ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 548 กล่าวโทษ
ตอนที่ 548 กล่าวโทษ [รีไรท์]
ฉู่หลิวเยว่สบสายตาอีกฝ่าย และยิ้มอย่างนุ่มนวล
“อืม หวังว่าคราวนี้ เจ้าจะได้ชมอย่างมีความสุขนะ”
ร้อยยิ้มอวดดีบนใบหน้าของหยางเซิ่นเอ๋อร์ชะงักไปทันที
เหตุใดฉู่หลิวเยว่ถึงยังนิ่งนอนใจได้อีก?
นางลดเสียงลง แล้วพูดว่า
“ถึงเจ้าจะทำทีจองหอง แต่มาดูกัน ว่าเจ้าจะทนได้นานแค่ไหน!”
นางแทบไม่อยากจะเชื่อว่า กระทั่งเจอเหตุการณ์เช่นนี้ ฉู่หลิวเยว่ก็ยังคงสงบนิ่งได้อีก!
ฉู่หลิวเยว่เลิกคิ้ว
“เช่นนั้นเจ้าก็คอยดูแล้วกัน”
เมื่อพูดจบ นางก็หมุนตัวเดินตามสองคนก่อนหน้าไปอย่างรวดเร็ว
“หลิวเยว่”
ทว่าอวี้ฉือซงกลับเอ่ยเรียกนางด้วยความกังวล
หยางเซิ่นเอ๋อร์ไม่ใช่คนดี และดูเหมือนว่านางจะมาเพื่อหาเรื่องฉู่หลิวเยว่โดยเฉพาะ
เรื่องที่เกิดขึ้นเกี่ยวข้องกับอาณาเขตเซียนเทพของราชวงศ์เทียนลิ่ง…และความจริงแล้วมันเกิดอันใดขึ้นในนั้นกันแน่?
ฉู่หลิวเยว่ตอบกลับอย่างปลอบประโลม
“ท่านวางใจเถิด ข้ากับเสี่ยวโจวจะไม่เป็นอันใด”
เมื่อเห็นสีหน้าอันแน่วแน่และสงบของแม่นางที่อยู่ตรงหน้าเขา หัวใจของอวี้ฉือซงก็สงบลงเช่นกัน
“อย่างใดก็ระวังตัวด้วย ข้าจะรอพวกเจ้าอยู่ตรงนี้”
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้าและจากไปพร้อมกับเชียงหว่านโจว
และเมื่อหยางเซิ่นเอ๋อร์เห็นภาพนี้ นางก็เริ่มสองจิตสองใจขึ้นมา
หรือฉู่หลิวเยว่จะเตรียมหาทางหนีทีไล่มาแล้ว?
“มัวยืนทำอันใดของเจ้า?”
หนิงเจียวเจียวเดินเข้ามา ก่อนจะสังเกตเห็นความผิดปกติบนใบหน้าของหยางเซิ่นเอ๋อร์ พลันเอ่ยปากถาม
ไม่ใช่ว่าก่อนหน้านี้พวกเขาตกลงกันไว้แล้วหรอกหรือ?
หยางเซิ่นเอ๋อร์เหลือบมองหนิงเจียวเจียวแวบหนึ่ง และรู้สึกสบายใจขึ้นมาเล็กน้อย
“ไม่มีอันใด ไปกันเถอะ”
…
ภายในห้องอันเงียบสงบ กลิ่นของไม้จันทน์หอมลอยอบอวลไปในอากาศ
มันเป็นไม้จันทน์หอมชนิดหนึ่งที่ซั่งกวนหว่านชอบมากๆ เพราะมันสามารถช่วยทำให้จิตใจของนางสงบลงได้
ทุกครั้งที่นางรู้สึกกระสับกระส่าย หรือยามที่นอนไม่หลับในตอนกลางคืน เพียงแค่จุดไม้จันทน์นี้เล็กน้อย จิตใจของนางก็จะผ่อนคลาย และสงบลงจนแทบไม่เหลือความกังวลในใจ
แต่วันนี้ดูเหมือนว่ากลิ่นหอมนั้นจะไร้ประโยชน์
เพราะแม้ว่ากลิ่นหอมจะลอยเข้าไปในโพรงจมูกของนาง ทว่าความไม่สบายใจและความรู้สึกหดหู่ของนางกลับก็ไม่สงบลงเลย
ในทางกลับกัน มันยิ่งรุนแรงกว่าครั้งที่ผ่านมาเป็นไหนๆ
นางกับเจียงอวี่เฉิงนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวสูง ส่วนฉู่หลิวเยว่และคนอื่นๆ ยืนอยู่ข้างหน้าพวกเขาไม่ไกลนัก
ซั่งกวนหว่านมองไปที่หยางเซิ่นเอ๋อร์ด้วยท่าทางที่สง่างาม
“ตอนนี้เจ้าสามารถพูดได้แล้ว”
หยางเซิ่นเอ๋อร์สูดหายใจเข้าลึกๆ ราวกับใช้ความพยายามอย่างมากในการตัดสินใจพูด
“องค์หญิงสามเพคะ ข้าผู้เป็นตัวแทนขอรายงานว่า ขณะที่อยู่ในอาณาเขตเซียนเทพของราชวงศ์เทียนลิ่ง ฉู่หลิวเยว่ได้ใช้วิธีการที่น่ารังเกียจแตะต้องกระบี่หลงหยวนลงเพคะ!”
สิ้นประโยค ซั่งกวนหว่านก็ผุดลุกขึ้นด้วยความตกใจและโกรธา
“เจ้าว่าเช่นไรนะ!?”
เจียงอวี่เฉิงเองก็ประหลาดใจเช่นกัน และนานกว่าเขาจะดึงสติตัวเองกลับมาได้
กระบี่หลงหยวน…
เจ้าหมายถึงกระบี่หลงหยวนอย่างนั้นหรือ!?
มันคืออาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่จักรพรรดิไท่จู่แห่งราชวงศ์เทียนลิ่งในยุคนั้น หล่อหลอมขึ้นเองกับมือเลยมิใช่หรือ?
หยางเซิ่นเอ๋อร์คุกเข่าลงอย่างแรงจนได้ยินเสียง “ตุบ” ดังชัดเจน
“องค์หญิงสามเพคะ! ฉู่หลิวเยว่นั้นมีภูมิหลังที่ต่ำต้อย แต่นางกลับกล้าที่จะหยิบกระบี่หลงหยวน อันเป็นสมบัติของราชวงศ์เทียนลิ่ง! พฤติกรรมเช่นนี้ควรได้รับการลงโทษ! สิ่งที่ข้านั้นพูดเป็นความจริง! ไม่มีการใส่สีตีไข่แต่อย่างใด! ได้โปรด องค์หญิงสามโปรดทราบ!”
ประโยคที่เอ่ยออกมาง่ายดายเช่นนี้ เปรียบเสมือนสายฟ้า! ที่ฟาดลงมากลางใจของคนฟังดังเปรี้ยง!
ซั่งกวนหว่านขมวดคิ้วแน่น
แม้ว่าหยางเซิ่นเอ๋อร์จะบ้าดีเดือดอย่างใด แต่นางก็กล้าเอาเรื่องกระบี่หลงหยวนมาล้อเล่นแน่ๆ!
นางหันมองฉู่หลิวเยว่ทันควัน
“ฉู่หลิวเยว่ ที่หยางเซิ่นเอ๋อร์พูดมานั่นจริงหรือไม่?”
ฉู่หลิวเยว่ยังคงสงบนิ่ง พลางเอ่ยเสียงเรียบ
“องค์หญิงสามเพคะ ข้าไม่เข้าใจที่หยางเซิ่นเอ๋อร์พูดมาเลยสักนิด”
หยางเซิ่นเอ๋อร์เหยียดยิ้ม
“ไม่รู้หรือ? ช่างกล้าพูดนะฉู่หลิวเยว่ ตอนอยู่ในอาณาเขตเซียนเทพของราชวงศ์เทียนลิ่ง เป็นเจ้ามิใช่หรือที่รีบทะลวงความว่างเปล่าออกไป เพื่อรีบไปเอากระบี่หลงหยวนน่ะ!?”
ในเวลานั้นเกิดแสงสว่างพรั่งพราวไปทั่ว ทำให้นางมองเห็นเพียงร่างที่คลุมเครืออยู่ข้างใน แต่ไม่สามารถระบุได้ว่าใครเป็นใคร
กระทั่งหลังจากที่นางถูกกำจัดออกไปแล้ว นางก็ได้ยินว่าฉู่หลิวเยว่ออกมาคนสุดท้าย และได้อันดับหนึ่งไปครอง นางจึงเข้าใจว่าคนที่พุ่งตัวออกไปในตอนนั้น ต้องเป็นฉู่หลิวเยว่แน่ๆ!
เพราะนอกจากพวกเขาแล้ว มีเพียงฉู่หลิวเยว่คนเดียวที่กระโจนออกจากความว่างเปล่าแล้วพุ่งเข้าไปในทะเลเพลิงสีทองนั่น!
ด้วยเหตุนี้ ทำให้นางสามารถวิเคราะห์เหตุการณ์ที่ตามมาได้อย่างสมเหตุสมผล!
และแน่นอนว่าฉู่หลิวเยว่จะต้องใช้วิธีบางอย่าง เพื่อทำให้กระบี่หลงหยวนสวามิภักดิ์ต่อนางอย่างมิต้องสงสัย!
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกประหลาดใจ
“นั่นเจ้าต้องการจะพูดอันใดกันแน่?”
“เจ้าไม่ยอมรับก็ไม่เป็นไร แต่หลักฐานอยู่นี่แล้ว!”
หยางเซิ่นเอ๋อร์มองไปที่โฉวติ่งและหนิงเจียวเจียว
“ในตอนนั้น ขณะที่ติดอยู่ในอาณาเขตเซียนเทพของราชวงศ์เทียนลิ่ง ฉู่หลิวเยว่ได้ตกลงไปในความว่างเปล่า และหายตัวไป เราทุกคนคิดว่านางถูกกำจัดไปแล้ว นอกจากนี้ มีเพียงเราสี่คนที่อยู่ใกล้กับกระบี่หลงหยวน โฉวติ่ง ยามที่กระบี่หลงหยวนฟื้นคืนชีพ เจ้าเองก็อยู่ด้วย ใช่หรือไม่?”
โฉวติ่งพยักหน้าและพูดอย่างเคร่งขรึม
“ใช่แล้ว ตอนนั้นกระบี่หลงหยวนกำลังตื่นขึ้นมาจริงๆ แต่เมื่อแรงกดดันรอบๆ ตัวมันรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ข้าก็ทนไม่ไหว แล้วถอยออกมา ทว่าหลังจากนั้นเกิดอันใดขึ้น ข้าเองก็ไม่รู้”
ซั่งกวนหว่านและเจียงอวี่เฉิงต่างตกตะลึงอย่างมาก
กระบี่หลงยวนตื่นขึ้นมาแล้วหรือ?
กระบี่หลงหยวนที่หลับใหลมานานนับพันปีได้ตื่นขึ้นอีกครั้ง!
แต่พวกเขากลับไม่รู้อันใดเลย!
หากหยางเซิ่นเอ๋อร์ไม่พูดออกมา เกรงว่าพวกเขาคงจะถูกขังอยู่ในห้องมืดไร้ทางออกไปตลอดชีวิต!
หัวใจของซั่งกวนหว่านเต้นรัวราวกับจะระเบิดออกมา
การที่กระบี่หลงหยวนฟื้นขึ้นมา นั่นหมายความว่าถึงเวลาในการเลือกผู้ถือครองคนใหม่แล้ว!
เป็นเวลากว่าหลายพันปีที่ราชวงศ์เทียนลิ่งพยายามเชิญจิตวิญญาณของกระบี่หลงหยวน แต่พวกเขาก็ไม่เคยประสบความสำเร็จ!
และคิดไม่ถึงว่า เพียงแค่เริ่มงานหมื่นทูร กระบี่หลงหยวนจะถูกปลุกให้ตื่นจากการหลับไหล!
ซั่งกวนหว่านตื่นเต้นจนรู้สึกมวลท้องมวลไส้ไปหมด!
“ว่าต่อสิ!”
หนิงเจียวเจียวคุกเข่าและพูดต่อ
“เพคะ องค์หญิงสาม หลังจากที่โฉวติ่งจากไป ข้าก็ได้พูดคุยกับหยางเซิ่นเอ๋อร์ และก้าวเข้าไปดูพร้อมกัน เพื่อตัดสินว่าผู้ใดจะสามารถสัมผัสกระบี่หลงหยวนได้ ซึ่งขณะที่เราทั้งคู่กำลังก้าวออกไป จู่ๆ เชียงหว่านโจวก็ไล่ตามมา และพวกเราก็ ต่อสู้”
“ในตอนนั้น เราทั้งคู่ต่างสับสนมาก เพราะพวกเราไม่ได้มีความคับข้องใจ หรือตั้งตัวเป็นศัตรูกับเชียงหว่านโจวเลย แล้วเหตุใดเขาจึงรีบออกมาหยุดพวกเราไว้เช่นนั้น แต่ต่อมาข้าก็ตระหนักได้ว่า จริงๆ แล้วคนที่ต้องการครอบครองกระบี่หลงหยวนนั้น คือฉู่หลิวเยว่ต่างหาก!”
ทั้งซั่งกวนหว่านและเจียงอวี่เฉิงต่างหันมองเชียงหว่านโจวเป็นตาเดียว
ใช่แล้ว!
ใครๆ ต่างก็ดูออกว่าเชียงหว่านโจวกับฉู่หลิวเยว่สนิทสนมกันเพียงใด หรือพูดได้ว่า เชียงหว่านโจวนั้นยอมทำตามคำสั่งของหลิวเยว่ทุกอย่าง
และนอกจากฉู่หลิวเยว่แล้ว ยังจะมีใครสั่งชายผู้นี้ได้อีกหรือ?
“ต่อมา ข้าก็ได้ต่อสู้กับเชียงหว่านโจว แต่ไม่นานข้าก็แพ้ และถูกกำจัดออกจากอาณาเซียนเทพ ทว่าหลังจากที่ข้าออกมาแล้ว ก็บังเอิญไปเห็นชื่อของฉู่หลิวเยว่ที่ยังคงอยู่บนแผ่นหยกสีดำ ข้าจึงเดาว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ จักต้องเป็นฉู่หลิวเยว่”
ใบหน้าของซั่งกวนหว่านมืดมนลงทันตา
และเมื่อเห็นภาพนั้น หยางเซิ่นเอ๋อร์ก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาก
ไม่ผิดจากที่นางเดาไว้ กระบี่หลงหยวนที่สถิตอยู่ในอาณาเขตเซียนเทพของราชวงศ์เทียนลิ่งนั้น เป็นสิ่งที่ทรงพลังที่สุดของอาณาจักรจริงๆ
ผู้ใดมันกล้าแตะต้อง ย่อมพบเจอกับความตาย!
และเพราะฉู่หลิวเยว่อวดดีกล้าแตะต้องกระบี่หลงหยวน สุดท้ายนางจึงต้องน้อมรับความโกรธแค้นและการลงทัณฑ์จากราชวงศ์!
นางรีบเสริมต่อทันที
“หลังจากหนิงเจียวเจียวถูกกำจัด ข้าก็คิดจะสู้กับคนๆ นั้นบ้าง แต่อีกฝ่ายกลับส่งอสูรศักดิ์สิทธิ์มาจัดการกับข้า และถ้าข้าดูไม่ผิด… มันคือ อินทรีสามตา อสูรเทพในตำนาน!”
“แต่ข้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอสูรศักดิ์สิทธิ์นั่น ข้าพ่ายแพ้อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งเชียงหว่านโจวเองก็ไล่ตามมาฆ่าข้าด้วย ตัวข้าเพียงลำพังนั้นไม่สามารถรับมือกับสองสิ่งในเวลาเดียวกันได้ สุดท้ายข้าจึงถูกกำจัดอย่างรวดเร็ว เชียงหว่านโจวแทงทะลุหน้าอกของข้า และตอนนี้แผลนั่นก็ยังอยู่”
น้ำเสียงของหยางเซิ่นเอ๋อร์สั่นเครือเล็กน้อยเมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ความเกลียดชังลึกๆ แวบเข้ามาในดวงตาของนาง
“แต่ในขณะที่ข้ากำลังออกจากอาณาเขตเซียนเทพ ข้าก็เห็นคนๆ นั้นดึงกระบี่หลงหยวนออกมาจากฐานแล้ว!”