษัตริย์อยู่มากมายเลยก็ได้”
“ดูนั่นสิ! มีรายชื่อของคนคนหนึ่งหายไปแล้ว!”
สายตามากมายนับไม่ถ้วนหันไปมองที่กระดานหยกสีดำเป็นตาเดียว
…หมายเลขสามสิบเอ็ด อู๋อิง!
ผู้อาวุโสทั้งแปดท่านสบสายตากัน
ทันใดนั้นที่กลางเขตอาคมส่งตัวก็มีร่างของคนผู้หนึ่งปรากฏออกมา!
ทุกคนรีบหันไปดูด้วยความรวดเร็ว!
เขาเห็นเพียงชายหนุ่มคนหนึ่ง กำลังสลบอยู่ เนื้อตัวเต็มไปด้วยเลือด อาการดูสาหัสอย่างมาก
ทุกคนที่อยู่ในสนามก็เงียบเสียงลงทันที
ความตื่นเต้น รอคอย อิจฉาที่มีอยู่เมื่อครู่นี้หายวับไปทันที ตอนนี้ทุกคนเหมือนโดนน้ำเย็นสาดใส่หน้าอย่างแรง
ในตอนนั้นเอง พวกเขาถึงได้รู้ว่า แม้ว่าอาณาจักรเทพเทียนลิ่งจะเต็มไปด้วยโอกาส แต่ในขณะเดียวกัน มันก็อันตรายอย่างมาก!
นี่เพิ่งเข้าไปได้ไม่นานเท่าไรเอง แต่กลับออกมาเป็นสภาพเช่นนี้แล้ว?
เมื่อมองดูรายชื่อที่อยู่บนกระดานสีดำ หลายคนก็มีสีหน้าเศร้าหมองออกมา
ในมุมที่ห่างออกไป เจียงอวี่เฉิงก็มองไปด้วยสีหน้าไร้อารมณ์แล้วถามว่า
“เขาอยู่ได้นานเท่าไร?”
“เรียนคุณชายใหญ่ หนึ่งก้านธูปขอรับ”
“ไม่มีประโยชน์”
เจียงอวี่เฉิงพูดขึ้นเสียงเย็น
“จับตาดูคนอื่นต่อไป”
“ขอรับ”