ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 583 ต่างกันราวฟ้ากับเหว
ตอนที่ 583 ต่างกันราวฟ้ากับเหว [รีไรท์]
อวี้ฉือซงยิ้มบางๆ แล้วพูดขึ้นว่า
“เพราะว่าข้ามีเรื่องที่ต้องมอบหมายให้หลิวเยว่ทำ ดังนั้นจึงให้นางติดตามมาด้วย คุณชายใหญ่เจียงคงไม่รังเกียจหรอกใช่หรือไม่?”
รอยยิ้มของเจียงอวี่เฉิงยังคงประดับไว้เช่นเดิม แต่น้ำเสียงกลับเย็นชาขึ้นเล็กน้อย
“ประมุขอวี้ฉือเกรงใจกันเกินไปแล้ว แต่ว่าเรือนฉิน…มันค่อนข้างพิเศษมาก วันนี้ข้าพาท่านมาที่นี่ ก็ถือว่าเป็นข้อยกเว้นแล้ว หากต้องพาคนอื่นเข้าไปอีก เกรงว่าจะไม่ได้”
ฉู่หลิวเยว่เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
คนอื่น?
เดี๋ยวนี้เจียงอวี่เฉิงพูดเก่งขึ้นไม่น้อยเลยทีเดียว
แต่ตอนนี้ยังไม่ทันได้รับตำแหน่งจริงๆ เลย แต่กลับวางตำแหน่งของตนเองเอาไว้สูงขนาดนี้ ไม่กลัวว่าหากไม่ระมัดระวังแล้วจะตกลงมาเลยหรือ
เดิมทีที่นี่ก็เป็นที่ของนาง ทำไปทำมาเหตุใดเจียงอวี่เฉิงถึงกลายเป็นเจ้าของพื้นที่แห่งนี้ไปเสียได้?
เมื่ออวี้ฉือซงได้ยินคำพูดประโยคสุดท้าย สีหน้าของเขาก็ย่ำแย่ขึ้นอย่างมาก
“ฉู่หลิวเยว่เป็นศิษย์ในสายของข้า หาใช่คนอื่นไม่ ข้าหวังว่าคุณชายใหญ่เจียงจะระวังคำพูดมากขึ้นนะ”
เดิมทีเจียงอวี่เฉิงก็แค่พูดส่งๆ ไปเท่านั้น และเขาก็ไม่ได้เห็นฉู่หลิวเยว่อยู่ในสายตาเลย
แต่คิดไม่ถึงว่าท่าทางของอวี้ฉือซงจะแข็งกร้าวขึ้นมาเช่นนี้
จะว่าไปแล้วฉู่หลิวเยว่คนนี้จะต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน…
เขาหัวเราะเสียงดัง
“ท่านประมุขอวี้ฉืออย่าเพิ่งโมโห ข้าไม่ได้ตั้งใจพูดเช่นนั้น ท่านอย่าเก็บมาใส่ใจเลยนะขอรับ ข้าทำไปก็เพื่อปกป้องเรือนฉินขององค์หญิงเท่านั้น…”
“หลิวเยว่เป็นเด็กที่รู้ความ ไม่ว่าอย่างใดข้าก็เป็นคนพานางมาด้วยตนเอง เจ้าไม่ต้องกังวลหรอก”
ตั้งแต่ที่รู้ว่าเจียงอวี่เฉิงอาจจะเป็นคนร้ายที่ทำลายสำนักชงซูเก๋ออย่างลับๆ อวี้ฉือซงก็ไม่มีความอดทนกับเขาเลยแม้แต่น้อย เวลาพูดจาก็แข็งกระด้างมากขึ้น
เจียงอวี่เฉิงสะอึกไปเล็กน้อย จึงได้แต่พูดขึ้นมาว่า
“ประมุขอวี้ฉือ ข้านั้นไว้ใจท่านอยู่แล้ว เชิญ…“
เมื่อพูดจบ เขาก็เดินนำหน้าขึ้นไปก่อนหนึ่งก้าว
อวี้ฉือซงและฉู่หลิวเยว่ก็เดินตามเข้าไป
เจียงอวี่เฉินเดินไปและยังรู้สึกสงสัยอย่างมาก
ไม่รู้ว่าเหตุใด ช่วงนี้เหมือนว่าอวี้ฉือซงจะเปลี่ยนไปไม่น้อยเลย…
ก่อนหน้านี้เหมือนว่าเขาจะรู้สึกเหงาหงอยเศร้าซึม และคร้านจะใส่ใจกับเรื่องราวหลายอย่าง ขอเพียงไม่ใช่เรื่องที่ใหญ่มากเกินไป เขามักจะปล่อยผ่านเสมอ
แต่ว่าตอนนี้…เหมือนว่าเขามีพลัง จิตวิญญาณมากกว่าเดิม และยังเฉียบแหลมมากกว่าเดิมอีกด้วย
หรือว่าเพราะทรายรวมศูนย์…
ในช่วงสองวันที่ผ่านมา เขาส่งคนไปสืบแล้ว เชียงหว่านโจวผู้นั้น เป็นคนที่มาจากชายแดนใต้
ถ้าเดาไม่ผิดแล้วละก็ เขาน่าจะเป็นคนที่สามารถคาดเดาได้ถึงปัญหาของทรายรวมศูนย์
เพียงแต่ว่า…ใครเป็นคนลงมือ?
เจียงอวี่เฉิงครุ่นคิดเรื่องนี้อยู่ค่อนคืน แต่ก็ยังไม่สามารถแน่ใจได้ ภายในสำนักชงซูเก๋อจะมีใครกันที่สามารถกำจัดทรายรวมศูนย์ได้
บนร่างกายของอวี้ฉือซงยังมีบาดแผล ต่อให้รักษาทั้งชีวิตก็ไม่มีทางหาย ต้องไม่ใช่เขาแน่นอน
ถ้าเช่นนั้น คนที่เหลือ นั่นก็คือซย่าอี้…
หลังจากเดินมาสักระยะหนึ่ง เขาก็เดินมาถึงที่สวนเทพเนรมิตแล้ว
สายตาของฉู่หลิวเยว่มองตรงไปด้านหน้าอย่างมั่งคง สีหน้าสงบนิ่ง ในใจก็แอบนับทหารยามที่คุ้มกันอยู่โดยรอบ
ไม่มีใครรู้จักที่นี่ดีไปกว่านางแล้ว
ที่ไหนมีเวรยาม ที่ไหนมีที่ซ่อน นางรู้อย่างชัดเจน
เมื่อเทียบกับการมาครั้งก่อน เห็นได้ชัดว่าที่นี่มีทหารยามน้อยลงอย่างมาก
แต่ก็ยังคงเข้มงวดมากเช่นเดิม
เมื่อเดินเข้าใกล้เรือนฉินมากเท่าใด ทหารก็น้อยลงมากเท่านั้น
ฉู่หลิวเยว่แค่นหัวเราะในใจ
ไม่ใช่เพราะว่ายังรู้สึกผิด ทำไมเจียงอวี่เฉิงยังคงดูแลสถานที่แห่งนี้ต่อไปล่ะ?
อวี้ฉือซงแค่มาเอาของ ทำไมเขาต้องมานำทางที่นี่ด้วยตัวเองล่ะ
หึ!
กลัวว่าจะมีคนเจออันใดเข้าอย่างนั้นหรือ?
หลังจากเดินมาสักระยะ ทะเลสาบแห่งหนึ่งก็ปรากฏสู่สายตาของทุกคน
เหนือทะเลสาบมีทางเดินเก้าโค้ง ส่วนฝั่งตรงข้ามเป็นเรือนขนาดเล็ก
สะอาด สง่า สงบ และร่มรื่น
ที่นั้นคือเรือนฉินของนางเมื่อในอดีต
เมื่อยามว่างหรืออารมณ์ไม่ดี นางมักจะมาที่นี่เป็นประจำ
เมื่อได้เห็นมันอีกครั้ง ครั้งนี้ความรู้สึกภายในใจของนางกลับแตกต่างไป
เพราะว่าตอนนั้น…นางดื่มน้ำชาถ้วยสุดท้ายที่เจียงอวี่เฉิงเป็นคนชงให้ที่นี่!
หลังจากนั้นชีวิตของนางก็เปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล!
หรือจะพูดว่า ที่แห่งนี้เป็นสถานที่ที่เจียงอวี่เฉิงลอบฆ่านางนั่นเอง!
ดังนั้นเขาจึงต้องให้ความสำคัญกับสถานที่แห่งนี้อยู่แล้ว!
เจียงอวี่เฉิงหยุดยืนอยู่ด้านหน้า จากนั้นก็หมุนกายกลับมา
“ประมุขอวี้ฉือ หากเดินตรงไปด้านหน้าก็จะเป็นเรือนฉินแล้ว ข้าจะพาท่านเข้าไปด้านใน แต่…“
สายตาของเขาหยุดลงที่ฉู่หลิวเยว่
ฉู่หลิวเยว่เม้มริมฝีปากแน่น
“อาจารย์ ท่านกับคุณชายใหญ่เจียงเข้าไปเถิด ข้าจะรอท่านอยู่ตรงนี้”
อวี้ฉือซงพยักหน้า
“ได้ อาจารย์จะรีบกลับมา”
เมื่อพูดจบ เจียงอวี่เฉิงก็สาวเท้าเดินผ่านทางเดินเก้าโค้งไปยังเรือนฉิน
ฉู่หลิวเยว่ยืนอยู่ที่เดิม มองแผ่นหลังของทั้งสองคนลับตาไป จากนั้นก็ค่อยๆ ยิ้มออกมา
เหมือนว่าเจียงอวี่เฉิงจะสามารถสัมผัสอันใดได้บางอย่าง จึงหันกลับมามองนาง
ริมทะเลสาบที่ไกลออกไป หญิงอาภรณ์แดงยืนเป็นสง่าอยู่ ใบหน้างดงามประดับด้วยรอยยิ้มน้อยๆ กำลังมองมาทางเขาอยู่
เพราะว่าระยะห่างที่ไกลกันมาก ดังนั้นใบหน้าและรูปร่างของนางจึงพร่าเลือนเล็กน้อย
แต่ในความพร่าเลือนนั้น กลับทำให้นางคล้ายคนผู้หนึ่ง
หัวใจของเจียงอวี่เฉิงเต้นแรงอย่างบ้าคลั่ง
ทันใดนั้นเอง ราวกับเห็นภาพเดียวกันปรากฏขึ้นในสมองของเขา
หญิงผู้หนึ่งสวมชุดชาววังที่หรูหรางดงาม อ่อนหวานแช่มช้อย กำลังยืนยิ้มอยู่ในจุดเดียวกันนั้น
หญิงสาวที่ทั้งงดงามและสง่า สวยสะกดใจทุกคน เสมือนเมฆาที่ลอยอยู่เหนือดวงอาทิตย์ สดใสพร่างพราว ทำให้คนไม่กล้าดูหมิ่น แต่ก็มีแรงดึงดูดมหาศาล ผู้คนจึงโหยหานางอย่างไม่รู้สึกตัว
ในตอนนั้นนางก็เคยยืนอยู่ริมทะเลสาบเช่นนี้ และยิ้มให้เขาเช่นนี้
เงาทั้งสองร่างค่อยๆ ซ้อนทับกัน ทำให้ภายในสมองของเขาสับสนไปหมด!
เจียงอวี่เฉิงหลับตาแน่น ตอนที่ลืมตาขึ้นมองอีกครั้ง ก็เห็นว่าฉู่หลิวเยว่นั่งลงตรงที่หินหยกริมทะเลสาบแล้ว
หินหยกเหล่านั้นเป็นหินที่คัดสรรมาอย่างดี แวววาวและเปล่งประกาย เมื่อสัมผัสระลอกน้ำ ก็ส่องแสงระยิบระยับ
เงาทั้งสองที่กำลังจะซ้อนทับกัน ก็แยกตัวออกทันที
เขาส่ายหน้าไปมา ในใจกลับมีความดูถูกแฝงเข้ามา
นางที่มาจากครอบครัวธรรมดา จะมีท่าทางจะมารยาทที่ดีได้อย่างใด
หากเป็น…
นี่มันก็ต่างราวฟ้ากับเหวเลย
เขาหมุนตัวกลับไป
ฉู่หลิวเยว่ที่นั่งอยู่ตรงนั้น กลับเขย่าขาของตัวเองเบาๆ มือข้างหนึ่งของนางก็ถูลงบนหินหยกข้างกายคล้ายตั้งใจคล้ายไม่ตั้งใจ