ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 515 ไท่ซวีเฟิ่งหลง
ตอนที่ 515 ไท่ซวีเฟิ่งหลง [รีไรท์]
“ข้าบังเอิญไปเจอนางเข้า ยังดีที่นางไม่เห็นข้า แต่หากได้เจอนางอีกครั้ง ข้าคงไม่โชคดีเช่นนี้แน่นอน” หนิงเจียวเจียวพูดเสียงเบา
ชายสองคนนั้นหน้าเปลี่ยนสีทันที ทันใดนั้นหยางเซิ่นเอ๋อร์กลับพูดขึ้นว่า
“ฝีมือของคุณหนูหนิงน่าจะไม่อ่อนด้อยขนาดนั้น โอกาสที่ดีเช่นนี้ แต่กลับกลัวฉู่หลิวเยว่งั้นหรือ?”
หนิงเจียวเจียวชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นเพื่อกระตุ้นความสนใจของทุกคน
“ฉู่หลิวเยว่นั้นแข็งแกร่งกว่าที่พวกเจ้าเห็นมากนัก ตอนรอบคัดเลือก พวกเจ้าไม่ได้เห็นฝีมือของนางหรือ? เจี่ยนเฟิงฉือเป็นคนที่มั่นใจในตัวเองอย่างมาก เขาจะเลือกคนที่ทำอันใดไม่เป็นมาเข้าร่วมงานหมื่นทูรหรือ?”
หยางเซิ่นเอ๋อร์และพวกหันมองหน้ากันทันที แล้วเงียบเสียงไป
ตอนนั้นเอง พวกเขาเพิ่งจะตระหนักรู้ถึงเรื่องนี้ได้
เมื่อครู่…
“ขอพูดอย่างไม่ปิดบัง คุณหนูหนิง ความจริงแล้วเมื่อครู่พวกเราเพิ่งได้เจอกับฉู่หลิวเยว่จริงๆ อีกทั้งได้ประมือกับนางแล้ว แต่นางเจ้าเล่ห์อย่างมาก ตอนนี้นางหนีไปทางกระบี่หลงหยวนนั้นแล้ว”
ชายมีเคราพูดขึ้น น้ำเสียงของเขาดูกล้ำกลืนอย่างมาก
หยางเซิ่นเอ๋อร์หัวเราะเสียงต่ำ แต่ใบหน้าไม่ได้แสดงอารมณ์
หนิงเจียวเจียวมีสีหน้าตกใจอย่างมาก
“จริงหรือ? นาง…คนเดียวหรือ?”
เมื่อครู่นางได้ยินว่าเป็นชื่อของฉู่หลิวเยว่จริงๆ จึงถามหยั่งเชิงออกไป แต่ดูจากท่าทางของพวกเขาแล้ว คาดไม่ถึงว่าจะเป็นการสู้หนึ่งต่อสาม แล้วยังสามารถหนีออกไปได้อีก?!
ผู้ชายสองคนนั้นรู้สึกละอายเล็กน้อย
ชายรูปร่างผอมสูงรีบพูดขึ้นทันทีว่า
“หลังจากที่พวกเราโดนโจมตีจากปราณกระบี่หลงหยวน นางจึงฉวยโอกาสนี้ อีกทั้ง ในร่างกายของนางนั้นมีของอันใดแปลกๆ ปราณกระบี่หลงหยวนที่น่ากลัวอย่างมาก แต่นางก็สามารถปัดป้องมันได้อย่างง่ายดาย ไม่รู้ว่านางมีวิธีอันใด”
ไม่มีใครพูดถึงพรมแดนไวฑูรยะที่มีลักษณะพิเศษเช่นนั้น
หนิงเจียวเจียวเองก็สงสัยถึงเบื้องหลังของฉู่หลิวเยว่
จากนั้นนางก็พูดถึงเป้าหมายของนางทันที
“ถ้าเช่นนั้นเหตุใดพวกเราไม่ร่วมมือกันเล่า?”
…
อีกด้านหนึ่ง อินทรีสามตากำลังพาฉู่หลิวเยว่ไปที่ก้นของหลุมยุบแล้ว
ทันทีที่เข้ามา ปราณกระบี่ที่อยู่โดยรอบก็พุ่งเข้ามาหานางอย่างบ้าคลั่ง
อินทรีสามตาขยับปีกทันที ตอนนั้นเองฉู่หลิวเยว่ก็สังเกตเห็นว่าพื้นดินรอบๆ ของนางก็แข็งตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว!
เมื่อปราณกระบี่สีดำมาถึงบริเวณดังกล่าว มันก็เคลื่อนที่ช้าลง และหายไปในที่สุด
นี่คืออาณาเขตเซียนเทพของอินทรีสามตา
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก…ที่แท้นี่ก็คือไพ่ไม้ตายของมันอย่างนั้นหรือ!
ภายในพื้นที่แห่งนี้ มันสามารถควบคุมทุกสิ่งได้ตามใจชอบ!
กระบี่หลงหยวนเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่ยอดเยี่ยม แต่อินทรีสามตาก็เป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์
เมื่อแรงกดดันของปราณกระบี่อยากเข้ามาโจมตีอาณาเขตเซียนเทพของอินทรีสามตา ก็ยังถือว่าห่างชั้นอีกไกล!
เมื่อหนึ่งคนหนึ่งอสูร ใช้วิธีนี้ผ่านดงปราณกระบี่ที่เข้มข้น พวกเขาก็สามารถบุกเข้าไปพื้นที่ด้านในสุดได้!
ยิ่งเดินเข้าไปลึกมากเท่าไร ปราณกระบี่ก็ยิ่งมีเยอะมากเท่านั้น และยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นอีกด้วย!
แต่ความเร็วของอินทรีสามตานั้นไม่ได้ลดลงไปเลย!
ฉู่หลิวเยว่ที่แอบอยู่ด้านหลังของมัน ก็จ้องมองไปที่พื้นด้านล่าง
เมื่อเดินเข้ามาใกล้ๆ นางก็สัมผัสได้ว่า ตำแหน่งที่กระบี่หลงหยวนปักเอาไว้ในใต้ดินนั้น จะมีเปลวเพลิงสีทองรอดออกมา!
หัวใจของฉู่หลิวเยว่สั่นไหว ตอนที่นางอยากจะก้มลงไปมองให้ละเอียด แต่กลับพบว่าเปลวเพลิงสายนั้นหายไปแล้ว
นางขมวดคิ้วเล็กน้อย…หรือว่าเมื่อครู่นางมองผิดไปกันนะ?
แต่ทันใดนั้นเองอินทรีสามตาก็พูดขึ้นด้วยความตกใจว่า
“เป็นไปได้อย่างใด?”
ปกติแล้วน้ำเสียงของมันจะเย็นชาอยู่เสมอ แต่คราวนี้มันกลับตกใจอย่างมาก
“เป็นอันใดหรือ?” ฉู่หลิวเยว่รีบถามขึ้นทันที
อินทรีสามตาสะบัดปีก แล้วพูดขึ้นว่า
“”เมื่อครู่เจ้าก็เห็นหรือ ด้านล่างถัดจากตำแหน่งของกระบี่หลงหยวน เปลวเพลิงสีทองปรากฏขึ้น?!”
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้าแล้วพูดขึ้นว่า
“เจ้าก็เห็นหรือ? ข้านึกว่าข้าเห็นภาพมายา”
“นั่นไม่ใช่ภาพมายา” อินทรีสามตาพูดขึ้นมาเสียงเรียบ “นั่นคือเปลวเพลิงที่อยู่บนโครงกระดูกของอสูรศักดิ์สิทธิ์”
ฉู่หลิวเยว่เบิกตากว้างขึ้นเล็กน้อย
“เปลวเพลิงบนโครงกระดูกอสูรศักดิ์สิทธิ์? หมายความว่าอย่างใดหรือ? เปลวเพลิงนี้…นี่เป็นของอสูรศักดิ์สิทธิ์ตัวนั้นหรือ?”
นางไม่ค่อยรู้เรื่องเกี่ยวกับอสูรศักดิ์สิทธิ์มากนัก จึงไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับเปลวเพลิงนั้นเลย
“…อสูรศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ใต้กระบี่หลงหยวนนี้ ต้องแข็งแกร่งมากใช่หรือไม่?” ฉู่หลิวเยว่ถามขึ้น
อินทรีสามตาเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วพูดขึ้นช้าๆ ว่า
“ในโลกใบนี้ เปลวเพลิงสีทองแบบนี้มีเพียงอย่างเดียวเท่านั้น…อสูรศักดิ์สิทธิ์บรรพกาล ไท่ซวีเฟิ่งหลง!”
ในใจของฉู่หลิวเยว่มีระลอกคลื่นลูกใหญ่!
“อันใดนะ?! เจ้าจะบอกว่าอสูรศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ด้านล่างของกระบี่หลงหยวนนี่ ความจริงแล้ว…เป็นไปได้อย่างใด? แล้วยังเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์บรรพกาล!”
ฉู่หลิวเยว่ไม่อยากจะเชื่อ
ต้องขอบอกก่อนว่าอสูรศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลนั้นแข็งแกร่งและเก่าแก่กว่าอสูรศักดิ์สิทธิ์ทั่วไป
แต่นั่นเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในตำนาน!
แล้วเหตุใดถึงมาอยู่ที่นี่ได้เล่า?
แต่ในฐานะที่อินทรีสามตาเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์ เขารู้เรื่องนี้มากกว่านางอยู่แล้ว
นางกลั้นหายใจ เมื่อนึกถึงเปลวเพลิงสีทองเหล่านั้น นางก็รู้สึกตื่นตระหนกขึ้นมา
“เจ้าแน่ใจหรือ? ว่านั่นคือโครงกระดูกของไท่ซวีเฟิ่งหลง”
อินทรีสามตาเองก็ตกใจอย่างมาก จึงพูดขึ้นมาเสียงเรียบว่า
“เบาะแสในตอนนี้มีเพียงเปลวเพลิงสีทองสายนั้น จึงไม่สามารถยืนยันได้ แต่ก็มั่นใจ…เก้าในสิบส่วน”
นี่หมายความว่าเขามั่นใจเต็มที่แล้ว เพียงแต่ขาดหลักฐานชิ้นสุดท้ายเท่านั้นเอง
ฉู่หลิวเยว่พูดอันใดไม่ออกอยู่สักพัก
นางหันไปมองทางกระบี่หลงหยวน
แต่เมื่อมองดูครั้งนี้ นางกลับรู้สึกว่า มันมีความแตกต่างไปจากก่อนหน้านี้อยู่เล็กน้อย
“ตอนแรกท่านปฐมกษัตริย์ล้มเหลวจากการเลื่อนขั้นไปเป็นนักรบระดับเก้า และยิ่งไม่เคยก้าวข้ามไปยังเขตแดนที่สูงขึ้นในตำนาน แต่ด้วยความสามารถของเขาในตอนนั้น ก็ไม่น่าจะสามารถฆ่าอสูรศักดิ์สิทธิ์บรรพกาล ไท่ซวีเฟิ่งหลงได้…”
นางอดที่จะพูดพึมพำไม่ได้
สัญลักษณ์ของราชวงศ์เทียนลิ่งคือ กระบี่เล่มหนึ่งที่ตัดหัวมังกร
แต่นางไม่เคยคิดมาก่อนว่า มังกรตัวนั้นจะเป็นไท่ซวีเฟิ่งหลง!
อินทรีสามตาก็พูดขึ้นอย่างแน่วแน่ว่า
“ไม่ว่าจะเป็นอย่างใด ไปดูเดี๋ยวก็รู้เองนั่นแหละ”
ฉู่หลิวเยว่สูดลมหายใจเข้าลึกๆ
“ได้!”
ในเมื่อมาถึงขนาดนี้แล้ว จะให้ถอยหลังนั้นยิ่งไม่มีทาง ข้าจะต้องไปให้เห็นกับตาตัวเอง!
พรึ่บ…
อินทรีสามตาสยายปีกขึ้น พลังของอาณาเขตเซียนเทพทำลายปราณกระบี่ที่อยู่โดยรอบออกไปทันที
ด้วยการเคลื่อนไหวของมัน ทำให้เปลวเพลิงสีทองที่หายไปเมื่อครู่นี้ กลับขึ้นมาปะทุอีกครั้ง!
หลังจากนั้นฉู่หลิวเยว่ถึงได้สัมผัสถึงคลื่นความร้อนที่แผดเผา กระจายออกมาจากหลุมยุบแห่งนี้อย่างต่อเนื่อง!
ตอนนั้นเองฉู่หลิวเยว่กระชับฝ่ามือให้แน่นขึ้น
นางคาดเดาอันใดบางอย่างขึ้นมาได้…เกรงว่าปราณฟ้าดินที่แปลกประหลาดของดินแดนนี้ อาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับโครงกระดูกนี้ก็เป็นได้
ปราณที่เข้มข้นเหล่านั้นมีพลังดั้งเดิมของฟ้าดินเป็นส่วนประกอบ แม้ว่าจะอยู่ในอาณาเขตเซียนเทพของอินทรีสามตา แต่ฉู่หลิวเยว่ก็สามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่า แรงกดดันที่มีมันค่อยๆ แข็งแกร่งขึ้นแล้ว!
พรึ่บ…
ทันใดนั้นก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมา!
ฉู่หลิวเยว่หันขวับไปมองด้านข้างทันที แต่ก็เห็นว่าอาณาเขตเซียนเทพโดนแรงกดดันโจมตีอย่างบ้าคลั่ง จนทำให้เป็นรูขึ้นมา!
อินทรีสามตาชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็เพิ่มความเร็วในการบิน
หัวใจของฉู่หลิวเยว่เหมือนแขวนอยู่บนเส้นด้าย นางจ้องไปที่รูนั้นตาเขม็ง…
ตู้ม!
เสียงระเบิดดัง อาณาเขตเซียนเทพแตกกระจายแล้ว!
ตอนนั้นเองฉู่หลิวเยว่และอินทรีสามตาถูกดีดออกจากอาณาเขตเซียนเทพทันที
นางเห็นได้อย่างชัดเจนว่า ภาพมายาของอินทรีสามตานั้นมีจำนวนมากขึ้น
ระลอกคลื่นอากาศพวยพุ่งออกมาห่อหุ้มปราณกระบี่สีดำจำนวนมากมายนับไม่ถ้วน!