ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 580 ทวงคืน
ตอนที่ 580 ทวงคืน [รีไรท์]
ฉู่หลิวเยว่เขียนจดหมายอย่างรวดเร็ว และปิดผนึกใส่ซองให้เรียบร้อย
จากนั้นนางก็เดินออกมา ก่อนจะยื่นจดหมายให้เยี่ยนชิง
“เยี่ยนชิง รบกวนเจ้าส่งจดหมายฉบับนี้ให้เขาทีนะ”
เยี่ยนชิงรับจดหมายมาด้วยสองมือ พร้อมกล่าวด้วยความเคารพว่า
“ขอรับ คุณหนูหลิวเยว่ได้โปรดวางใจ ข้าน้อยจะส่งไปให้ถึงอย่างแน่นอน”
ฉู่หลิวเยว่ไว้ใจเยี่ยนชิงมาก จึงพูดต่อว่า…
“ดูเหมือนว่าเจ้าจะต้องรีบกลับไป เช่นนั้นข้าก็จะไม่รั้งเจ้าแล้ว”
เยี่ยนชิงประสานหมัดคารวะอีกฝ่าย
“คุณหนูหลิวเยว่โปรดรักษาตัว ข้าน้อยขอตัวลา”
เมื่อพูดจบ เขาก็เก็บจดหมายฉบับนั้นด้วยความระมัดระวัง ก่อนจะหมุนตัวเดินจากไป
จนกระทั่งแผ่นหลังของเขาหายลับสายตาไป เขานั้นก็เหลือเพียงความเงียบงัน
ฉู่หลิวเยว่กวาดสายตามองไปรอบๆ
“ศิษย์พี่ทั้งหลาย มีเรื่องอันใดจะถามข้าหรือไม่?”
ทุกคนก็รีบขวับกลับมาทันที
“ไม่มีแล้วๆ ศิษย์น้องหญิงกำลังยุ่งอยู่ เช่นนั้นข้าไม่กวนแล้ว!”
เมื่อพูดจบพวกเขาก็แยกย้ายกันไปอย่างรวดเร็ว พริบตาเดียวก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยแล้ว
ฉู่หลิวเยว่ “…”
เดิมทีลู่จือเหยาอยากจะถามสักประโยคสองประโยค แต่สุดท้ายเย่หรานหร่านก็มาลากเขาออกไป
เชียงหว่านโจวเหลือบมองไปยังแหวนเฉียนคุนที่อยู่บนนิ้วมือของฉู่หลิวเยว่ สายตาก็ลึกล้ำมากขึ้น แต่เขาก็ไม่ได้พูดอันใดออกมา ก่อนจะหมุนตัวกลับไปที่ห้องนอนของตนเองทันที
ฉู่หลิวเยว่ยกมือขึ้นมามอง
แหวนเฉียนคุนวงนี้มันใหญ่ไปหน่อยสำหรับนาง นางจึงต้องสวมเอาไว้ที่นิ้วโป้ง
แสงแดดรอดผ่านช่องว่างระหว่างนิ้ว
แหวนเฉียนคุนวงนั้นก็เปล่งประกายระยิบระยับมากขึ้น
แกร๊ก!
ทันใดนั้นก็มีเสียงเบาๆ ดังขึ้น
ฉู่หลิวเยว่ชะงักไปเล็กน้อย ทันใดนั้นนางก็เห็นว่าแหวนเฉียนคุนวงก่อนหน้านี้รอยแตกเกิดขึ้น
แหวนเฉียนคุนวงนั้น เป็นวงแรกของนาง แม้ว่าจะระดับไม่สูง พื้นที่ในมิติไม่กว้างมาก แต่ว่านางก็ใส่จนชินแล้ว จึงใส่เอาไว้อย่างเดิมไม่ได้ถอดออกมา
คิดไม่ถึงว่ามันจะแตกแบบนี้?
ฉู่หลิวเยว่ถอดมันออกมา และมองดูรอยแตกที่นั้นอย่างเสียดาย
แต่ดูจากท่าทางร่องรอยของมันแล้ว เหมือนว่ามันจะไม่สามารถซ่อมแซมให้กลับมาเป็นดังเดิมได้
นางเดินกลับเข้าไปในห้อง จากนั้นก็นำของที่อยู่ในแหวนเฉียนคุนวงเก่าออกมา หลังจากจัดเรียงเสร็จแล้ว นางก็เอาของเหล่านี้ใส่ในแหวนเฉียนคุนวงที่หรงซิวให้มา
แม้ว่าจะมีศิลาผนึกขาวมากมายอยู่ด้านในนั้น แต่มันก็ยังมีที่ว่างเหลืออยู่อีก
จะให้วางของของฉู่หลิวเยว่เหล่านั้น นับว่าเหลือเฟือ
ทันใดนั้นก็มีเสียงสิ่งของแตกละเอียดดังขึ้นมาอีกครั้ง
ฉู่หลิวเยว่หันกลับไปมองอย่างตั้งใจ
ในมือของนางมีแหวนเฉียนคุนอยู่หลายวง
แหวนเหล่านั้นเป็นของเจี่ยนเฟิงฉือไม่ใช่หรือ
ทั้งหมดมีแปดวง แต่ละวงมีเงินมากมายอยู่ด้านในนั้น และหนึ่งในนั้นก็มีรอยแตกขึ้นมา
ฉู่หลิวเยว่จึงได้แต่นำของทั้งหมดที่อยู่ในแหวนวงนั้นออกมาอย่างจนปัญญา
หลังจากที่ย้ายของเสร็จเรียบร้อยแล้ว แหวนเฉียนคุนวงที่สามก็แตกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย!
ฉู่หลิวเยว่จ้องมองรอยร้าวนั้น ในที่สุดก็นึกอันใดขึ้นมาได้ จากนั้นก็ค่อยๆ มองไปยังแหวนเฉียนคุนที่ส่องประกายอยู่บนนิ้วโป้งของนาง
เหมือนว่า…สาเหตุจะมาจากสิ่งนี้
ราวกับเพื่อต้องการการยืนยันการคาดเดาของนาง หลังจากนั้นไม่นาน แหวนเฉียนคุนที่เหลือก็แตกเสียหายอย่างต่อเนื่อง
จนสุดท้ายก็ไม่เหลือเลยแม้แต่วงเดียว!
หลังจากที่ฉู่หลิวเยว่โอนถ่ายของทุกอย่างที่อยู่ในแหวนเฉียนคุนออกมาแล้ว แหวนเฉียนคุนเหล่านั้นก็สลายกลายเป็นผุยผงอย่างไร้เสียง!
ฉู่หลิวเยว่มองเศษฝุ่นผงที่กระจายอยู่เต็มโต๊ะ จากนั้นก็มองเฉียนคุนที่อยู่ในมือ มุมปากก็กระตุกขึ้นเล็กน้อย
…
ตระกูลเจียง
สายตาของอวี้ฉือซงจ้องมองไปที่เจียงอวี่เฉิงที่กำลังเดินเข้ามาตาเขม็ง
ในตอนนั้นเอง เขาก็หรี่ตามองอย่างพิจารณา
ปราณที่อยู่ในร่างกายของเจียงอวี่เฉิง มันถูกปกปิดอย่างสมบูรณ์แบบ
ราวกับว่าเขาใช้อาวุธโบราณปกปิดระดับพลังของตนเองเอาไว้ หากเป็นเช่นนั้น มันก็ดูไม่ได้แตกต่างจากก่อนหน้านี้เลย คนอื่นๆ ก็ไม่สามารถตรวจสอบระดับพลังที่แท้จริงของเขาได้
แต่อวี้ฉือซงก็ตัดสินใจได้แล้ว เรื่องนั้น ต้องเป็นฝีมือของเจียงอวี่เฉิงอย่างแน่นอน!
“ท่านพ่อ ท่านประมุขอวี้ฉือ”
เจียงอวี่เฉิงเดินเข้ามาด้วยสีหน้าท่าทางปกติ ก่อนจะคารวะผู้อาวุโสทั้งสอง ก่อนจะเดินเข้าไปนั่งด้านข้างเจียงลี่จัว และเผชิญหน้ากับอวี้ฉือซง
“ประมุขอวี้ฉือ ที่ท่านมาวันนี้ มีเรื่องอันใดหรือ?”
เจียงลี่จัวแค่นหัวเราะเยาะเย้ยในใจ แต่ใบหน้ากลับหัวเราะฮ่าๆ
“ในเมื่อเจียงอวี่เฉิงมาแล้ว ข้ายังมีธุระอื่นอีก เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน”
เมื่อพูดจบเขาก็เดินออกไปทันที
ประตูบานใหญ่ก็ปิดลงอีกครั้ง เจียงอวี่เฉิงจึงหันกลับมามองหน้าอวี้ฉือซง
“ท่านประมุขอวี้ฉือ ท่านมีเรื่องอันใดหรือ พูดได้เลยหรือไม่?”
อวี้ฉือซงไม่ได้ตอบคำถามนี้ทันที แต่แววตาเฉียบแหลมค่อยๆ เย็นชามากขึ้น และกวาดสายตามองร่างกายของเจียงอวี่เฉิง
เขาเงียบไปครู่หนึ่ง เขาพูดขึ้นว่า
“คุณชายเจียง เหตุใดบนร่างกายของเจ้าถึงมีกลิ่นคาวเลือดล่ะ?”
เจียงอวี่เฉิงชะงักไปครู่หนึ่ง…
ก่อนที่เขาจะมาได้ทำความสะอาดเลือดบนใบหน้าเรียบร้อยแล้ว และยังเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วย เหตุใดอวี้ฉือซงถึงยังจับสังเกตได้อีก?
เขาสงบสติอารมณ์ แล้วค่อยๆ ยิ้มขึ้นมา
“ประมุขอวี้ฉือเก่งกาจมากจริงๆ คาดไม่ถึงว่าแค่ก็สามารถสัมผัสได้”
เมื่อพูดจบ เขาก็ยกมือขึ้นมา
“ก่อนหน้านี้ข้าเผลอเกาในตอนที่ไม่ระวัง เมื่อครู่ข้าจึงจัดการทำแผลแบบง่ายๆ ดังนั้นจึงไม่แปลกใจที่ยังมีกลิ่นคาวเลือดอยู่”
ที่ฝ่ามือของเขามีผ้าพันแผลพันเอาอยู่ มีไหลจึงแดงเข้มไหลซึมออกมา
เห็นได้ชัดว่าเขาเพิ่งได้รับบาดเจ็บเมื่อไม่นานมานี้
อีกทั้งเขาไม่มีทางเห็นว่ารอยบาดแผลนั้นเป็นอย่างใด
แววตาของอวี้ฉือซงดำมืดลงไปเล็กน้อย หรือว่าบนโลกนี้จะมีเรื่องบังเอิญขนาดนั้นเชียวหรือ?
เขาต้องการจะตรวจสอบระดับพลังของอีกฝ่าย แต่เจ้าตัวกลับปกปิดลมปราณเอาไว้
เขาต้องการจะดูฝ่ามือ แต่ฝ่ามือของเขาก็ถูกพันผ้าพันแผลพันเอาไว้จึงทำให้ไม่สามารถมองได้อย่างชัดเจน
นี่เขาต้องใช้ความพยายามอย่างหนักมากจริงๆ…
อวี้ฉือซงแค่นหัวเราะเสียงเย็นในใจ
การกระทำของเจียงอวี่เฉิงเหมือนติดป้ายประกาศ[1]ว่าที่ตรงนี้ไม่มีเงินสามร้อยตำลึง
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง คุณชายใหญ่เจียงจะต้องระมัดระวังให้มากนะขอรับ ครั้งนี้โดนบาด ไม่แน่ว่าครั้งหน้าอาจจะ…”
รูม่านตาของเจียงอวี่เฉิงหดเล็กลง
นี่อวี้ฉือซง…กำลังเตือนเขาอยู่อย่างนั้นหรือ?
“ที่ข้ามาวันนี้ เพื่ออยากจะตรวจสอบเรื่องหนึ่ง”
เหมือนอวี้ฉือซงจะมองไม่เห็นสีหน้าที่เปลี่ยนแปลงไปของเจียงอวี่เฉิง ทันใดนั้นเขาก็เปลี่ยนเรื่องอย่างรวดเร็ว
“ข้าจำได้ว่ากุญแจของสวนเทพเนรมิตจะอยู่ที่เจ้าใช่หรือไม่?”
เมื่อได้ยินคำว่า “สวนเทพเนรมิต” หัวใจของเจียงอวี่เฉิงก็กระตุกวูบทันที
ใบหน้าของเขาแข็งค้าง จากนั้นก็ค่อยๆ ฝืนยิ้มออกมา
“ถูกต้อง กุญแจของที่นั่นข้าเป็นคนเก็บรักษาเอาไว้จริงๆ ท่านประมุขอวี้ฉือถามถึงเรื่องนี้เหตุใดหรือ?”
อวี้ฉือซงถอนหายใจออกมายาวๆ
“ความจริงแล้วก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อันใด เพียงแค่เมื่อวันก่อนตอนที่ข้าไปที่สวนเทพเนรมิต จู่ๆ ข้าก็นึกได้ว่า ก่อนหน้านี้มีของหลายสิ่งที่ข้ามอบให้กับองค์หญิง ของทั้งหมดนั้นวางอยู่ในเรือนฉินของสวนเทพเนรมิต และตอนนี้นางได้จากไปแล้ว ข้าจึงคิดว่าอยากได้ของเหล่านั้นคืนมา เพื่อนำมาระลึกถึงนาง”
เจียงอวี่เฉิงขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ท่านบอกว่าในเรือนฉินมีของของท่านอยู่หรือ?”
อวี้ฉือซงพยักหน้า แล้วนับอย่างจริงจัง
“ตอนที่นางอายุสิบพรรษา ข้าได้มอบพู่กันแกะสลักลายมังกรที่ทำจากขนอีเห็นให้นาง ตอนที่นางอายุสิบสามพรรษา ข้าได้มอบแผ่นไม้สำหรับดีดฉินให้นาง แล้วยังตอนก่อนแต่งงาน…”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ เขาก็หยุดชะงักไป
ทันใดนั้นภายในห้องตกอยู่ในความเงียบ
[1]ติดป้ายประกาศว่าที่ตรงนี้ไม่มีเงินสามร้อยตำลึง คือ อยากปกปิดซ่อนเร้น กลับกลายเป็นเปิดเผยให้โลกรู้