ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 557 ฆ่าให้หมด
ตอนที่ 557 ฆ่าให้หมด [รีไรท์]
“ส่วนลดสามสิบเปอร์เซ็นต์? ไหนว่าลูกค้าพิเศษลดเพียงสิบห้าเปอร์เซ็นต์มิใช่หรือ?” ฉู่หลิวเยว่ถามด้วยความสงสัย
เนื่องจากครั้งที่แล้วนางใช้ผลึกศิลาขาวไปเกือบหนึ่งแสนผลึก แต่ทว่าก็ไม่ได้ส่วนลดเพิ่มขึ้นแต่อย่างใด เพียงแค่…ได้ตำแหน่งบนชั้นสามมาก็เท่านั้น
เย่ว์หลิงถึงกับสำลัก
“นั่นเพราะว่า…ครั้งนี้ท่านซื้อเยอะกว่าคราวก่อน อีกทั้งยัง…คิดจะซื้ออย่างอื่นเพิ่มด้วยมิใช่หรือ? เช่นนั้นยิ่งสมควรที่ข้าต้องมอบส่วนลดให้ท่านมากกว่าปกติ และในซีหลิงแห่งนี้ ก็มีเพียงลูกค้าพิเศษไม่กี่คน ที่มีเงินทุนมากมายเช่นท่าน!”
ประโยคสุดท้ายที่เย่ว์หลิงเอ่ยออกมานั้นคือความจริง ที่มาจากใจเขา
แต่ฉู่หลิวเยว่ไม่ได้คิดมาก และตอบกลับยิ้มๆ
“จริงด้วย! เมื่อก่อนเจ้าสำนักชงซูเก๋อเคยนำของมาขายที่นี่ด้วยใช่หรือไม่? หากตอนนี้ของเหล่านั้นยังอยู่ ข้าขอเหมาหมดเลยแล้วกัน”
เย่ว์หลิงตกตะลึง
“จริงหรือ? ท่านต้องการทั้งหมดเลยรึ?”
“อือ”
ยิ่งเห็นสีหน้าจริงจัง ไร้ซึ่งการล้อเล่นของฉู่หลิวเยว่ เย่ว์หลิงก็ยิ่งกุลีกุจอด้วยความอยากขาย
“เช่นนั้นแล้วโปรดรอสักครู่ ข้าจะให้คนไปขนของมาให้ เนื่องจากซงเหล่าทยอยนำของมาขายครั้งละชิ้นสองชิ้น จึงทำให้ต้องให้เวลาทางเราในการรวบรวมของทั้งหมด”
“ข้ารอได้”
ฉู่หลิวเยว่ตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจ พลางสาวเท้าออกไปดูตู้กระจกใสที่อยู่ด้านหน้า
ในนั้นบรรจุไปด้วยสมุนไพรและวัตถุดิบปรุงยาหายากหลากหลายชนิด
ไม่แปลกใจเลยที่หอร้อยโอสถจะมั่นอกมั่นใจในธุรกิจของตนขนาดนี้
หลังจากที่รอให้เย่ว์หลิงสั่งการคนใช้เสร็จ นางก็ทำทีหันไปถามเขาเกี่ยวกับวัตถุดิบที่อยู่ข้างในตู้
“…ใช่แล้ว ประมุขเย่ว์ เมื่อครู่ท่านบอกว่าซงเหล่ามาที่นี่เป็นครั้งคราว…นั่นมันนานแค่ไหนแล้วหรือ?”
เย่ว์หลิงครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง
“ประมาณครึ่งปีได้แล้ว”
ตอนแรกที่เห็นซงเหล่าเอาของมาขาย เขาเองก็ตกใจมาก
กว่าครึ่งปีที่ผ่านมา…สำนักชงซูเก๋อเจอปัญหาอย่างหนัก จนถึงขั้นทำให้อวี้ฉือซงล้มลงเชียวหรือ?
ไม่แปลกเลยพันธมิตรเก้าดาราดูกระตือรือร้นและพยายามจะเข้ามาแทนที่ชงซูเก๋อให้ได้
เกรงว่าชื่อเสียงในปัจจุบันของชงซูเก๋อที่มีต่อซีหลิง คงไม่ได้น่าเกรงขามเฉกเช่นในอดีตเสียแล้วสิ
“ฟังดูแล้วเหมือนว่าคุณหนูฉู่จะสนใจของที่ซงเหล่านำมานะ?” เย่ว์หลิงถาม
แต่ฉู่หลิวเยว่ไม่ได้เกรงกลัวคำถามนั้น พลันตอบอย่างตรงไปตรงมา
“ท่านประมุขเย่ว์อาจจะยังมิทราบ แต่วันนี้ข้าได้เลือกเข้าร่วมกับสำนักชงซูเก๋อแล้ว”
ตอนนี้ยังไม่มีการแพร่งพรายเรื่องที่เกิดขึ้นในสวนซินหลี่ ดังนั้นจึงเป็นปกติที่เย่ว์หลิงจะไม่รู้
เย่ว์หลิงผงะไปทันที
“ท่านจะบอกว่า…หลังจบงานหมื่นทูรแล้ว ท่านเลือกชงซูเก๋อหรือ?”
ไหนว่าผู้ผ่านการทดสอบจะสามารถเลือกสำนักวิชาได้อิสระ?
และยิ่งอันดับหนึ่งอย่างฉู่หลิวเยว่ ก็น่าจะเลือกได้ตามใจชอบเลยมิใช่หรือ?
แล้วเหตุใดนางจึงเลือกชงซูเก๋อเล่า?!
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้า
ส่งผลให้เย่ว์หลิงที่พูดน้ำไหลไฟดับไม่หยุดมาตั้งแต่เมื่อครู่ ถึงกับเงียบกริบไม่มีอันใดจะพูด
นี่เขาควรกล่าวยินดีหรือไม่?
เพราะการเข้าร่วมกับชงซูเก๋อในปัจจุบันนั้นไม่ใช่สิ่งที่ควรค่าแก่การแสดงความยินดีเลย
หรือเขาควรแสดงความเสียใจดี?
แต่ก็เห็นได้ชัดว่าฉู่หลิวเยว่เป็นคนเลือกทางนี้เอง
ฉู่หลิวเยว่คิดไว้แล้วว่าเขาจะต้องตอบสนองแบบนี้ แต่นางก็ไม่ได้ใส่ใจ และเลือกสมุนไพรสองสามชนิดที่ชอบต่อ
เย่ว์หลิงติดตามนางไปและต้องการจะอธิบาย แต่สุดท้ายก็พบว่ามันไม่มีประโยชน์
ฉู่หลิวเยว่เลือกซื้อของต่อไปอย่างเรียบง่าย และหันมาถามคำถามพื้นฐานอย่างเช่น ช่วงอายุและลักษณะของวัตถุดิบบ้างเป็นครั้งคราว
ซึ่งนางสามารถคาดเดาได้อย่างแม่นยำ
จนสุดท้ายเย่ว์หลิงก็ต้องปักใจเชื่อว่าเรื่องที่นางพูดมาก่อนหน้านี้ นั้นใช่การโอ้อวดเกินจริง
ฉู่หลิวเยว่มีความเชี่ยวชาญในเรื่องนี้อย่างแท้จริง
แต่ว่า…นางจะเอาสมุนไพรอันล้ำค่ามากมายไปทำอันใดกัน?
เพราะด้วยอายุของนางในตอนนี้ การปรุงยานั้น น่าจะเป็นสิ่งที่นางยังไม่สามารถทำออกมาได้เต็มร้อย…
ทว่าเย่ว์หลิงก็ไม่ได้เอ่ยอันใดออกไป
ฉู่หลิวเยว่เลือกของบางอย่างเพิ่มเติม และขณะนั้นเอง คนใช้ก็นำสิ่งของๆ อวี้ฉือซงที่ถูกรวบรวมไว้แล้ว มาส่งให้กับฉู่หลิวเยว่
ดวงตากลมกวาดมองดูคร่าวๆ และพบว่าอย่างน้อยก็มีอยู่หลายสิบแบบ
ฉู่หลิวเยว่เปิดดูกล่องสองสามกล่อง แน่นอนว่าพวกมันล้วนเป็นสิ่งที่นางคุ้นเคยมาก
คิดไม่ออกจริงๆ ว่าอวี้ฉือซงจะรู้สึกเช่นไร ยามต้องขายสิ่งเหล่านี้ให้ผู้อื่น
ฉู่หลิวเยว่แอบถอนหายใจ และไม่หันไปมองพวกมันอีก ก่อนจะกวาดเอาสิ่งของทั้งหมดยัดใส่ลงในแหวนเฉียนคุน
แค่นี้ก็เก็บของเรียบร้อยแล้ว
เย่ว์หลิงทำการตรวจสอบคิดเงินด้วยตัวเอง พลันพูดด้วยรอยยิ้ม
“เมื่อใช้ส่วนลดแล้ว จะตกอยู่ที่หนึ่งล้านห้าหมื่นผลึกขอรับ”
แม้ว่าคนรับใช้ที่รออยู่จะแอบสังหรณ์ใจไว้แล้ว แต่ทุกคนก็ยังอ้าปากค้างเมื่อได้ยินตัวเลขเหล่านี้
ฉู่หลิวเยว่ส่งแหวนเฉียนคุนที่เพิ่งนำมาจากเจี่ยนเฟิงฉือให้เขา
“รบกวนด้วยนะ ประมุขเย่ว์”
เย่ว์หลิงรับแหวนเฉียนคุนไปพลางหรี่ตามองเล็กน้อย และขมวดคิ้ว
นี่มันแหวนเฉียนคุนของสำนักภูเขาเขี้ยวมังกร
และเขาเคยเห็นเจี่ยนเฟิงฉือสวมพวกมันอยู่หลายครั้ง
อย่าบอกนะว่าเงินพวกนี้…เป็นของเจี่ยนเฟิงฉือรึ?
แต่เขาก็รีบระงับความสงสัยในใจอย่างรวดเร็ว และหยิบผลึกศิลาสีขาวออกมาในปริมาณที่พอเหมาะ
ก่อนจะหันไปมองฉู่หลิวเยว่อีกครา
ทว่าสีหน้าของนางนั้นยังดูผ่อนคลาย ราวกับไม่ได้สนใจเรื่องที่มาที่ไปของเงินเหล่านี้เลยสักนิด
อืม
การตอบสนองที่จริงใจเช่นนี้ ดูมีอำนาจมากกว่าเด็กหนุ่มสาวหลายคนในตระกูลขุนนางเสียอีก
ไม่แปลกใจเลยที่…
“คุณหนูฉู่ ท่านได้ใช้ผลึกศิลาขาวไปมากกว่าหนึ่งล้านผลึกในหอร้อยโอสถแล้ว ฉะนั้นเราจะเปิดห้องส่วนตัวให้ท่านบนชั้นสามทันที ซึ่งมันจะเป็นของท่านตลอดไป ท่านต้องการขึ้นไปเยี่ยมชมหรือไม่?”
ดวงตาของฉู่หลิวเยว่เบิกโพล่งอย่างประหลาดใจ
“รวดเร็วอันใดเช่นนั้น?”
เย่ว์หลิงกะพริบตาปริบๆ แต่เขาก็ไม่สามารถพูดได้ว่า เป็นเพราะคำสั่งจากเบื้องบน เขาจึงต้องรีบทำเช่นนี้
“ทางหอร้อยโอสถของเรามีนโยบายเช่นนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว”
ฉู่หลิวเยว่คิดอยู่ครู่หนึ่ง พลันเอ่ยปฏิเสธ
“วันนี้พอแค่นี้แล้วกัน ครั้งหน้าข้าค่อยมาดูใหม่”
วันนี้นางใช้เวลาอยู่ข้างนอกนานมากแล้ว และมันก็ได้เวลากลับจวนแล้วด้วย
เย่ว์หลิงเดินออกไปส่งนางถึงหน้าประตูหอร้อยโอสถด้วยตัวเอง
จนกระทั่งร่างของฉู่หลิวเยว่หายลับไปจากครรลองสายตา เย่ว์หลิงถึงได้ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ยามนึกถึงฉากเมื่อครู่ก่อนในตอนนี้ หัวใจของเขาก็เกิดรู้สึกสับสนขึ้นมาเล็กน้อย
แหวนเฉียนคุนนั่น…
…
ห่างออกไปหลายพันลี้
ที่ด้านบนสุดของเกาะลอยฟ้า มีตำหนักอันงดงามตั้งตระหง่านอยู่บนนั้น
พร้อมทั้งทหารในชุดเกราะหนาที่ยืนถือกระบี่เล่มยาวเรียงแถวกันอยู่สองฝั่ง
ช่างดูยิ่งใหญ่เกรียงไกรยิ่งนัก
ก่อนจะปรากฏร่างสูงสง่าของใครบางคน ที่กำลังเดินผ่านประตูตำหนักเข้าไปด้านใน
ซึ่งเขาก็คือ หรงซิว
วันนี้เขาสวมชุดคลุมตัวยาวสีดำ ที่มีด้ายสีทองที่ปักรอบคอเสื้อ พร้อมลายก้อนเมฆที่ปลายแขนเสื้อ และปิดท้ายด้วยผ้าคลุมสีดำบนไหล่ของเขา
ถ้าตอนนี้ฉู่หลิวเยว่อยู่ที่นี่ นางจะเห็นว่าหรงซิวนั้นเปลี่ยนไปอย่างกับคนละคน!
ลมปราณที่ครั้งหนึ่งเคยอบอุ่นถูกพัดพาไป และแทนที่ด้วยความหนาวเย็นและความยิ่งใหญ่อย่างแท้จริง!
จิตสังหารของเขานั้นเด็ดขาดอย่างไม่มีผู้ใดเทียบได้!
หรงซิวคนก่อนนั้นเปรียบเสมือนกระบี่ไร้ฝัก ที่ซ่อนคมมีดนั่นไว้อย่างอ่อนโยนและยับยั้งชั่งใจ
แต่ในเวลานี้ เขากลับเป็นเหมือนกระบี่ที่เต็มไปด้วยลมปราณอันเยือกเย็น ที่สามารถฉีกโลกออกจากกันได้ด้วยคลื่นลูกเดียว!
ท้ายที่สุด เขาก็หยุดยืนอยู่ต่อหน้าเหล่ากองทหาร
ทุกคนคุกเข่าลงแล้วทำความเคารพทันที!
“ถวายบังคมพ่ะย่ะค่ะ องค์ชาย!”
แววตาของหรงซิวเย็นชาราวกับใบมีด เขากวาดตามองคนทั้งหมด
“ตำหนักหวู่ซวงส่งคนมาลอบสังหารข้า และตั้งใจที่จะตั้งตนเป็นกบฏ ยามนี้หลักฐานได้รับการสรุปแล้ว และผู้ที่เป็นอาชญากรควรได้รับโทษ! วันนี้ข้าจะนำทัพไปสู้กับตำหนักหวู่ซวงเอง จงฆ่าพวกเขาให้หมด!”
“ตามบัญชาพ่ะย่ะค่ะ!”
“ฆ่ามัน! ฆ่ามัน! ฆ่ามัน!”
เสียงตะโกนของเหล่าทหารกล้าดังกึกก้อง!
เยี่ยนชิงและอวี๋มั่วที่ยืนอยู่ข้างหลังหรงซิวต่างมองหน้ากัน
น้อยคนนักที่จะดำรงตำแหน่งองค์ชายได้ยาวนานเช่นนี้ และในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ก็มีความโกลาหลภายในราชวงศ์เกิดขึ้นมากมายหลายเรื่อง
แต่นี่เป็นครั้งแรกที่องค์ชายของเขาออกคำสั่งให้ฆ่าทิ้ง!
และเขาก็ไม่รู้ว่าคนที่ตำหนักหวู่ซวงส่งมานั้นได้ทำการณ์อันใดลงไป ถึงทำให้องค์ชายเดือดดาลจนถึงขั้นฆ่าแกงกันเช่นนี้!