ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 584 ปิดบัง
ตอนที่ 584 ปิดบัง [รีไรท์]
ในสมัยที่ปฐมกษัตริย์ยังอยู่นั้นก็มีสวนซินหลี่แห่งนี้อยู่ก่อนแล้ว ตอนที่เสด็จพ่อยกให้นาง ท่านก็ได้ปรับปรุงพื้นที่แห่งนี้ขึ้นมาใหม่
ในตอนนั้นยังมาสอบถามความเห็นจากนางมากมายทีเดียว
สามารถพูดได้อย่างเต็มปากว่า ทุกอย่างในพื้นที่แห่งนี้ ได้จัดขึ้นตามความชอบของฉู่หลิวเยว่ทั้งหมด
โดยเฉพาะสวนเทพเนรมิตแห่งนี้…ฉู่หลิวเยว่แทบจะลงมือจัดมันด้วยตนเอง
หินหยกที่กองซ้อนกันอย่างเป็นระเบียบที่อยู่ใต้ร่างของนางนั้น มีสีและลวดลายแตกต่างกัน เมื่อจัดวางรวมกันจึงดูงดงามอย่างมาก
เมื่อลมพัดผ่านเข้ามา ระลอกน้ำในทะเลสาบก็กระทบฝั่ง เมื่อส่องสะท้อนไปทั่วแผ่นหยกทำให้เกิดแสงระยิบระยับพราวตา
ฉู่หลิวเยว่ก้มหน้าจ้องมองพวกมัน ราวกับว่าโดนทิวทัศน์เหล่านี้สะกดสายตา
องครักษ์ที่อยู่รอบๆ ก็จ้องมาที่นางครู่หนึ่ง แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจกับนางมากนัก
ได้ยินมาว่าฉู่หลิวเยว่ผู้นี้มาจากแคว้นเล็กๆ ที่อยู่นอกพรมแดนม่านฟ้า การที่นางได้เห็นสิ่งเหล่านี้ก็ถือเป็นสิ่งที่แปลกใหม่แล้ว
หลังจากผ่านไปสักพัก ฉู่หลิวเยว่ถึงได้สติกลับมา
ยังดีที่ของเหล่านี้ยังไม่ได้เคลื่อนย้ายไปไหน
เหมือนว่าในระยะหนึ่งปีที่ผ่านมานี้ เจียงอวี่เฉิงน่าจะไม่ค้นพบความลับของที่แห่งนี้
ฉู่หลิวเยว่จึงอดที่จะรู้สึกดีใจไม่ได้
ในตอนแรกที่นางทุ่มทั้งกำลังคนและทรัพยากรปรับปรุงสวนซินหลี่แห่งนี้ใหม่ เหตุผลที่สำคัญนั่นก็คือที่นี่มีการฝังและติดตั้งกลไกเป็นจำนวนมาก และเนื่องจากมันผ่านมาหลายปี มันจึงเสื่อมโทรมตามกาลเวลา
นางรู้จักที่แห่งนี้ดี รวมทั้งของเหล่านั้นด้วย
ตอนแรกเจียงอวี่เฉิงมักจะมาอยู่ที่นี่กับนางเป็นประจำ บางครั้งที่เราคุยกัน เขาก็ถามขึ้นมาอย่างไม่ได้ตั้งใจด้วย
ฉู่หลิวเยว่เลือกที่จะบอกเขาแค่เรื่องที่ไม่สำคัญ
แต่เรื่องสำคัญกว่านั้น นางไม่เคยพูดถึงมันเลย
โดยเฉพาะเรื่องเรือนฉิน
ตอนแรกนางแค่ยังจะเว้นพื้นที่ส่วนตัวเหลือไว้ให้ตนเอง แต่เมื่อมาคิดถึงตอนนี้แล้ว โชคดีที่ตอนนั้นนางไม่ได้พูดอันใดออกไป
เจียงอวี่เฉิงคิดว่าส่วนสำคัญนั้นอยู่ที่ทางเดินเก้าโค้งมาตลอด แต่ความจริงแล้ว…มันซ่อนอยู่ในหินหยกข้างทะเลสาบนี่ต่างหาก
หลังจากตรวจสอบทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ในใจของนางก็รู้สึกสงบขึ้นไม่น้อย จากนั้นนางก็เงยหน้าขึ้นไปมองเรือนฉินที่อยู่ฝั่งตรงข้าม
เจียงอวี่เฉิงกำลังหยิบกุญแจออกมาพอดี ก่อนจะเปิดห้องและเดินเข้าไปด้านในพร้อมกับอวี้ฉือซง
…
เรือนฉินนั้นไม่ใหญ่มีเพียงสองชั้นเท่านั้น
เมื่อประตูใหญ่ถูกเปิดออก กลิ่นขมฝาดและใสบริสุทธิ์ก็พุ่งเข้ามาแตะที่ปลายจมูก
อวี้ฉือซงตกตะลึงไปเล็กน้อย
“นี่มัน…กลิ่นกำยานสนทองหรือ?”
เมื่อเจียงอวี่เฉิงที่ยืนอยู่ด้านข้างได้ยินดังนั้นก็พยักหน้าเบาๆ แล้วกล่าวว่า
“ถูกต้อง”
สายตาของอวี้ฉือซงจับจ้องไปที่กู่ฉินหลังหนึ่งที่วางอยู่กลางห้อง
เขาเดินเข้าไป
นั่นคือฉินแกะสลักลายหางนกเฟิง ทำจากไม้ประดู่แดงและไหมสีทอง ทั้งชิ้นมีสีน้ำตาลแดง ยามแสงกระทบก็เปล่งประกายเป็นแสงสีทองพราวระยับ สายที่อยู่บนฉินนั้นขาดไปแล้วหนึ่งสาย
“ทุกๆ สองเดือน ข้าจะจุดกำยานสนทองมาที่กู่ฉินหลังนี้ด้วยตนเอง”
เจียงอวี่เฉิงอธิบายขึ้น
อวี้ฉือซงแล้วมองดูสายฉินที่ขาดนั้น
“นี่มัน…”
“ครั้งสุดท้ายที่องค์หญิงเล่นฉิน นางทำสายเอ็นเส้นนี้ขาด เดิมทีข้าก็คิดจะหาคนมาซ่อม แต่หลังจากคุร่นคิดอยู่นาน กลับยอมแพ้ นี่คือกู่ฉินที่องค์หญิงรักมากที่สุด ตอนนี้คนไม่อยู่แล้ว ต่อให้ซ่อมดีเท่าไหร่ คนผู้นั้นก็ไม่กลับมาเล่นแล้ว รังแต่จะเพิ่มความเศร้า”
เจียงอวี่เฉิงพูดขึ้นเสียงเบา
อวี้ฉือซงพยักหน้า ความเศร้าภายในใจก็เพิ่มพูนมากขึ้น
ความจริงแล้วนี่เป็นครั้งแรกที่เขากลับมาที่นี่ หลังจากที่นางจากไปแล้ว
เดิมทีเขาคิดว่าเวลาผ่านไปปีกว่าๆ แล้ว อาจจะทำให้อารมณ์เสียใจเบาบางลงไป
แต่ตอนที่กลับมาเห็นทุกอย่างด้วยตาตนเอง เขาถึงได้รู้ว่ามันไม่เป็นเช่นนั้นเลย
ความเจ็บปวดยังคงฝังรากลึกอยู่เหมือนเดิม
เจียงอวี่เฉิงกล่าวเตือนขึ้นมาว่า
“ท่านประมุขอวี้ฉือ ที่นี่ยังคงสภาพเหมือนเดิมทุกประการ ท่านอยากจะหยิบของชิ้นใด ก็เชิญหยิบเลยนะขอรับ”
อวี้ฉือซงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นก็มองไปรอบๆ ก่อนจะหยิบของขึ้นมาทีละอย่างสองอย่าง
เจียงอวี่เฉิงเดินตามอยู่ด้านข้างของเขา หลังจากยืนยันว่าของเหล่านั้นเป็นของที่เขาพูดถึงในเมื่อวันก่อน ก็ถึงได้สบายใจขึ้น
หลังจากนั้นเขาก็สาวเท้าเดินขึ้นชั้นสอง
ทันใดนั้นสีหน้าของเจียงอวี่เฉิงก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย
“ประมุขอวี้ฉือ ท่านหยิบของที่ท่านต้องการเรียบร้อยแล้วไม่ใช่หรือ?”
อวี้ฉือซงพูดขึ้น
“อ่า ที่เมื่อวานข้าพูดนั้นเป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น ที่ชั้นสองยังมีอีกเล็กน้อย เหตุใดหรือ? ห้ามขึ้นไปที่ชั้นสองหรือ?”
เจียงอวี่เฉิงกำหมัดกรอดและฝืนยิ้มออกมา
“จะเป็นไปได้อย่างใด? ข้าจะพาท่านขึ้นไปเอง”
เมื่อพูดจบเขาก็เดินนำหน้าอีกฝ่ายขึ้นไป
อวี้ฉือซงหรี่ตามองเล็กน้อย จากนั้นก็เดินตามขึ้นไปด้วย
ของที่ชั้นสองนั้นน้อยกว่าชั้นล่างมาก แต่ว่าของบางอย่างก็ยังถูกจัดวางอย่างดี
อวี้ฉือซงมองไปรอบๆ จากนั้นก็หยิบของขึ้นมาสองชิ้น ภายในใจก็มีความรู้สึกสงสัยมากยิ่งขึ้น
จะว่าไปแล้วที่นี่ก็ดูเหมือนจะไม่มีอันใดผิดปกติ แต่เหตุใดเมื่อครู่เจียงอวี่เฉิงถึงได้ดูตระหนกตกใจขนาดนั้นด้วยเล่า?
“ประมุขอวี้ฉือ ท่านหยิบของเสร็จแล้วใช่หรือไม่?”
เจียงอวี่เฉิงถามขึ้น
นี่กำลังจะไล่เขาอยู่สินะ
เจียงอวี่เฉิงมองไปรอบๆ ในที่สุดก็ตัดสินใจเดินออกมา
เมื่อมาถึงที่ด้านล่าง เขาเหลือบมองไปมองทางด้านหนึ่งอย่างไม่ได้ตั้งใจ แต่ตอนนั้นเองตัวของเขาก็แข็งค้างทันที
เสียงฝีเท้าของเจียงอวี่เฉิงดังขึ้นมาจากด้านหลังแล้ว
อวี้ฉือซงจึงต้องเดินต่อไปอย่างสงบ
เมื่อเดินไปที่ด้านข้างของกู่ฉินหลังนั้น เขาก็ชะงักฝีเท้าอย่างกะทันหัน
“กู่ฉินหลังนี้…มันน่าเสียดายจริงๆ…”
เจียงอวี่เฉิงไม่รู้ว่าเขากล่าวขึ้นมาด้วยเหตุใด จึงคิดว่าอีกฝ่ายเห็นของแล้วนึกถึงคน ดังนั้นเขาจึงพูดอย่างคล้อยตามว่า
“ใช่ขอรับ ตอนนี้สายฉินขาด คนจากไป เกรงว่าบนโลกนี้จะไม่มีคนดีดฉินได้ไพเราะอย่างองค์หญิงใหญ่อีกแล้ว”
ทันใดนั้นอวี้ฉือซงก็ถามขึ้นมาว่า
“จริงสิ เมื่อครู่เจ้าพูดว่า ครั้งสุดท้ายที่องค์หญิงเล่นฉินตอนที่นางเล่นนางได้ทำให้สายฉินขาดลงอย่างไม่ทันระวังใช่หรือไม่?”
“ใช่แล้วขอรับ”
“ตอนนั้นเจ้าก็อยู่ที่นี่ด้วยหรือ?”
แววตาของเจียงอวี่เฉิงสั่นไหวเล็กน้อย
“ไม่ได้อยู่ขอรับ หลังจากวันนั้นหนึ่งวันข้าได้พบกับองค์หญิงใหญ่ และนางก็ได้พูดเรื่องนี้ขึ้น”
“อย่างนี้นี่เอง…”
อวี้ฉือซงบ่นพึมพำออกมา ทันใดนั้นเขาก็พูดอย่างมีความนัยว่า
“ตอนนั้นนางคงรู้สึกไม่สบายใจอย่างมากสินะ? ในเมื่อฉินหลังนี้ เป็นฉินที่นางรักมากที่สุด”
เจียงอวี่เฉิงสัมผัสได้ว่าคำพูดของเขานั้นมันแปลกๆ ไป และรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาเล็กน้อย ดังนั้นเขาจึงพูดคล้อยตามเล็กน้อย แล้วไม่ได้พูดอันใดเพิ่มขึ้นอีก
จากนั้นอวี้ฉือซงก็สาวเท้าเดินออกมา
เจียงอวี่เฉิงกำลังจะเดินตามไป แต่อวี้ฉือซงก็พูดขึ้นมาว่า
“ข้าจะพาฉู่หลิวเยว่กลับไปเอง คุณชายใหญ่เจียงไม่ต้องมาส่งหรอก”
เดิมทีเจียงอวี่เฉิงก็ไม่ได้คิดจะออกไปส่งอยู่แล้ว จึงตอบรับอย่างง่ายดาย
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าจะขอกลับไปจุดกำยานสนทองที่กู่ฉินนั่นอีกครั้งก่อน”
เมื่อฉู่หลิวเยว่ลืมตาขึ้นมา ก็พบว่าอวี้ฉือซงกำลังเดินออกมาจากเรือนฉินคนเดียว
เจียงอวี่เฉิงไม่ได้ตามมาด้วย เขากลับหมุนตัวแล้วเดินกลับเข้าไปในเรือนแทน
ฉู่หลิวเยว่ลุกขึ้นยืน ขณะที่นางกำลังจะเปิดปากพูด นางกลับเห็นท่าทางผิดปกติของอวี้ฉือซง
หัวใจของนางสั่นไหวไปครู่หนึ่ง
“…อาจารย์?”
อวี้ฉือซงพูดขึ้นสั้นๆ ว่า
“พวกเรากลับกันเถิด”
ฉู่หลิวเยว่ก็ไม่ได้ถามอันใดมาก จึงพยักหน้า และเดินออกมาพร้อมอวี้ฉือซง
…
เจียงอวี่เฉิงเดินกลับเข้ามาในเรือนฉิน ทันทีที่ประตูปิดลง สีหน้าของเขาก็มืดครึ้มลงเช่นกัน
เมื่อครู่ตอนที่อวี้ฉือซงกำลังจะกลับ เหตุใดจู่ๆ เขาก็ถามคำถามแบบนั้นขึ้นมา?
ก่อนหน้านี้ยังดีๆ อยู่เลย
หรือว่าเขาจะค้นพบอันใดบางอย่างแล้ว?
แต่…เป็นไปไม่ได้!
เห็นได้ชัดว่าเขาจัดการที่นี่อย่างดีแล้ว!
หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่นาน เขาก็ยังหาสาเหตุไม่เจอ จึงต้องสะกดความสงสัยที่มีในใจลง
อาจจะเป็นเพราะช่วงนี้เขาคิดมากเกินไปแล้วละมั้ง…
…
อีกฝั่งหนึ่ง ฉู่หลิวเยว่เดินตามอวี้ฉือซงออกมาจากสวนซินหลี่แล้ว
ระหว่างทางทั้งสองคนก็เงียบไม่พูดไม่จา
เมื่อเดินออกมาอยู่ในจุดที่ห่างไกลแล้ว ในที่สุดอวี้ฉือซงก็หยุดฝีเท้าลง มือข้างหนึ่งยันกำแพงไว้ ร่างกายก็งอตัวลง
“อาจารย์ ท่านเป็นอันใดไปหรือ?”