ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 523 แขกกิตติมศักดิ์
ตอนที่ 523 แขกกิตติมศักดิ์ [รีไรท์]
ที่แท้คนที่มาใหม่ผู้นั้นคือประมุขแห่งหอร้อยโอสถ…เย่ว์หลิง
เขาเป็นคนที่ทำตัวเป็นเทพมังกรเห็นหัวไม่เห็นหาง ดูลึกลับมาโดยตลอดไม่ใช่หรือ?
ได้ยินมาว่า ผู้มีอำนาจในเมืองซีหลิงอยากจะคารวะเขา ก็จำเป็นต้องส่งเทียบเชิญอย่างต่ำหนึ่งเดือน
แต่นั่นก็ไม่แน่ว่าจะได้เจอเขา
พูดตามตรงแล้ว เขาเป็นแค่ประมุขของหอร้อยโอสถ สถานะของเขาก็เทียบกับคนเหล่านั้นไม่ได้ จึงไม่ได้ยิ่งใหญ่ในสายตาพวกเขาเลย
แต่ว่า…เย่ว์หลิงนั้นไม่เหมือนกัน
เพราะเขาเป็นเจ้าของของหอร้อยโอสถ
สินค้าของเขาเป็นของหายากและมีราคาแพง
ร้านอื่นไม่มีของ แต่เขามี แล้วสินค้าของเขาก็มีคุณภาพดีกว่าร้านอื่นด้วย
ภายในเมืองซีหลิงนี้ ไม่มีใครต้องการล่วงเกินหอร้อยโอสถ
เพราะไม่มีใครกล้ารับประกันว่าทั้งชีวิตนี้ตัวเขาจะไม่ต้องการซื้อโอสถจากหอร้อยโอสถแล้ว
แต่คนธรรมดา ล้วนไม่มาหาเรื่องที่นี่หรอก
ส่วนพวกผู้หญิงเหล่านี้ก็ไม่กล้าที่จะยั่วโมโหเย่ว์หลิง นางกระบิดกระบวนอยู่ไม่นาน จากนั้นก็ขอโทษเขาอย่างจริงใจ
“ขะ…ขอโทษเจ้าค่ะ”
เย่ว์หลิงพยักหน้า จากนั้นก็ส่งยิ้มน้อยๆ
“ข้าเชื่อว่าพวกเจ้าจะไม่ทำผิดเช่นนี้ในอนาคตอีก”
ผู้หญิงเหล่านั้นถอนหายใจพร้อมกัน
เขาไม่รอให้ผู้หญิงเหล่านั้นพูดอันใดต่อ แต่เย่ว์หลิงก็หันไปมองพนักงานที่อยู่ด้านข้าง ก่อนจะพูดว่า
“เหม่ออันใดอยู่เล่า ยังไม่รีบส่งคุณหนูเหล่านี้ออกไปอีก?”
พนักงานคนนั้นสะดุ้งโหยง แล้วรีบพูดขึ้นมาว่า
“ขอรับๆ”
จากนั้นเขาก็รีบเดินอ้อมตู้แสดงสินค้า และไปหยุดที่หน้าแม่นางเหล่านั้น พร้อมผายมือไปทางหน้าประตู
“คุณหนูทั้งหลาย เชิญขอรับ…”
“นี่…นี่มัน…ประมุขเย่ว์ ท่านหมายความว่าอย่างใด?” หนึ่งในแม่นางกลุ่มนั้นก็รีบถามขึ้นมาด้วยสีหน้าตื่นตระหนก “พวกเรายังไม่ได้ซื้อของเลยนะ!”
เย่ว์หลิงยังคงยิ้มอยู่เช่นเดิม
“ข้ารู้”
นี่เป็นการขับไล่นางให้ออกไปอย่างชัดเจน
พนักงานคนนั้นรีบเอ่ยเร่ง
“คุณหนูทั้งหลาย เชิญ…”
แม้ว่าผู้หญิงเหล่านี้จะรู้สึกโกรธและโมโหอย่างมาก แต่ก็ไม่กล้าก่อเรื่องที่หอร้อยโอสถ จึงทำได้เพียงจากไปอย่างเงียบๆ
“พวกเรากลับ!”
เมื่อมาถึงที่หน้าประตู ในที่สุดก็มีผู้หญิงหนึ่งคนในนั้นหันหลังกลับไปมอง แล้วพูดขึ้นอย่างขุ่นเคืองว่า
“คิดไม่ถึงว่าหอร้อยโอสถจะรับแขกเช่นนี้! ครั้งหน้าต่อให้เชิญพวกเรามา พวกเราก็ไม่มา!”
เย่ว์หลิงยิ้มบางๆ แล้วกล่าวว่า
“คุณหนูทั้งหลายไม่ต้องกังวลเรื่องนี้ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป หอร้อยโอสถของพวกเราจะไม่ทำการค้ากับพวกเจ้าอีกแล้ว”
เมื่อได้ยินดังนั้น ทุกคนก็ตกใจกันอย่างมาก
พวกผู้หญิงที่กำลังเดินออกจากหอร้อยโอสถมาต่างก็หยุดชะงัก แล้วค่อยๆ หันกลับไปมองเย่ว์หลิง
ผู้หญิงคนที่พูดคนนั้นก็ตกใจมากจนพูดขึ้นมาว่า “ประมุขเย่ว์ นี่ท่าน ท่านหมายความว่าอย่างใดหรือ?”
“ก็หมายความตรงตัว คุณหนูทั้งหลายสร้างความอัปยศในที่สาธารณะให้แขกกิตติมศักดิ์ระดับทองคำดำของร้านเรา ข้าจึงจำเป็นต้องให้เกียรติแขกของข้า หลังจากนี้หากพวกท่านมาตรงนี้ ก็ขอให้เดินอ้อมหน่อยนะขอรับ”
น้ำเสียงของเย่ว์หลิงฟังดูอบอุ่นอย่างมาก แต่คำพูดที่พ่นออกมาล้วนเย็นชาไร้ความปรานี
“อ่า ใช่แล้ว ตระกูลของพวกคุณหนูทั้งหลายก็เช่นกันนะขอรับ”
ห้องโถงชั้นหนึ่งก็พลันเงียบเสียงลงไปทันที
เย่ว์หลิงลงมือได้เหี้ยมโหดจริงๆ! คาดไม่ถึงว่าจะไม่ทำการค้ากับตระกูลของพวกนางด้วยเช่นกัน!
หลังจากที่พวกนางกลับไปแล้ว ก็ไม่รู้ว่าจะโดนลงโทษหนักขนาดไหน!
ต่อให้พวกนางพูดว่าร้ายฉู่หลิวเยว่จริง แต่ทำแบบนี้มันก็เกินไปหน่อยแล้ว…
แม้ว่าจะมีคนคิดเช่นนั้น แต่ก็ไม่มีใครโง่พูดออกมา
…ก็ใครมันจะไม่มีสมอง ขนาดที่กล้าล่วงเกินเย่ว์หลิงได้เล่า
เมื่อเห็นว่าท่าทางไม่ดีแล้ว พวกนางก็รีบอ้อนวอนอย่างรีบร้อน มีแม่นางอีกสองคนร้องไห้ออกมาด้วย
แต่เย่ว์หลิงคร้านจะใส่ใจ จึงหมุนตัวแล้วเดินออกมา
จากนั้นพนักงานสองสามคนก็รีบมาไล่แม่นางกลุ่มนั้นให้ออกไปจากหน้าร้าน
พวกนางยืนอยู่ที่หน้าร้านเป็นเวลานาน ทำให้ดึงดูดความสนใจจากคนรอบข้างไม่น้อย
แต่พวกนางเองก็ไม่กล้าพูดเหตุผลที่แท้จริงออกไป สุดท้ายก็ต้องจากไปด้วยความอับอาย
เย่ว์หลิงกวาดสายตามองคนที่อยู่ในห้องโถงชั้นหนึ่ง แล้วยิ้มขึ้นบางๆ
“ทำให้พวกท่านตกใจแล้ว อีกเดี๋ยวข้าจะมีของขวัญเล็กๆ น้อยๆ ให้พวกท่าน ได้โปรดยกโทษให้ข้าน้อยด้วย”
ทุกคนต้องตอบรับอย่างมีความสุข
เมื่อเย่ว์หลิงทำเช่นนั้น พวกเขาก็ต้องไว้หน้าอีกฝ่ายแน่นอน
หลังจากปลอบขวัญทุกคนเสร็จแล้ว เย่ว์หลิงก็เดินขึ้นไปที่ชั้นบน
เขาเดินขึ้นไปที่ชั้นสามคนเดียว
ชายวัยกลางคนคนหนึ่งก็รีบทักทายเขาขึ้นมา
“ท่านประมุข เหตุใดวันนี้ท่านถึงมาที่นี่ล่ะขอรับ?”
คนผู้นี้คือรองประมุขของหอร้อยโอสถนามว่า ชุยฟังอี้
เย่ว์หลิงเดินขึ้นมาที่ชั้นสาม แล้วเดินเข้าห้องของตนเอง ชายวัยกลางคนผู้นั้นก็เดินตามเข้ามาด้วย
หลังจากปิดประตูแล้ว เย่ว์หลิงก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก คาดไม่ถึงว่าใบหน้าของเขาจะเต็มไปด้วยความหวาดผวา
“โชคดีที่ไม่ได้มาสายเกินไป…”
ชุยฟังอี้รู้สึกงุนงง “ท่านพูดถึงอันใดหรือ?”
เย่ว์หลิงส่ายหน้า แล้วเดินไปนั่งที่เก้าอี้ ก่อนจะพูดว่า
“ด้านล่างเกิดเรื่องขึ้น เจ้าน่าจะรู้อยู่แล้ว จากนี้หากมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นอีก ก็ให้จัดการตามนี้”
ชุยฟังอี้ขมวดคิ้วแน่น
“ท่านหมายถึง…หากในอนาคตมีใครมาสร้างความอัปยศให้กับแขกกิตติมศักดิ์ ก็จะไม่ทำการค้ากับอีกฝ่ายหรือขอรับ? ก่อนหน้านี้ท่านไม่ได้สร้างกฎเช่นนี้มาก่อนนี่นา ท่านตั้งใจจะทำอันใดกันแน่ขอรับ? คนผู้นั้นพูดจาเกินไปจริง แต่ก็…ไม่น่าลงโทษถึงขั้นนี้!”
เย่ว์หลิงเงยหน้าขึ้นมามองเขา
“เจ้าคิดว่าวันนี้ที่ข้ารีบร้อนมาที่นี่เพื่ออันใดหรือ?”
ชุยฟังอี้ชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็เบิกตากว้างด้วยความตกใจ
“เป้าหมายท่านคงไม่ใช่ ฉู่…”
เย่ว์หลิงพยักหน้า
“วันนี้ข้าเองก็เพิ่งได้รับข่าวมา” เขาชี้นิ้วขึ้นไปด้านบน “ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป คุณหนูฉู่ท่านนี้ เกรงว่าจะเป็นแขกกิตติมศักดิ์สูงสุดของหอร้อยโอสถแล้ว”
ชุยฟังอี้สูดลมหายใจเย็นๆ
ฉู่หลิวเยว่คนนั้นมีฐานะอย่างใดกันแน่?
“เดิมทีข่าวนี้ข้าควรจะได้รับตั้งแต่หลายวันก่อน แต่เพราะเกิดเรื่องระหว่างทางทำให้ล่าช้า ดังนั้นจึงเพิ่งรู้”
เย่ว์หลิงยิ้มอย่างขมขื่นแล้วส่ายหน้าก่อนจะถอนหายใจ
“คิดไม่ถึงว่าจะมาล่าช้าหลายวันขนาดนี้ คุณหนูฉู่คนนั้นมาที่หอร้อยโอสถของพวกเราแล้ว แต่ว่าเช่นนี้ก็ดี ตอนนี้นางได้เป็นแขกกิตติมศักดิ์ระดับทองคำดำ ก็ถือว่าสมเหตุสมผลอย่างมาก”
แม้ว่าชุยฟังอี้จะรู้สึกตกใจอย่างมาก แต่ก็รีบตอบกลับ
“ขอรับ”
สำนวน เทพมังกรเห็นหัวไม่เห็นหาง คนที่ทำตัวลึกลับ มาๆ หายๆ