ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 518 การต่อสู้
ตอนที่ 518 การต่อสู้ [รีไรท์]
ตรงกลางท้องพระโรง มีโครงกระดูกขนาดใหญ่นอนอยู่อย่างเงียบสงบ
กระดูกของมันใสแวววาวราวกับหยก เมื่อวางกองอยู่กับสมบัติพวกนี้ อาจจะทำให้เกิดการสับสนได้ ดังนั้นตอนแรกฉู่หลิวเยว่จึงไม่สามารถแยกแยะมันออกได้
แต่หากมองให้ละเอียด ก็ยังสามารถมองออกได้
เพราะแรงกดดันที่แผ่ขยายออกมา!
หัวใจของฉู่หลิวเยว่เต้นแรงอย่างมาก
ทันใดนั้นอินทรีสามตาก็ส่งเสียงร้องออกมาทันที และลดปีกลง ก่อนจะก้มหน้าเล็กน้อย
ฉู่หลิวเยว่เหลือบตามองมันอยู่ครู่หนึ่ง สามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่ามันให้ความเคารพยำเกรงต่อไท่ซวีเฟิ่งหลงอย่างมาก!
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า กระดูกเหล่านี้ต้องเป็นของไท่ซวีเฟิ่งหลงอย่างแน่นอน!
“เจ้าเป็นอย่างใดบ้าง?” ฉู่หลิวเยว่ถามขึ้นอย่างเป็นกังวล
อินทรีสามตาส่ายหน้า
“ไท่ซวีเฟิ่งหลงเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์บรรพกาล สายเลือดมีแรงกดดันมากเป็นธรรมดา ถ้าไท่ซวีเฟิ่งหลงตัวนี้ยังมีชีวิตอยู่ ข้าจะต้องเชื่อฟังเขา แต่ตอนนี้เหลือเพียงกระดูกข้าก็ต้องยอมรับ”
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกตกตะลึงจนพูดไม่ออก
อินทรีสามตานับว่าเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์ที่แข็งแกร่งอย่างมาก แต่เมื่อมาอยู่ต่อหน้าไท่ซวีเฟิ่งหลง กลับเป็นฝ่ายที่ต้องทำความเคารพเขา
แต่นี่เป็นเพียงแค่โครงกระดูกของมันเท่านั้น แรงกดดันที่เหลือทิ้งไว้ยังน่าหวาดกลัวถึงเพียงนี้
ไม่รู้ว่าหากเป็นไท่ซวีหลงหยวนตัวจริงจะเป็นอย่างใดกันแน่?
“ด้วยความสามารถของเจ้าในตอนนี้ไท่ซวีเฟิ่งหลงแค่ปรายตามองมาทางเจ้า ก็สามารถทำลายร่างกายและจิตวิญญาณของเจ้าได้อย่างย่อยยับแล้ว!”
อินทรีสามตาพูดขึ้นเสียงเรียบ
ส่วนฉู่หลิวเยว่จะมีโอกาสได้เจอหรือไม่ นั่นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
แล้วอีกอย่าง ต่อให้มีโอกาสได้เจอกับไท่ซวีเฟิ่งหลงตัวเป็นๆ ไม่รู้ว่าตอนนั้นนางจะอยู่ในอาณาจักรใด
“แล้วเหตุใดที่นี่มีเพียงครึ่งร่างเท่านั้นล่ะ?”
นางขมวดคิ้วแล้วถามขึ้น
อินทรีสามตาส่ายหน้า แสดงท่าทางว่าไม่รู้
“เผ่าไท่ซวีเฟิ่งหลงนั้น ให้ความสำคัญกับโครงกระดูกอย่างมาก ในเมื่อตายอยู่ด้านนอก ไม่ว่าไกลสักแค่ไหน พวกเขาจะไปตามกลับมา ไม่มีทางทิ้งเอาไว้ด้านนอกเช่นนี้แน่นอน แค่โครงกระดูกที่มีเพียงครึ่งร่างนี้นั้น…บางทีอาจจะเป็นเพราะเผ่าไท่ซวีเฟิ่งหลงนั้นค้นหาไม่เจอ”
ฉู่หลิวเยว่ครุ่นคิดอยู่สักพัก แล้วคิดว่านี่ก็มีเหตุผลอยู่หลายส่วน
“ถ้ามีเพียงครึ่งร่าง กายเนื้อของเจ้า… จะสามารถฟื้นคืนได้หรือไม่?”
อินทรีสามตาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดขึ้นว่า
“ไท่ซวีเฟิ่งหลงเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์ในบรรพกาล สายเลือดของมันสูงส่งกว่าอสูรศักดิ์สิทธิ์ทั่วไป หากใช้พลังนี้ ต่อให้มีเพียงครึ่งร่าง ก็สามารถสร้างกายเนื้อได้ใหม่อย่างสมบูรณ์”
ฉู่หลิวเยว่ถอนหายใจอย่างโล่งอก
“งั้นก็ดี ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเราก็นำกระดูกเหล่านี้ออกไปกันเถอะ รอข้าหาของที่ต้องการใช้จนครบ แล้วค่อยช่วยเจ้า…มีอันใดหรือ?”
เมื่อเห็นว่าอินทรีสามตามองมาด้วยสายตาแปลกประหลาด ฉู่หลิวเยว่จึงกระแอมไอหนึ่งครั้ง
“เจ้าจะเอาโครงกระดูกนี้ออกไป?” อินทรีสามตาถามกลับ
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้าอย่างลังเล
“…แบบนั้น…ไม่เหมาะสมหรือ?”
สายตาของอินทรีสามตามีประกายความแปลกใจมากขึ้น
“เจ้าคิดว่าแหวนเฉียนคุนจะสามารถรับแรงกดดันของโครงกระดูกนี้ได้หรือ?”
ในที่สุดฉู่หลิวเยว่ก็เข้าใจความหมายของเขาแล้ว
นางตบหน้าผากของตัวเองเบาๆ
“แปะ…”
นางลืมเรื่องนี้ไปได้อย่างใดกัน?
“งั้นควรจะทำอย่างใดดี? หรือว่าต้องวางเอาไว้แบบนี้ต่อไป? พวกเราคงเข้ามาด้านในนี้ไม่ได้ง่ายๆ อีกแล้ว…”
ตอนที่อินทรีสามตาพูด นางถึงได้พุ่งไปด้านหน้าอย่างไม่สนใจอันใด ถ้าหากมาบอกนางตอนนี้ว่า ให้ดูแต่ตา ห้ามเอาไป…
“หม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์”
อินทรีสามตาพูดขึ้นมาเสียงเรียบ
“เอาโครงกระดูกใส่ไปในหม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์ สามารถนำออกไปด้านนอกได้ อีกนัยหนึ่งก็สามารถหลอมเอาพลังในเส้นเลือดที่หลงเหลืออยู่ของไท่ซวีเฟิ่งหลงออกมาได้อีกด้วย”
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้า
นางขยับมือเพียงเล็กน้อย หม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์ก็มาอยู่ที่กลางฝ่ามือของนางแล้ว
เพลิงแห่งกรรมโปร่งใสก็เผาไหม้ขึ้นมาอย่างเงียบเชียบ
ฉู่หลิวเยว่ขยับมือของตัวเองเบาๆ หม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์ก็ลอยขึ้นไปอยู่กลางอากาศ จากนั้นก็ขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว!
เปลวเพลิงโปร่งแสงสายหนึ่งก็พวยพุ่งออกมาจากด้านใน ก่อนจะเข้าไปปกคลุมโครงกระดูกครึ่งร่างที่อยู่ที่พื้น
ตอนนั้นเองเมื่อเพลิงแห่งกรรมโปร่งใสสัมผัสเข้ากับโครงกระดูกเหล่านั้น เปลวเพลิงที่โปร่งใสนั้นก็ลุกพรึ่บ พร้อมโหมกระหน่ำอย่างรุนแรง!
ฉู่หลิวเยว่หลับตาทันทีโดยไม่รู้ตัว
ทันใดนั้นเองเหมือนว่านางนึกอันใดขึ้นได้ จึงลืมตาขึ้นแล้วจ้องมองอย่างตั้งใจ!
ตอนนั้นนางก็เห็นว่าด้านบนของโครงกระดูกนั้นมีค่ายกลขนาดใหญ่สว่างขึ้น! พร้อมขวางเปลวเพลิงสีใสเอาไว้!
เมื่อมองค่ายกลนั้นให้ละเอียด ฉู่หลิวเยว่ก็ขมวดคิ้วแน่นขึ้น
คาดไม่ถึงว่านั่นเป็นค่ายกลระดับเก้า!
ชาติที่แล้วหลังจากที่นางฝึกตนได้ถึงระดับแปด ระดับของนางก็หยุดอยู่ตรงนี้ตลอด ไม่สามารถเลื่อนขั้นไปได้เลย
หากค่ายกลมีระดับต่ำกว่านี้สักเล็กน้อย บางทีนางอาจจะลองพยายามแก้มัน แต่ว่าตอนนี้…เป็นเพียงทางตันเท่านั้น!
“โครงกระดูกครึ่งร่างนี้ ถูกปิดผนึกเอาไว้อีกชั้น ดูเหมือนว่าจำเป็นต้องปลดมันก่อนถึงจะสามารถเอาไปได้”
คำพูดของอินทรีสามตา ทำให้ฉู่หลิวเยว่รู้สึกสิ้นหวังมากขึ้น
นางลูบหน้าผากด้วยความปวดหัว หลังจากที่มองดูค่ายกลอย่างเงียบๆ แล้ว นางถึงถามขึ้นมาลอยๆ ว่า
“เจ้าคิดว่าข้ามีฝีมือขนาดนั้นเลยหรือ?”
เมื่อครู่เขาเพิ่งว่าหากนางสบตากับไท่ซวีเฟิ่งหลงเพียงครั้งเดียว นางจะต้องตายอย่างแน่นอนไม่ใช่หรือ!
อินทรีสามตาเหลือบสายตามองนาง
“แน่นอนว่าตอนนี้เจ้ายังไม่มี แต่…พลังแห่งสวรรค์มี!”
ฉู่หลิวเยว่ชะงักไปครู่หนึ่ง “หมายความว่าอย่างใด?”
แต่อินทรีสามตากลับเงียบเสียงไป แล้วไม่ได้พูดออกมาเป็นเวลานาน
เมื่อตอนที่ฉู่หลิวเยว่คิดว่าเขาจะไม่พูดออกมาแล้ว แต่ในที่สุดเขาก็พูดออกมาว่า
“ค่ายกลระดับเก้า ความจริงแล้วความยากของมันก็พอๆ กับค่ายกลระดับแปด สิ่งเดียวที่แตกต่างก็คือ ภายในค่ายกลระดับเก้า จะมีพลังแห่งสวรรค์อยู่! ขอเพียงแค่เจ้าสามารถแก้ส่วนอื่นๆ ได้ เช่นนั้นก็สามารถทะลวงค่ายกลให้แตกได้”
ฉู่หลิวเยว่อ้าปาก
“เจ้า…เจ้ารู้ได้อย่างใด?”
อินทรีสามตากัดฟันแล้วพูดขึ้นว่า
“ตอนแรกข้าถูกจับขังอยู่ในค่ายกลระดับแปด แล้วข้าจะไม่รู้ได้อย่างใด?”
ฉู่หลิวเยว่เข้าใจได้ในทันที
“เช่นนั้นก็หมายความว่า ตอนแรกเจ้าก็คือปรมาจารย์ขั้นแปดหรือ?…หรือว่าระดับเก้า?!”
สายตาของอินทรีสามตาเย็นเชียบ ในแววตาของเขายังแฝงความเกลียดชังอยู่ด้วย
ฉู่หลิวเยว่เห็นดังนั้น จึงรีบเปลี่ยนเรื่องอย่างฉลาด
“แต่ว่าต่อให้เป็นเช่นนั้น ข้าก็ยังเป็นแค่ปรมาจารย์ขั้นสามอยู่ จะสามารถใช้พลังแห่งสวรรค์ได้อย่างใด?”
พูดตรงๆ คือมันก็เป็นแค่เรื่องเพ้อฝันของคนโง่!
อินทรีสามตาจ้องหน้านางตาเขม็ง
“คนอื่นอาจจะทำไม่ได้ แต่เจ้าอาจจะทำได้ เพราะว่าในร่างกายของเจ้า…มีพลังแห่งสวรรค์”
ฉู่หลิวเยว่ชะงักไป ราวกับว่าเข้าใจอันใดบางอย่างแล้ว
นางเม้มปากแน่น
“งั้นข้าจะลองดู!”
หลังจากพูดจบนางก็นั่งขัดสมาธิ ก่อนจะกลั้นลมหายใจ
ไข่มุกธาราที่อยู่ในเถียนตันค่อยๆ หมุนไปอย่างช้าๆ
ฉู่หลิวเยว่พยามยามเรียกพลังแห่งสวรรค์ในร่างกายออกมา สายหนึ่งดังมาจากหัตถ์ศักดิ์สิทธิ์ ส่วนอีกสายหนึ่งมาจากพันธสัญญาของอินทรีสามตา
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไรแล้ว ลูกไฟลูกหนึ่งก็ปรากฏขึ้นภายในไข่มุกธารา
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกตกใจอย่างมาก สิ่งนั้นน่าจะเป็นปราณของพลังแห่งสวรรค์!
หลังจากนั้นนางก็หลับตาขึ้น แล้วมองไปที่ค่ายกลระดับเก้าที่มีความซับซ้อนและยิ่งใหญ่
นางดีดนิ้วขึ้น!
ทันใดนั้นก็มีหยดน้ำหยดเล็กๆ ออกมาจากปลายนิ้วของนาง!
เมื่ออยู่ตรงนั้น ต่อให้ดวงดาวนางก็สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน!
เมื่อหยดน้ำไหลผ่านไป รอยแยกมิติสีดำก็ปรากฏขึ้นอย่างไร้เสียง!
ตอนที่มันค่อยๆ เข้าไปใกล้ ทันใดนั้นบนค่ายกลระดับเก้านั้นก็มีแรงกดดันที่มีพลังมหาศาลปะทุออกมา!
แสงสว่างจำนวนนับไม่ถ้วนสว่างวาบ! จนทำให้คนดวงตาพร่างพรายไปหมด!
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกตกใจอย่างมาก ปราณพลังแห่งสวรรค์ในค่ายกลระดับเก้าซ่อนอยู่ในแสงสว่างนับหมื่นสาย! ยากที่จะตามหา!