ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 516 ตื่นรู้
ตอนที่ 516 ตื่นรู้ [รีไรท์]
ในตอนนั้นเองพีระมิดสีดำที่อยู่ในร่างกายของฉู่หลิวเยว่ก็มีระลอกคลื่นแผ่กระจายออกมาอย่างรุนแรง!
ทันใดนั้นปราณกระบี่สีดำเหล่านั้นก็หยุดตรงหน้าฉู่หลิวเยว่ทันที!
คลื่นความร้อนก็พวยพุ่งออกมาอย่างบ้าคลั่ง ราวกับว่ามันได้เจอกับสิ่งที่น่ากลัวอย่างมาก ควรหนีให้ห่างโดยเร็ว!
แต่ว่าภายในชั่วพริบตาเดียว ทุกอย่างก็สลายหายไปจนหมด!
เมื่อมองดูใกล้ๆ แล้ว ปราณกระบี่สีดำมากมายนับไม่ถ้วนที่กำลังจะพุ่งมาแทงทะลุที่ตัวของนาง ฉู่หลิวเยว่เองก็ตกใจมากเช่นกัน
แต่นางไม่สามารถเอาพรมแดนไวฑูรยะที่อยู่ในมือออกมาใช้ได้ทัน
แต่เมื่อดูตอนนี้…เหมือนว่ามันไม่จำเป็นแล้ว?
ในตอนนั้นเอง
ด้านบนของกระบี่หลงหยวน ก็มีประจุสายฟ้าสีเงินปรากฏออกมาจากปลายด้ามจับ!
ที่แท้นั่นคือแรงกดดันที่ลึกที่สุดของกระบี่หลงหยวน ราวกับว่ามันได้ผ่านการหลอมเหลวด้วยอันใดบางอย่าง จึงทำให้ดูสว่างไสวและแหลมคมมากกว่าเดิมหลายเท่าตัว
ก่อนหน้านี้บนด้ามของกระบี่หลงหยวนเองก็เคยมีประจุสายฟ้าปรากฏออกมาด้วยเช่นกัน แต่ว่าฉู่หลิวเยว่กลับรู้สึกว่าครั้งนี้มันมีอันใดแตกต่างออกไป
หลังจากที่สายฟ้าสีเงินสายนั้นไหลลงมาในหลุมยุบผ่านตัวกระบี่แล้ว สายฟ้าสายที่สองก็ตามลงมาอย่างต่อเนื่อง
อีกทั้งในครั้งนี้ก็มีพลังรุนแรงกว่าครั้งก่อนมาก
ชั่วพริบตาเดียว สายฟ้าก็เสียงฟ้าผ่าดังสนั่นหวั่นไหว!
ฉู่หลิวเยว่จ้องไปที่กระบี่หลงหยวนตาเขม็ง ทันใดนั้นความคุ้นเคยก็ค่อยๆ ปรากฏขึ้นมาทีละนิดๆ
ความรู้สึกแบบนี้…ที่มาจากกระบี่หลงหยวนเหมือนกับพีระมิดสีดำในร่างกายของนาง!
…
เปรี้ยง!
เสียงฟ้าผ่าดังลั่นมาจากที่ไกลๆ
หนิงเจียวเจียวและคนอื่นๆ หันไปมองทันที จากนั้นก็เห็นว่าด้านบนของกระบี่หลงหยวนมีแสงสีเงินปรากฏขึ้น
“นั่นมัน…กระบี่หลงหยวนจะตื่นรู้แล้วหรือ?”
ทันใดนั้นชายร่างผอมสูงก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงตกใจ!
พอสิ้นเสียงของเขา คนอื่นๆ ก็เบิกตากว้างขึ้น ใบหน้าเต็มไปด้วยความตกใจ
หนิงเจียวเจียวจึงอดถามขึ้นมาไม่ได้ว่า
“ที่เจ้า..พูดหมายความว่าอย่างใด?”
นางไม่ใช้ผู้ฝึกตนสายกระบี่ ดังนั้นจึงไม่เข้าใจความหมายของเรื่องพวกนี้เสียเท่าไร
เพราะความตื่นเต้น ชายรูปร่างสูงผอมจึงมีใบหน้าแดงก่ำ
เขาอธิบายด้วยเสียงสั่นๆ ว่า
“เดิมทีกระบี่หลงหยวนก็เป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ ในตัวของมันก็มีจิตวิญญาณอยู่แล้ว! หากเจ้านายของมันตาย มันเข้าสู่การจำศีลและหลับสนิท อาวุธศักดิ์สิทธิ์ส่วนใหญ่ก็จะหลับสนิทเช่นนี้ไปตลอดกาล แต่…ถ้ามันเลือกที่จะตื่นขึ้นมา…นั่นก็หมายความว่า…”
หนิงเจียวเจียวถามต่อ “หมายความว่าอันใด?”
“หมายความว่า…มันเลือกเจ้านายคนใหม่แล้ว!”
ชายร่างผอมสูงพูดเรื่องนี้ออกมาด้วยความตื่นเต้น เลือดในกายของเขาก็เดือดพล่าน
ชายมีเคราที่อยู่ด้านข้างก็มีปฏิกิริยาแบบเดียวกัน
เมื่อเทียบกันแล้ว หยางเซิ่นเอ๋อร์จะดูสงบนิ่งกว่ามาก แต่เมื่อหันไปมองทางกระบี่หลงหยวน สายตาของนางก็ยังแฝงไปด้วยความปรารถนาอันแรงกล้า
สำนักกระบี่เมฆาม่วงมีความเชี่ยวชาญเรื่องเพลงดาบมาโดยตลอด เมื่อเห็นกระบี่หลงหยวนตื่นรู้ขึ้นด้วยตาของตนเอง พวกเขาจะไม่ตื่นเต้นได้อย่างใด!
แต่ที่สำคัญไปมากกว่านั้น คือเจ้านายคนใหม่ของกระบี่หลงหยวนนั้น บางทีอาจจะเป็นพวกเขา!
ตอนนั้นเองหนิงเจียวเจียวถึงได้เข้าใจ
นางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ทันใดนั้นก็พูดขึ้นมาว่า
“จริงสิ! ฉู่หลิวเยว่ไปทางกระบี่หลงหยวนเล่มนั้นไม่ใช่หรือ?”
คำพูดนี้ได้เตือนสติพวกเขาหลายๆ คน ทำให้พวกเขาได้สติจากความตื่นเต้นที่บ้าคลั่งเหล่านั้น และสีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไปทันที
“นี่…เก๋งที่ใกล้น้ำย่อมได้จันทร์ก่อน[1]” หนิงเจียวเจียวพูดขึ้นมาด้วยความลังเล แววตาของนางเปล่งประกาย
“อาวุธศักดิ์สิทธิ์อย่างกระบี่หลงหยวน ใครจะเอามันมาได้ ต้องดูที่โชคชะตาของคนคนนั้น ไม่ใช่อยู่ที่ว่าใครใกล้กว่าใคร”
ชายมีเคราพูดขึ้นเช่นนั้น แต่ในใจของเขาก็รู้สึกสับสนเล็กน้อย
ใครจะไปรู้ว่าเหตุใดจู่ๆ กระบี่หลงหยวนถึงตื่นขึ้นมาได้ล่ะ?
ไม่ว่าจะเป็นอย่างใด ฉู่หลิวเยว่อยู่ใกล้ๆ ก็ย่อมสะดวกกว่าพวกเรามาก!
เพราะตอนนี้พวกเขาไม่รู้ว่าสถานการณ์ที่อยู่ทางด้านนั่นเป็นอย่างใดบ้าง!
หนิงเจียวเจียวกวาดสายตามองพวกเขาทั้งสามคน ในใจหัวเราะเยาะเย้ย แต่ใบหน้ากลับแสดงถึงความจริงใจอย่างมาก
“ข้าคิดว่า กระบี่หลงหยวนที่หลับใหลมาหลายพันปี แต่ตอนนี้กลับตื่นรู้ขึ้นมา เขาจะต้องคัดเลือกอัจฉริยะที่เก่งกาจเหนือคน ขึ้นมาเป็นเจ้านายคนใหม่แน่นอน ไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่น อย่างน้อยเรื่องวิชากระบี่ น่าจะต้องเป็นคนที่มีฝีมือไม่เลว เรื่องนี้สำนักเสวียนเฟิ่งของพวกเรานั้นสู้ไม่ได้จริงๆ แต่พวกเจ้าล้วนเป็นศิษย์ของสำนักกระบี่เมฆาม่วง พวกเจ้าต้องคุ้นเคยกับกระบี่มากที่สุด ใช่หรือไม่?”
คำพูดของนางสั่นคลอนความคิดของชายทั้งสองอย่างมาก
“อย่าว่าแต่ฉู่หลิวเยว่เลย ต่อให้เป็นผู้เข้าแข่งขันทั้งหมดของงานหมื่นทูรนี้ ก็น่าจะไม่มีใครเหมาะสมที่เป็นเจ้านายคนใหม่ของกระบี่หลงหยวนได้เท่าพวกเจ้าอีกแล้ว แต่ว่าโอกาสดีๆ เช่นนี้ หากโดนคนอื่นแย่งไปแล้วล่ะก็…ถ้าเป็นข้า ข้าคงจะต้องเสียใจไปตลอดชีวิตแน่นอน! ดังนั้นไม่ทราบว่าที่ข้าเพิ่งเสนอไปเมื่อครู่…”
“พวกเราตกลง”
ชายร่างผอมตอบตกลงทันที
ส่วนหยางเซิ่นเอ๋อร์และศิษย์อีกคนก็พยักหน้าเป็นการตกลง
ริมฝีปากของหนิงเจียวเจียวโค้งขึ้น
ต่อให้นางไม่พูดคำยุยง แต่พวกเขาเหล่านี้ก็ยังเลือกเช่นนี้เหมือนเดิม
นั่นเพราะว่าในใจของเขาคิดแบบนั้นอยู่ก่อนแล้ว
คำพูดของนางเป็นแค่ตัวช่วยเปิดหลุมในใจของพวกเขาเท่านั้นเอง
หนิงเจียวเจียวพูดเสนอขึ้นว่า
“พวกเราต้องร่วมมือกันกำจัดฉู่หลิวเยว่ก่อน เมื่อได้สมบัติแล้ว ก็ค่อยแบ่งกันอย่างยุติธรรม! ส่วนกระบี่หลงหยวนก็อยู่ที่ใครจะมีวาสนา เป็นอย่างใดเล่า?!”
“คำไหนคำนั้น!”
หยางเซิ่นเอ๋อร์หันหน้ากลับไปมอง ทันใดนั้นก็พูดขึ้นด้วยความตกใจว่า
“ดูนั่นสิ! ปราณกระบี่สีดำกลับลงไปในกระบี่หลงหยวนเกือบหมดแล้ว!”
พวกเขาก็ค่อยๆ หันไปมอง และเห็นว่าปราณกระบี่สีดำจำนวนมากมายนับไม่ถ้วน ไหลเข้าสู่กระบี่หลงหยวนตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้!
ในเวลาเดียวนั้นเอง ประจุสายฟ้าสีเงินหลายสาย แล้วสายฟ้าก็ปรากฏขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง!
“ไป!”
หนิงเจียวเจียวได้สติ ก็รีบพุ่งเข้าไปด้านหน้าทันที!
ส่วนคนอื่นๆ ก็ไม่น้อยหน้า รีบตามขึ้นไปทันที
…
ประจุสายฟ้าสีเงินสายที่เก้า ฟาดใส่ลงที่ตัวกระบี่อย่างแรง!
ทันใดนั้นเอง เสียงกระบี่ก็กู่ร้องดังขึ้น
ราวกับว่ามีอสูรขนาดใหญ่ตื่นจากการหลับใหลที่ยาวนาน!
ฉู่หลิวเยว่เบิกตากว้างแล้วมองไปยังกระบี่หลงหยวนที่อยู่ด้านหน้าโดยไม่กะพริบตา
คาดไม่ถึงว่า…กระบี่หลงหยวนจะสามารถตื่นได้ด้วยตนเอง!
ปราณกระบี่สีดำที่อยู่รอบๆ ค่อยๆ กลับเข้าไปในตัวกระบี่อย่างต่อเนื่อง
พรึ่บๆ!
เสียงระเบิดดังอยู่ที่ข้างหูของนาง!
ทันใดนั้นอินทรีสามตาก็ส่งเสียงร้องทุ้มต่ำขึ้นทันที
ฉู่หลิวเยว่เหลือบสายตามองไปทางมัน รูม่านตาของนางก็กดเล็กลง!
ทันใดนั้นนางก็เห็นว่าเปลวเพลิงสีทองนั้นปรากฏขึ้นมาจากพื้น
ตำแหน่งของมันก็อยู่ตรงที่ใต้ดินที่กระบี่หลงหยวนนั่นปักลงไป แต่ครั้งนี้มันร้อนกว่าครั้งก่อนมาก
อีกทั้ง…มันไม่เพียงไม่หายไป แต่กลับแผ่กระจายออกไปทั่ว
ในช่วงเวลาสั้นๆ ก้นหลุมยุบแห่งนี้ก็เต็มไปด้วยเปลวเพลิงสีทองนั้น!
เมื่อมองมาจากด้านบน ราวกับเห็นว่ากระบี่หลงหยวนนั้นอยู่ใจกลางกองเพลิงสีทอง!
“โครงกระดูกอสูรศักดิ์สทธิ์อยู่ด้านล่างนั้น! ต้องรีบหน่อยแล้ว! พลังแห่งสวรรค์ไม่สามารถต้านทานมันได้นานขนาดนั้น!”
อินทรีสามตาตะโกนขึ้นเสียงดัง
ฉู่หลิวเยว่ขมวดคิ้ว
“เจ้าหมายความว่า…ข้าต้องลุยกองเพลิงสีทองนี้เข้าไปหรือ?”
อินทรีสามตาขานรับอย่างมั่นใจ
“กระบี่หลงหยวนตื่นแล้ว นี่เป็นเพียงช่องว่างเดียว แต่ถ้ามันยอมรับนายคนใหม่อีกครั้ง เช่นนั้นโครงกระดูกของอสูรศักดิ์สทธิ์จะถูกมนุษย์ผู้นั้นครอบครอง หรือไม่ก็ถูกทำลายอย่างสมบูรณ์”
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้า จากนั้นก็เรียกเปลวเพลิงสีแดงออกมาจากร่างกายแล้วห่อหุ้มทั่วร่างกายของนาง!
“ไป!”
อินทรีสามตาก็บินโฉบลงไปทันที
หนึ่งคนหนึ่งร่างอสูร ชั่วพริบตาเดียวก็หายเข้าไปในกองเพลิง!
ตู้ม!
สะเก็ดเพลิงก็กระจายออกมา!
[1]เก๋งที่ใกล้น้ำย่อมได้จันทร์ก่อน คือ การที่เราไปอยู่ในสถานการณ์ที่เอื้ออำนวย เราจะได้ประโยชน์ก่อนคนอื่นๆ