ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 536 มีบางอย่างไม่ถูกต้อง
ตอนที่ 536 มีบางอย่างไม่ถูกต้อง [รีไรท์]
เสียงทุ้มลึกอันทรงพลังแผ่กระจายไปทั่วจัตุรัสอย่างรวดเร็ว! และทะลุเข้ารูหูของผู้ชมทุกคนได้เต็มๆ!
ฉู่หลิวเยว่ยกยิ้มมุมปากอย่างพอใจ และไม่ได้จับผิดผู้อาวุโสชิวซีอีก
นางเงยหน้าขึ้นมองแผ่นหยกสีดำที่ลอยอยู่กลางอากาศ
บนแผ่นหยกนั่น มีนามของคนคนหนึ่งถูกสลักไว้!
นั่นก็คือ ฉู่หลิวเยว่!
“สำหรับวันนี้ การแข่งขันได้จบลงแล้ว ทุกท่านสามารถกลับไปพักผ่อนได้อย่างอิสระ และในเช้าวันถัดไป ทางสำนักฝึกวิชาที่มีชื่อเสียงของเมืองซีหลิงจะส่งคนมารอรับทุกท่าน ณ สวนซินหลี่ ซึ่งผู้ที่ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะเข้าร่วมสำนักใด ท่านสามารถกลับไปคิดแล้วค่อยตัดสินใจได้ ส่วนของรางวัลนั้น ทางเราจะทำการจัดงานรับมอบในวันพรุ่งนี้!”
ทุกคนต่างตกใจกับคำพูดของผู้อาวุโสตวนมู่ฉุน ใช่แล้ว! ยังมีเรื่องนี้อยู่อีกเรื่อง!
ก่อนเริ่มการแข่งขัน ว่ากันว่าผู้ที่เข้าร่วมการแข่งขันงานหมื่นทูรอย่างเป็นทางการ จะมีสิทธิ์เลือกสำนักวิชาที่ต้องการเข้าฝึกตนได้!
และเมื่อการแข่งขันจบลง เวลานั้นก็มาถึงแล้วจริงๆ!
ไม่นานทั่วทั้งจัตุรัสเกิดเสียงกึกก้อง ผู้คนจำนวนมากเริ่มคาดเดาว่าผู้เข้าแข่งขันเหล่านี้จะเลือกสำนักใด
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ที่มีอันดับดีที่สุดนั้น ย่อมตกเป็นที่หมายปองของสำนักวิชาต่างๆ
ผู้อาวุโสหลายคนทำการปิดค่ายกลเคลื่อนย้าย
ฉู่หลิวเยว่เหลือบมอง พลันเพ่งสายตาดูให้ดีๆ
เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่ได้สนใจการเปลี่ยนแปลงในอาณาเขตเซียนเทพของราชวงศ์เทียนลิ่งเลยแม้แต่น้อย
“เสี่ยวโจว พวกเราเองก็ไปกันเถอะ”
ฉู่หลิวเยว่เอ่ยขณะเดินลงจากค่ายกลเคลื่อนย้าย
เชียงหว่านโจวปฏิบัติตามอย่างเชื่อฟัง
และเมื่อทุกคนเห็นฉากนี้ พวกเขาก็ตกตะลึงในทันใด
นะ นี่มันอันใดกัน?
เหตุใดอันดับหนึ่งและอันดับสองถึงดูสนิทสนมกันเช่นนั้น?
ก่อนหน้านี้ ในตอนที่ฉู่หลิวเยว่พาเชียงหว่านโจวออกไปด้วย แทบไม่มีใครสนใจเรื่องความสัมพันธ์ของพวกเขาเลย แต่พอมาตอนนี้ ทุกคนกลับจดจ้องมาที่พวกเขาอย่างสนอกสนใจ ซึ่งน่าแปลกประหลาดยิ่งนัก
“สองคนนั้นไม่เคยรู้จักกันมาก่อนมิใช่หรือ เหตุใดจู่ๆ ถึงดูสนิทกันขึ้นมาเล่า? แถมเชียงหว่านโจวยังดูเชื่อฟังนางอีก?”
“ฮ่าๆ! เช่นนี้แล้ว หมายความว่าพวกเขาจะเลือกสำนักเดียวกันใช่หรือไม่?”
“แต่ก็ไม่รู้ว่าสำนักใดจะโชคดี คว้าตัวอัจฉริยะระดับสูงทั้งสองไปได้…”
“ไอ้หยา นี่พวกเจ้าดูไม่ออกหรือ เหมือนว่าตอนอยู่ในอาณาเขตเซียนเทพของราชวงศ์เทียนลิ่ง สองคนนั้นจะทะลวงขอบเขตนักรบได้ด้วยนะ!”
“น่าจะ…เป็นอย่างที่เจ้าว่าจริงๆ! ตอนนี้เชียงหว่านโจวอยู่ระดับหกแล้ว! ส่วนฉู่หลิวเยว่ก็ทะลวงผ่านระดับสี่เช่นกัน!”
“คนอื่นๆ ได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่สองคนนี้ไม่เพียงแต่ไม่ค่อยได้รับบาดเจ็บ แต่ยังทะลวงขอบเขตได้ด้วย น่าหมั่นไส้เหลือเกิน!”
…
ฉู่หลิวเยว่และเชียงหว่านโจวได้ยินบทสนทนารอบข้างอย่างชัดเจน แต่พวกเขาไม่ได้ใส่ใจ
ทว่าไม่นาน ฉู่หลิวเยว่กลับสัมผัสได้ถึงสายตาอันคุ้นเคยที่กำลังจ้องมองมา พลันเงยหน้าขึ้นมอง
เจี่ยนเฟิงฉือนี่เอง
ว่าแต่เขามาอยู่ที่นี่ได้อย่างใด?
หลังจากตอนที่เขาพานางไปส่งยังจวนมู่ ก็ดูเหมือนอีกฝ่ายจะหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
แต่ถึงเขาไม่บอก นางก็รู้ว่าเขาหายไปทำการอันใด
แต่การที่เขามาปรากฏตัวอยู่ที่นี่กะทันหันนั้น น่าแปลกเสียยิ่งกว่า
เจี่ยนเฟิงฉือใช้พัดในมือชี้ไปทางฉู่หลิวเยว่ พร้อมแย้มยิ้มอย่างภาคภูมิใจ
ฉู่หลิวเยว่คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วเดินไปหาเขา
“สวัสดี นายน้อยเจี่ยน”
ฉู่หลิวเยว่เอ่ยทำความเคารพอย่างสุภาพ
เจี่ยนเฟิงฉือหมุนข้อมือ พลันสะบัดพัดเบาๆ เพื่อเป็นการหยุดการเคลื่อนไหวของฉู่หลิวเยว่
“วันนี้คุณหนูฉู่ชนะการประลองงานหมื่นทูร และคว้าอันดับหนึ่งมาได้ทั้งที เดี๋ยวข้าผู้นี้ตกรางวัลให้เจ้าเอง”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น อวี่เหวินจิงหงที่ยืนอยู่ข้างหลังก็แอบมุ่ยปากเล็กน้อย
คุณหนูฉู่?
กลายเป็นคนสุภาพขึ้นมาเชียว เมื่อครู่ก่อนชายคนนี้ยังทำกริยา “ดิบเถื่อน” อยู่เลย!
แต่ตราบใดที่อยู่ต่อหน้าสตรี เจี่ยนเฟิงฉือก็จะกลายร่างเป็นลูกสุนัขแสนน่ารักเสมอ
ฉู่หลิวเยว่กะพริบตาปริบๆ
“นายน้อยเจี่ยนหมายความเช่นไรหรือ?”
ริมฝีปากของเจี่ยนเฟิงฉือเบะออกจนเกิดเป็นรอยยิ้มชั่วร้าย
“เมืองซีหลิงเปิดให้คนลงเดิมพันสำหรับงานหมื่นทูร และข้าก็แทงว่าเจ้าต้องได้ที่หนึ่ง”
ฉู่หลิวเยว่เข้าใจทันที
ไม่แปลกเลยที่วันนี้เจี่ยนเฟิงฉือจะอารมณ์ดีจนกู่ไม่กลับ แถมยังลงทุนเดินทางมาที่นี่ด้วยตัวเองอีก
นั่นเป็นเพราะนางช่วยให้เขาชนะเงินพนันก้อนโต
ฉู่หลิวเยว่หัวเราะร่าจนคิ้วเรียวโค้งลง
“นายน้อยเจี่ยนช่างมีน้ำใจนัก ทั้งยังมาที่นี่เพื่อให้กำลังใจข้าอีก แต่ข้าไม่สนใจเงินจำนวนมากขนาดนั้นหรอก และเมื่อก่อนท่านเองก็เคยช่วยข้าไว้หลายเรื่อง ดังนั้น…ข้าจะเอาเพียงแค่สิบเปอร์เซ็นต์ของเงินพนันทั้งหมดก็แล้วกัน หรือถ้ามากเกินไป ท่านจะเจียดแค่ส่วนที่ไม่ต้องการ แล้วค่อยแบ่งให้ข้าก็ได้นะ”
รอยยิ้มร้ายกาจบนใบหน้าของเจี่ยนเฟิงฉือ พลันชะงักค้างในพริบตา
“อะ อันใดนะ?”
ฉู่หลิวเยว่แสร้งถามต่อตาใส
“ไม่ใช่ว่านายน้อยเจี่ยนมาที่นี่และบอกเรื่องนี้กับข้า เพื่อแบ่งเงินพนันหรอกหรือ?”
เจี่ยนเฟิงฉือแทบจะกัดลิ้นตัวเองให้สิ้นใจไปเสีย!
เจ้าเด็กนี่!
นางจงใจดักทางเขาชัดๆ!
แบบนี้มันไม่ต่างกับการมัดมือชกเขาต่อหน้าสาธารณชนเลย!
“ความจริงแล้วข้าก็แค่…”
เจี่ยนเฟิงฉือเอ่ยปากออกไปได้เพียงนิดเดียว ก็จำต้องเงียบเสียงลงทันควัน
เพราะตอนนี้คนทั่วทั้งจัตุรัสกำลังจ้องมองเขาตาเขม็ง!
ถึงเขาจะชอบเงินมากแค่ไหน แต่เขาก็ยังอยากมีหน้ามีตาอยู่ในสังคมต่อไปนะ!
สายตานับไม่ถ้วนรวมตัวกันมองเขาอย่างกดดัน เสมือนถูกภูเขาลูกเล็กๆ กดทับกายนี้จนบี้แบน
ฉู่หลิวเยว่ที่อยู่ตรงข้ามหัวเราะเยาะเขาเบาๆ
“นายน้อยเจี่ยนเจ้าคะ ด้วยสถานะของท่านแล้ว ท่านคงไม่ได้วางแผนจะขอบคุณข้ามือเปล่า ใช่หรือไม่?”
เจี่ยนเฟิงฉือเจ็บใจจนแทบกระอักเลือด
พลันกดฟันระงับอารมณ์ขุ่นมัวนั่นไว้
“จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างใด? หากไม่ได้เจ้า ข้าก็คงไม่ชนะ…ฉะนั้นแบ่งเงินให้เจ้าน่ะ ถูกต้องแล้ว!”
ฉู่หลิวเยว่ยิ้มหวานให้อีกฝ่าย
“เช่นนั้นหลิวเยว่ผู้นี้ก็ขอรับไว้อย่างเต็มใจ ขอบคุณนายน้อยจากใจจริงเลยเจ้าค่ะ”
เจี่ยนเฟิงฉือกัดฟันกรอดพลางเค้นเสียงเอ่ย
“มิเป็นไร! ขอบคุณเช่นกัน!”
รู้อย่างนี้เขาไม่น่ามาที่นี่เลย!
เขามีความสุขมากในช่วงเวลานี้ เขาลืมไปเสียจริงว่าผู้หญิงคนนี้เป็นตัวละครที่โหดเหี้ยมขนาดไหน!
เขามัวแต่มีความสุข จนเผลอลืมไปว่า นางตัวดีนี่เป็นสิ่งมีชีวิตที่โหดเหี้ยมมากเพียงใด!
อวี่เหวินจิงหงที่อยู่ข้างๆ เขาตกตะลึง
และจากความตกใจในตอนแรก ก็แปรเปลี่ยนเป็นความชื่นชมจากก้นบึ้งของหัวใจ และถ้าไม่ใช่เพราะเจี่ยนเฟิงฉือปล่อยจิตสังหารออกมาอย่างต่อเนื่อง เขาคงจะยกนิ้วให้ฉู่หลิวเยว่ไปแล้ว!
สุดยอดจริงๆ!
เจี่ยนเฟิงฉือ จอมเผด็จการแห่งซีหลิง ผู้ที่เย่อหยิ่งจองหอง และเคยแต่เป็นฝ่ายรังแกผู้อื่นมาโดยตลอด แต่ตอนนี้กลับถูกผู้อื่นข่มเหงเสียเอง!?
ฉู่หลิวเยว่ชิงเงินจำนวนมากไปจากเขาได้!
ช่างน่าเหลือเชื่อยิ่งนัก!
และดูเหมือนว่าตอนนี้เขาจะเริ่มเข้าใจแล้วว่าเพราะอันใด ฉู่หลิวเยว่ถึงคว้าอันดับหนึ่งในงานหมื่นทูรมาได้
เพราะนางมีไหวพริบอย่างใดเล่า!
ฉู่หลิวเยว่เหลือบมองอวี่เหวินจิงหงเล็กน้อย
อืม ก็ยังดูเขลาเช่นเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
ท่าทีที่ดูเหมือนกำลังคารวะนางเช่นนี้ ช่างดูคุ้นเคยเสียจริงเชียว…
โอ้ ใช่แล้ว ย้อนกลับไปสมัยก่อน เวลาที่นางรับฝีปากกับเจี่ยนเฟิงฉือ อวี่เหวินจิงหงก็มักจะมองนางด้วยสายตาเช่นนี้เสมอ
ไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าเหตุใดจิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์อย่างอวี่เหวินเว่ย ถึงได้ให้กำเนิดบุตรชายเช่นนี้ออกมาได้
และเมื่อตระหนักว่า ฉู่หลิวเยว่กำลังมองมาที่เขา อวี่เหวินจิงหงก็รู้สึกประหม่าเล็กน้อย และเริ่มแนะนำตัวเองอย่างรวดเร็ว
“สวัสดีคุณหนูฉู่! ข้าชื่อ อวี่เหวินจิงหง!”
ฉู่หลิวเยว่ยิ้มบางอย่างนอบน้อม
“สวัสดี คุณชายอวี่เหวิน”
เมื่ออวี่เหวินจิงหงเห็นว่านางกำลังจะทำความเคารพ ก็รีบหยุดนางอย่างรวดเร็ว
“ไม่ต้องๆ!”
ขนาดเจี่ยนเฟิงฉือยังไม่ถือตัวกับนางเลย เขายิ่งไม่กล้าโอ้อวดเข้าไปใหญ่
ฉู่หลิวเยว่เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ดื้อดึงทำความเคารพต่อแต่อย่างใด
อวี่เหวินจิงหงยิ้มกว้างจนเห็นฟันขาวๆ ซี่ใหญ่
“คุณหนูฉู่ ข้าชื่นชมเจ้ามากจริงๆ!”
ขณะพูด เขาก็เขยิบเข้าไปใกล้นางและลดเสียงลง
“ความจริงแล้ว หากข้าไม่ชิงถามตอนนี้ เจ้าเด็กนั่นก็จะซ่อนเจ้าไว้ไม่ให้ข้ารู้! คุณหนูฉู่ ข้ารู้จักเขามาตั้งแต่ยังเยาว์วัย แต่นี่เป็นครั้งแรกเลย ที่ข้าเห็นเขาหมกมุ่นอยู่กับผู้หญิงคนหนึ่งเช่นนี้!”
ฉู่หลิวเยว่เลิกคิ้วขึ้นช้าๆ
หืม?
เหมือนจะมีอันใดบางอย่างไม่ถูกต้องหรือเปล่านะ?