ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 577 มีคนมาหา!
ตอนที่ 577 มีคนมาหา! [รีไรท์]
แววตาของเจียงอวี่เฉิงเต็มไปด้วยความเคร่งขรึม
เหตุใดเขาถึงมาเร็วขนาดนี้!
เมื่อเป็นเช่นนี้ อวี้ฉือซงจะต้องรู้เรื่องแล้วอย่างแน่นอน เขาตั้งใจมาที่นี่เพื่อมาหาหลักฐาน!
หากเขาออกไปตอนนี้ และทำให้อวี้ฉือซงเห็นสภาพของเขาในตอนนี้…เขาจะไม่สามารถโต้แย้งอันใดได้เลย
เมื่อไม่ได้ยินเสียงความเคลื่อนไหว บ่าวรับใช้จึงถามขึ้นมาอีกครั้งว่า
“คุณชายใหญ่?”
เจียงอวี่เฉิงพยุงตัวลุกขึ้นอย่างไม่เต็มใจ
ความจริงแล้วความเจ็บปวดที่น่ากลัวนั้นได้หายไปอย่างปลิดทิ้งแล้ว และระดับการบำเพ็ญเพียรของเขาก็ลดลง แล้วยิ่งเส้นสีแดง เส้นนั้น…
เขาก้มหน้ามองข้อมือของตัวเองอีกครั้ง…
แม้ว่าบาดแผลการระเบิดของเส้นเลือดนั้นไม่ลึก แต่ก็สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน
แต่ในเมื่ออวี้ฉือซงมาเยือนถึงตระกูลเจียงแล้ว เช่นนั้นก็มีความเป็นไปได้สูงมากที่เขาจะรู้เรื่องนี้แล้ว
เขาจะต้องหาทางปกปิดเอาไว้ให้ได้
“พาอวี้ฉือซงไปรอที่ห้องหนังสือก่อน เดี๋ยวข้าจะตามไป!”
เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พยายามควบคุมเสียงตัวเองให้เป็นปกติมากที่สุด!
“ขอรับ!”
เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าเดินจากไป เจียงอวี่เฉิงก็กุมขมับของตัวเอง แล้วครุ่นคิดอย่างหนัก
อวี้ฉือซงเตรียมตัวมาอย่างดี หากคิดจะหลอกลวงเขามันคงจะไม่ง่ายขนาดนั้น…
…
อวี้ฉือซงเดินไปที่ห้องหนังสือพร้อมกับบ่าวรับใช้ของเขา แต่ระหว่างทางเดินกลับพบเจียงลี่จัวที่เดินสวนมาพอดี
เมื่อเห็นอวี้ฉือซงอยู่ในตระกูลเจียง เจียงลี่จัวจึงรู้สึกประหลาดใจอย่างมาก
ก่อนหน้านี้พวกเขากับสำนักชงซูเก๋อก็ไม่ค่อยได้ติดต่อคบค้าสมาคมกันมากนัก และยิ่งไปกว่านั้นสถานการณ์ปัจจุบันของสำนักชงซูเก๋อ…ในเมืองซีหลิงนั้น ตามปกติแล้วก็ไม่มีใครอยากจะเริ่มสานสัมพันธ์กับพวกเขาเสียเท่าไร
แต่เจียงลี่จัวก็ยังไว้หน้าอีกฝ่าย และต้อนรับเขาอย่างดี
หลังจากที่พวกเขาทั้งสองคนมาถึงที่ห้องหนังสือแล้ว เจียงลี่จัวจึงถามถึงจุดประสงค์ของอวี้ฉือซงที่มาตระกูลเจียงในวันนี้ และเมื่อเขาได้ยินว่าอวี้ฉือซงมาเพื่อเข้าพบเจียงอวี่เฉิงโดยเฉพาะ เขาจึงรู้สึกประหลาดใจมากยิ่งขึ้นไปอีก
แต่ดูเหมือนว่าอวี้ฉือซงจะไม่ยอมพูดจุดประสงค์ที่แท้จริงออกมาง่ายๆ เขาจึงไม่ได้ซักไซ้ไล่เรียงต่อ จึงได้แต่พูดคุยกันเรื่องอื่นๆ
“ได้ยินมาว่าสำนักชงซูเก๋อเพิ่งได้รับศิษย์ที่มีความสามารถโดดเด่นสองคน ข้ายังไม่ได้แสดงความยินดีกับท่านประมุขอวี้ฉือเลย”
เจียงลี่จัวยิ้มอย่างมีมารยาท
เรื่องงานหมื่นทูร เขาก็ได้ยินเรื่องราวมาไม่น้อย
คนส่วนใหญ่ไม่เข้าใจว่าเหตุใดฉู่หลิวเยว่ และศิษย์อีกคนหนึ่งถึงได้เลือกสำนักชงซูเก๋อ เขาเองก็รู้สึกสงสัยเป็นอย่างมาก
ไม่รู้ว่าอวี้ฉือซงใช้วิธีการอันใด หรือว่าเขาจะมีเรื่องอื่น…
เมื่อได้ยินว่าอีกฝ่ายพูดถึงฉู่หลิวเยว่ และศิษย์อีกคน ใบหน้าของอวี้ฉือซงก็มีรอยยิ้มที่ดูจริงใจปรากฏขึ้น
“ใช่แล้ว! มีพวกเขาสองคน ถือว่าเป็นโชคดีของสำนักชงซูเก๋อแล้ว!”
ถ้าไม่มีพวกเขาสองคน ตอนนี้ในภูเขาชิงหยวนก็คงมีทรายรวมศูนย์อยู่เต็มไปทั่วทุกแห่งหน!
เมื่อเห็นท่าทางดีใจ และภาคภูมิใจของอวี้ฉือซง เจียงลี่จัวก็ขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย
ความจริงแล้วคำพูดเมื่อครู่เขาก็แค่พูดไปอย่างนั้น
จะว่าไปแล้ว แค่เด็กสองคน มันจะสร้างคลื่นลมได้มากแค่ไหนกันเชียว?
ยิ่งไปกว่านั้น เขาได้ยินมาว่าเบื้องหลังครอบครัวของเด็กทั้งคนนั้นก็ไม่เท่าไร ต่อให้มีพรสวรรค์ที่โดดเด่น แต่ในอนาคตก็ไม่สามารถเป็นมหาอำนาจที่แท้จริงได้อย่างแน่นอน
ในทางกลับกันหนึ่งปีกว่าที่ผ่านมานี้ อวี้ฉือซงมีแต่ความท้อแท้สิ้นหวังมาโดยตลอด นานมากแล้วที่เขาไม่ได้แสดงสีหน้าท่าทางเช่นนี้
นี่หมายความว่าเขามีความสุขจริงๆ หรือ?
เมื่อคิดโดยละเอียดแล้ว เขาก็สามารถเข้าใจได้
ตอนนี้สำนักชงซูเก๋อ สามารถรับศิษย์ใหม่ได้สองคน นัยว่าเป็นเรื่องที่หาได้ยากยิ่ง
จึงไม่น่าแปลกใจที่อวี้ฉือซงจะรู้สึกเช่นนั้น
ภายในใจเจียงลี่จัวยังมีการเยาะเย้ยถากถางอยู่ แต่ใบหน้ากลับแสดงสีหน้าชื่นชมยินดี
“สามารถได้รับคำชมจากประมุขอวี้ฉือได้ ศิษย์ผู้นั้นต้องเป็นมังกรในหมู่มนุษย์แน่นอน! หากมีโอกาส ข้าจะต้องไปพบเขาให้ได้เลย ฮ่าๆ!”
อวี้ฉือซงมองเขาด้วยแววตาที่มีความหมายลึกซึ้ง จากนั้นเขาก็หัวเราะแล้วยิ้มขึ้นมาว่า
“แน่นอน!”
แน่นอนว่าเขามองออกว่า สายตาของเจียงลี่จัวเต็มไปด้วยความหยามเหยียด และดูถูกพวกเราสำนักชงซูเก๋อทุกคน
หนึ่งปีที่ผ่านมานี้ เขาเห็นสายตาแบบนี้มามากมายนับไม่ถ้วน
หากเป็นเมื่อก่อน ที่เขาได้พบเจอเรื่องเช่นนี้ ในใจของเขาจะรู้สึกเสียใจอย่างมาก
ดังนั้นเขาจึงคบหาสมาคมกับคนพวกนั้นน้อยลงไปเรื่อยๆ
แต่ว่าตอนนี้มันไม่เหมือนกันแล้ว
ไม่ว่าคนนอกจะมองอย่างใด คิดอย่างใด เขาล้วนไม่สนใจทั้งนั้น
รอให้พวกเขาเห็นความแข็งแกร่งที่แท้จริงของหลิวเยว่และหว่านโจวเสียก่อนเถิด…
ตอนนี้เขาเองก็เริ่มมีความคาดหวังเล็กๆ ขึ้นมา
พวกเขาทั้งสองคนพูดคุยถามตอบกันเป็นเวลานาน และความอดทนของอวี้ฉือซงก็ค่อยๆ หมดลง แต่คำตอบที่อยู่ในใจกลับชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ
เจียงอวี่เฉิงอยู่ในจวนของตนเองแท้ๆ แต่กลับใช้เวลาเตรียมตัวนานมากกว่าจะออกมาพบแขกได้
ถ้าบอกว่าไม่มีผี คงจะไม่มีใครเชื่อ
แต่หลังจากนั้นไม่นาน ในที่สุดบ่าวรับใช้ที่หน้าประตูก็ส่งเสียงดังขึ้น
“คารวะคุณชายใหญ่!”
อวี้ฉือซงมองไปที่หน้าประตูทันที!
…
หลังจากฉู่หลิวเยว่จัดการเก็บของขวัญทั้งหมดแล้ว นางก็ไล่ให้เชียงหว่านโจวกลับไป และตนเองก็ฝึกบำเพ็ญเพียรอยู่ในห้อง
หลังจากไข่มุกธาราที่อยู่ในตันเถียนของนางได้กลืนกินทรายรวมศูนย์แล้ว เหมือนว่าปราณในร่างกายของนางก็แข็งแกร่งขึ้นอย่างมาก
นางโคจรพลังเหล่านั้น ให้หมุนกลับลงไปในร่างกาย แต่นางไม่ได้พยายามที่จะทะลวงด่านต่อไป
แต่สำหรับคนธรรมดาแล้วนั้น แม้ว่าการเลื่อนขั้นของนางจะเร็วมาก แต่ความจริงแล้วก็นับว่าเป็นเรื่องปกติ
ไม่ว่าอย่างใดนางก็คือเส้นชีพจรตี้จิง
แต่ฉู่หลิวเยว่รู้จักตัวนางดี ว่า “หยวนตัน” ของนางแตกต่างจากคนอื่น
จึงทำให้นางสามารถทะลวงด่านเลื่อนขั้นได้ค่อนข้างเร็ว
“สาวน้อยเจ้ารอบคอบอย่างมาก”
ทันใดนั้นเสียงของปฐมกษัตริย์ก็ดังขึ้น น้ำเสียงของเขายังแฝงไปด้วยความชื่นชม
หลังจากที่พวกเราอยู่ด้วยกันมาสักระยะหนึ่งแล้ว เขาก็สามารถแน่ใจได้ว่าฉู่หลิวเยว่มีความสามารถมากกว่าที่เขาประเมินเอาไว้ในตอนแรก
แต่ที่น่าเหลือเชื่อไปมากกว่านั้น นางมีเจตจำนงที่มั่นคง และการควบคุมตัวเองที่แข็งแกร่ง
เมื่อเผชิญหน้ากับสิ่งยั่วยุเช่นนี้ บนโลกนี้จะมีสักกี่คนที่สามารถทนต่อแรงต้านทานนั้นได้
แต่ฉู่หลิวเยว่กลับทำได้เป็นอย่างดี
ทั้งจิตใจและวิสัยทัศน์ของนางนั้นไม่ธรรมดาจริงๆ
ริมฝีปากของนางโค้งขึ้นเล็กน้อย
ท่านปฐมกษัตริย์นั้นไม่รู้สถานการณ์ของนาง แต่รับรู้ได้แค่พลังที่พวยพุ่งออกมารอบๆ ตัวของนาง
เพียงแค่สังเกตจากสิ่งเหล่านี้ เขาก็สามารถคาดเดาได้ไม่น้อยแล้ว
ในเมื่อคนผู้นี้คือท่านปฐมกษัตริย์ ดังนั้นฉู่หลิวเยว่จึงไม่ต้องการที่จะปกปิดมัน
“ขอบคุณเจ้าค่ะท่านปฐมกษัตริย์”
เมื่อเทียบกับการทะลวงด่านฝึกแล้ว นางอยากลองฝึกฝ่ามือเทวาหลอมจิตมากกว่า
แต่เมื่อครู่นางได้โคจรลมปราณแล้ว นางกลับได้ยินเสียงลู่จือเหยาจากด้านนอก
“ศิษย์น้องหญิง มีคนมาหา!”