ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 545 ต้องเลือก
ตอนที่ 545 ต้องเลือก [รีไรท์]
ประโยคที่ดูคลุมเครือของฉู่หลิวเยว่ทำเอาซั่งกวนหว่านที่เพิ่งใจเย็นลง ตื่นตระหนกขึ้นมาอีกครั้ง
แต่เพราะอยู่ต่อหน้าผู้คนมากมาย นางจึงต้องพยายามนิ่งไว้
และสำหรับคนอื่น คำพูดนั้นก็ไม่ได้ฟังดูแปลกแต่อย่างใด
ซั่งกวนหว่านไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากพยายามกล้ำกลืนฝืนทนและแย้มยิ้มอย่างสุดกำลัง แต่ใบหน้าของนางกลับเริ่มซีดเซียว
เจียงอวี่เฉิงรู้ตัวทันทีว่าหากเขาไม่พูดอันใดออกไป เรื่องนี้คงจะโดนยกเอามาพูดซ้ำๆ แน่นอน ดังนั้นเขาจึงเปลี่ยนเรื่องทันที
“ข้าเชื่อว่าทุกท่านคงจะเข้าใจจุดประสงค์ที่แท้จริง ที่เราเชิญท่านมาที่นี่แล้ว ฉู่หลิวเยว่ เจ้ามาจากนอกเขตแดนม่านฟ้า ซึ่งตามกฎแล้ว เจ้าสามารถเลือกเข้าร่วมกับสำนักใดก็ได้ แล้วเจ้าตัดสินใจหรือยัง?”
อวี้ฉือซงและคนอื่นๆ ล้วนหันมามองนาง
และผู้คนที่รออยู่อีกฝั่งต่างก็อยากรู้อยากเห็นมากขึ้น
ฉู่หลิวเยว่จะเลือกสำนักใดกันนะ?
นางเป็นคนที่ได้คะแนนดีที่สุด ย่อมไม่สาธยายว่าความสามารถหรือความแข็งแกร่งของนางนั้นดีเลิศเพียงใด
“นางจะเลือกสำนักใดก็ได้ใช่หรือไม่? แล้วใครบ้างล่ะ จะไม่ต้องการอัจฉริยะเช่นนาง?”
“ข้าว่าอาจจะมี เพราะเมื่อครู่ตอนที่นางช่วยศิษย์จากชงซูเก๋อ มันชัดเจนแล้วมิใช่หรือว่านางต่อต้านพันธมิตรเก้าดารา? และเจ้าลองดูสายตาที่เจ้าสำนักพันธมิตรเก้าดาราใช้มองฉู่หลิวเยว่สิ ดูไม่เป็นมิตรสมชื่อเท่าไรเลย…”
“พวกเจ้าไม่รู้หรือ? ก่อนหน้านี้ฉู่หลิวเยว่เคยสร้างแผลใจให้คนของหลิงอวิ๋นจือด้วยนะ! ผู้อาวุโสชิวซีเกลียดนางมากและนางจะไม่ไปที่หลิงอวิ๋นจงแน่นอน”
“และเหมือนว่าตอนที่อยู่ในอาณาเขตเซียนเทพของราชวงศ์เทียนลิ่ง นางได้สู้กับคนจากสำนักกระบี่เมฆาม่วง กับสำนักเสวียนเฟิ่งด้วยนะ…”
ทุกคนพูดคุยพลางหันมองหน้ากันอย่างพร้อมเพรียง
เหตุใดฉู่หลิวเยว่จึงทำให้คนจำนวนมากขุ่นเคืองได้กัน?
ภายในเวลาไม่กี่วัน แต่นางกลับสามารถสร้างศัตรูได้มากมายเพียงนี้เชียว?
“เช่นนั้น จากสี่สำนักใหญ่ ก็เหลือเพียงสำนักภูเขาเขี้ยวมังกร…ใช่แล้ว เจี่ยนเฟิงฉือชอบนางมิใช่หรือ? นางอาจเลือกสำนักภูเขาเขี้ยวมังกรก็ได้?”
…
ฉู่หลิวเยว่ไม่สนใจว่าคนเหล่านั้นจะพูดอันใด แต่ในไม่ช้า นางก็สัมผัสได้ถึงสายตาจริงจังที่ทอดมองมา
ร่างบางเงยหน้าขึ้นทันควัน
ก่อนจะเห็นเจี่ยนชูเย่ เจ้าสำนักภูเขาเขี้นวมังกรที่กำลังมองนางด้วยสายตาเป็นประกาย
แววตาของเขาเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น ตื่นเต้น สนุกสนาน โล่งใจ และดูใจดี…
มุมปากของฉู่หลิวเยว่กระตุกเบาๆ
เหตุใดนางถึงรู้สึกว่าสายตาที่เจี่ยนชูเย่ใช้มองนางนั้น เหมือนกำลังมองดูลูกสะใภ้ตัวน้อยอยู่เลยเล่า?
หรือเขากำลังเข้าใจอันใดผิด?!
เจี่ยนชูเย่ถือได้ว่าเป็นบุคคลที่สง่างามและหล่อเหลาที่สุดในบรรดาชายร่างใหญ่เหล่านี้
ซึ่งใบหน้าหล่อเหลาของเจี่ยนเฟิงฉือที่มีไว้ใช้โปรยเสน่ห์หลอกล่อสาวๆ นั่น ก็มาจากผู้เป็นพ่ออย่าง เจี่ยนชูเย่ ผู้นี้นี่แหละ!
สองพ่อลูกมีแววตาที่สามารถแช่แข็งที่คนมองได้เหมือนกัน อีกทั้งยังมีใบหน้าที่คมคายถอดแบบกันมาอีกด้วย
แต่ต่างกันตรงที่เจี่ยนเฟิงฉือชอบหว่านเสน่ห์ไปทั่ว แต่เจี่ยนชูเย่นั้นคือชายผู้ได้ชื่อว่าเป็นนักรักแห่งซีหลิง
สมัยนั้นเขายืนกรานที่จะแต่งงานกับผู้หญิงที่มีอัตลักษณ์ธรรมดาที่สุด โดยไม่คำนึงถึงเสียงคัดค้านใดๆ
และแม้ว่าคนนอกจะมองพวกเขาไม่ดี แต่ความสัมพันธ์ของสองสามีและภรรยานั้นดีมาก และพวกเขาก็รักกันมานานหลายสิบปี
จนถึงทุกวันนี้ เขาก็ยังไม่ยินยอมรับนางสนมใดแม้แต่คนเดียว
และนี่เป็นหนึ่งในเหตุผลที่ว่า เพราะอันใดเจี่ยนเฟิงฉือถึงหยิ่งผยองและทะนงตนนัก
เนื่องจากทั่วทั้งภูเขาเขี้ยวมังกรนี้ มีเพียงนายน้อยท่านนี้เพียงผู้เดียว เช่นนั้นแล้วจะไม่ให้เขาเชิดหน้าชูคอได้อย่างใด?
เจี่ยนชูเย่กวาดตามองฉู่หลิวเยว่ขึ้นๆ ลงๆ อย่างละเอียด และยิ่งมองมากเท่าไร เขาก็ยิ่งพอใจมากขึ้นเท่านั้น พลันตบโต๊ะและตะโกนว่า “ลูกชายข้ามันเชื้อไม่ทิ้งแถวจริงๆ ช่างสายตาหลักแหลมยิ่งนัก!”
ทั้งรูปลักษณ์ การวางตัวและความสามารถ…
ล้วนถูกใจเขาเสียจริง!
เขาและภรรยาอยู่กินร่วมกันมาทั้งชีวิต และพวกเขาก็ได้ให้กำเนิดลูกชายที่แสนช่ำชองในเรื่องความรักออกมา
ทว่าด้วยเหตุนี้ ทั้งเขาและภรรยาจึงปวดหัวหนักมาก และหลายครั้งที่พวกเขารู้สึกว่าลูกชายคนนี้เหลวไหลเกินไป
จะมีลูกชายที่ดีจากตระกูลใดบ้าง ที่วันๆ เอาแต่หมกตัวอยู่กับสาวๆ สวยๆ ในหอชุนเฟิงเช่นนี้?
และพอเป็นเช่นนั้นเขาจึงพร่ำสั่งสอนเจี่ยนเฟิงฉือซ้ำๆ แต่มันก็เปล่าประโยชน์
ทว่าเมื่อเร็วๆ เขากลับได้ยินข่าวลือในเมืองซีหลิงว่า เจี่ยนเฟิงฉือใช้เงินจำนวนมากเพื่อสตรีนางหนึ่ง ตอนแรกเขาคิดว่า เจี่ยนเฟิงฉือคงแค่เล่นๆ ตามเคย แต่เมื่อถามถึงจำนวนเงินเดิมพันของเจี่ยนเฟิงฉือ เขาถึงได้รู้ว่าลูกชายตัวเองจริงจังแค่ไหน
และต่อมาเขาก็ได้ยินว่า ในวันที่งานหมื่นทูรสิ้นสุดลง เจี่ยนเฟิงฉือก็ได้เดินทางไปที่จัตุรัสเสวียนจี เพื่อแสดงความยินดีกับฉู่หลิวเยว่ด้วยตนเอง
นี่เป็นหลักฐานยืนยันชั้นดีเลยทีเดียว!
ดังนั้นวันนี้เขาจึงเดินทางมาที่นี่ ทว่าไม่ใช่เพื่อเลือกตัวผู้เข้าร่วม หากแต่เพื่อดูว่าฉู่หลิวเยว่ที่ว่านั้นเป็นผู้หญิงแบบไหน!
และพอได้มาเห็นแบบนี้ เขาก็ชื่นใจแล้ว!
แม้ว่าฉู่หลิวเยว่ผู้นี้จะเป็นคนธรรมดา แต่เขาก็สัมสัมได้ว่านางมีจุดที่น่าสนใจอยู่?
ยิ่งไปกว่านั้น ฉู่หลิวเยว่เองก็มีเสน่ห์ทางกายภาพมากเช่นกัน บรรดาผู้ที่ไม่รู้จักบางคน อาจคิดว่านางเป็นลูกสาวผู้สูงศักดิ์ที่ได้รับการเลี้ยงดูมาอย่างดีจากตระกูลขุนนางในเมืองซีหลิงด้วยซ้ำ
ในที่สุดลูกชายของข้าก็เจอคนที่ใช่สักที!
ฉู่หลิวเยว่ใจสั่นรัวเมื่อเห็นแววตาที่อบอุ่นเป็นพิเศษของเจี่ยนชูเย่
หากตัดสินใจไปภูเขาเขี้ยวมังกร…และพบกับแววตาเช่นนี้ทุกวัน…
แค่นึกภาพตามนางก็รู้สึกแย่แล้ว
สุดท้ายฉู่หลิวเยว่จึงตัดสินใจว่า
“ข้าเลือกชงซูเก๋อ!”
เสียงประโยคนั้น เสียงซุบซิบที่ดังก้องทั่วลานกว้างก็หายไปในทันที
บริเวณโดยรอบทั้งหมดเงียบสนิท ราวกับถูกหยุดเวลาไว้
อวี้ฉือซงตาโตทันควัน
เพราะมันเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน เขาจึงแทบไม่มีเวลาจะตกใจด้วยซ้ำ ไหนจะความสงสัยและงุนงงที่ผุดมาในหัวไม่หยุดหย่อน
เมื่อครู่นี้ฉู่หลิวเยว่กล่าวว่า…นางเลือกชงซูเก๋ออย่างนั้นหรือ?
“จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างใด!?”
เจี่ยนชูเย่ฝ่ายค้านคนแรกลุกพรวดขึ้นทันที
“ข้าขอคัดค้าน!”
เหตุใดลูกสะใภ้ของเขาถึงเลือกสำนักอื่นเล่า?
“หลิวเยว่เอ๋ย เจ้ามาอยู่ที่เขาเขี้ยวมังกรของเราเถอะ!”
ดวงตาของฉู่หลิวเยว่มืดมนลงในพริบตา
นี่เจี่ยนชูเย่กำลัง…เปิดศึกชิงนางต่อหน้าคนทั้งลานหรือไร?
อีกทั้งยังเรียกชื่อจริงของนางออกมาโต้งๆ เช่นนั้นอีก ไม่ว่านางกับเขาเพิ่งเคยเจอกันครั้งแรกหรอกหรือ?
และเจี่ยนชูเย่เองก็เป็นถึงคนดังมีหน้ามีตาของเมืองซีหลิง พูดจาแบบนี้มันจะเหมาะสมอย่างนั้นหรือ…
อวี้ฉือซงเอ่ยแทรกทันที
“คิดจะทำอันใดของเจ้า เจี่ยนชูเย่?”
เจี่ยนชูเย่กำหมัดด้วยมือทั้งสองและโค้งคำนับอวี้ฉือซง
“ขออภัยซงเหล่า ข้าไม่มีเจตนาคุกคามท่านแต่อย่างใด แต่เพราะลูกชายของข้า…ด้วยความสัจจริงข้าคิดว่าฉู่หลิวเยว่นั้นถูกตาต้องใจข้าอย่างมาก ฉะนั้นแล้ว ก็โปรดมอบนางให้สำนักภูเขาเขี้ยวมังกรของข้าเถอะ? และไม่ต้องห่วง ข้าจะไม่ถกเถียงปัญหากับท่านเหมือนคนสำนักอื่นแน่นอน!”
หลายคนแอบมุ่ยอย่างลับๆ
สิ่งที่เขาต้องการคว้าตอนนี้คือสิ่งที่ดีที่สุด และส่วนที่เหลือก็ไม่ดีเท่าฉู่หลิวเยว่ ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องคว้ามัน!
อวี้ฉือซงลูบเคราะของตนไปมา
“เรื่องนี้ต้องให้นางเป็นคนตัดสินใจเอง”
เขาพูดพลางหันไปมองฉู่หลิวเยว่
“หลิวเยว่ ถ้าเจ้าต้องการมาอยู่ที่ชงซูเก๋อของข้า ชายชราผู้นี้ก็จะมีความสุขและยินดีต้อนรับเจ้า ทว่าเจี่ยนชูเย่เองก็ต้องการเชิญเจ้าไปที่ภูเขาเขี้ยวมังกร และในเมื่อเขาเอ่ยพูดเช่นนั้น ข้าจะไม่บังคับให้เขาหยุด แต่เจ้าต้องเป็นคนตัดสินใจด้วยตัวเอง ว่าจะเลือกทางใด”
ภูเขาเขี้ยวมังกรและชงซูเก๋อนั้นมีความสัมพันธ์อันดีงามมาตลอด และเขาเห็นว่าเจี่ยนชูเย่ต้องการให้ฉู่หลิวเยว่ไปที่ภูเขาเขี้ยวมังกรของพวกเขาจริงๆ
ไม่เช่นนั้น อีกฝ่ายคงไม่เอ่ยปากขอด้วยตัวเองเช่นนี้
แต่ถ้าพูดตามความรู้สึกของเขา แน่นอนว่าเขาต้องการให้ฉู่หลิวเยว่มาเข้าร่วมกับชงซูเก๋อเต็มแก่
หลังจากเหตุการณ์ล่าสุด ชงซูเก๋อก็แทบถูกตัดขาดจากโลกภายนอก จึงจำต้องค้นหาและพัฒนาศิษย์ที่โดดเด่นออกมาโดยด่วน เพื่อที่จะดำเนินการกู้ชื่อเสียงของสำนักคืนมา
ซึ่งในทางกลับกัน สถานะและทรัพยากรของภูเขาเขี้ยวมังกรนั้นดีกว่ามาก และเป็นทางเลือกที่ดีกว่าสำหรับฉู่หลิวเยว่
พลันฉู่หลิวเยว่กลับคุกเข่าลง และพูดอย่างหนักแน่นว่า
“ขอบคุณสำหรับความหวังดีของท่านเจ้าสำนักมาก แต่หลิวเยว่ได้ตัดสินใจแล้ว”