ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 587 ความรวยทำให้คนอิจฉา
ตอนที่ 587 ความรวยทำให้คนอิจฉา [รีไรท์]
สองพันผนึกศิลาขาว!
ทุกคนเกือบคิดว่าตัวเองได้ยินผิดไปแล้ว พวกเขาจึงค่อยๆ เงยหน้าขึ้นไปมองด้วยความตกใจ! เพราะอยากจะดูสิว่าใครกันที่สามารถฟุ่มเฟือยได้ขนาดนี้
แต่เพราะว่าที่ชั้นสามนั้นเป็นห้องส่วนตัว ดังนั้นคนที่อยู่ชั้นล่างจึงไม่สามารถแยกแยะได้ว่าเสียงนั้นมาจากห้องหมายเลขใด
เพื่อป้องกันความเป็นส่วนตัวของลูกค้าที่ชั้นสาม ห้องส่วนตัวที่ชั้นสามของหออวี่เซี่ยงจึงสร้างด้วยวัสดุระดับพิเศษ
ไม่ว่าผู้ใดจะเปล่งเสียงอันใดออกมา แต่เสียงนั้นก็จะมีการผิดเพี้ยนไป ทำให้คนยากจะแยกแยะได้ว่าคนที่พูดนั้นคือผู้ใด
ต่อให้มีคุ้นเคยนั่งอยู่ด้านนอกห้องส่วนตัว ก็ไม่สามารถบอกได้อย่างแน่นอนว่านั่นเป็นเสียงของใคร
ดังนั้นแม้ว่าพวกเขาจะสงสัยมาก แต่ในความเป็นจริงนั้น พวกเขาแทบจะไม่สามารถสืบค้นได้เลยว่าคนผู้นั้นคือใคร
รอยยิ้มบนใบหน้าของซย่าโหวถิงอันก็แข็งค้างไปทันที ในใจของเขามีความประหลาดใจขึ้น จากนั้นก็แปรเปลี่ยนเป็นความโกรธ
คนผู้นั้นคือใครกันแน่? คาดไม่ถึงว่าจะตัดราคาเขาในเวลาแบบนี้?
และยังดึงราคาขึ้นจนถึงระดับนั้นอีกด้วย!?
กระบี่เทพเมฆาสำริดเล่มนี้ เป็นกระบี่ที่ไม่เลวจริงๆ แต่ราคามากที่สุดคือหนึ่งพันผนึกศิลาขาวเท่านั้น!
เมื่อครู่เขาเสนอราคาถึงหนึ่งพันสามร้อยผนึกศิลาขาวก็นับว่ายอดเกินราคาไว้มากแล้ว!
คิดไม่ถึงว่าจะมีคนเสนอราคาสองพันผนึกศิลาขาว!
คนผู้นั้นเป็นบ้าไปแล้วหรืออย่างใด?
เจียงอวี่จือขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าฉายความรังเกียจขึ้นมา
“ใครมันช่างใจกล้าขนาดนี้ คาดไม่ถึงว่าจะมาปล้นของของข้าอย่างเปิดเผยเช่นนี้!?”
ในเมื่ออีกฝ่ายอยู่ชั้นสาม เช่นนั้นก็ต้องเห็นอย่างแน่นอนว่านางกับซย่าโหวถิงอันอยู่ด้วยกันแน่นอน
เหมือนว่าซย่าโหวถิงอันจะเสนอราคาเพื่อนาง แต่ความจริงแล้วเขาไม่ได้เห็นนางอยู่ในสายตาเลย!
เจียงอวี่จือได้รับการเลี้ยงดูอย่างไข่ในหิน และเนื่องจากช่วงนี้มีความสัมพันธ์ที่เกี่ยวข้องกับเจียงอวี่เฉิง ทุกคนจึงเอาอกเอาใจนางมากขึ้น นางยกตนเองเป็นเจ้าหญิงที่สูงศักดิ์มาตั้งนานแล้ว แทบจะไม่เคยเห็นใครอยู่ในสายตาเลย
แต่ถือว่าซย่าโหวถิงอันยังมีสมองอยู่บ้าง
คนที่สามารถอยู่ที่ชั้นสามได้นั่น จะต้องรวยและมีอำนาจมากแน่นอน
กล้าเสนอราคาออกมาเช่นนี้ แสดงว่าจะต้องมีความมั่นใจอย่างมาก
“อวี่จือ อย่าเพิ่งวู่วาม ในเมื่ออีกฝ่ายเสนอราคามาเช่นนี้ พวกเราก็แข่งกับเขาก็พอ!”
เมื่อพูดเช่นนั้น ซย่าโหวถิงอันก็ยกป้ายเสนอราคาขึ้นอีกครั้ง
“สองพันหนึ่งร้อย!”
ตอนที่ได้ยินอีกฝ่ายเสนอราคาสองพันผนึกศิลาขาวขึ้นมา รอยเหี่ยวย่นที่อยู่บนใบหน้าของซ่งเจิงก็ผลิบานออกมาราวกับดอกไม้
และยิ่งเห็นซย่าโหวถิงอันเพิ่มราคาขึ้นไปอีก เขาก็ยิ่งชอบ
“สองพันหนึ่งร้อย ยังจะมีใครเสนอราคาอีกหรือไม่?”
แม้ว่าคำพูดนี้จะเหมือนพูดกับทุกคน แต่คนส่วนใหญ่ก็เข้าใจว่า เขากำลังพูดกับแขกลึกลับที่อยู่ชั้นสามต่างหาก
คนที่อยู่ชั้นหนึ่งถอนตัวจากการแข่งขันไปตั้งนานแล้ว ส่วนวันนี้คนชั้นสองก็มากันไม่ค่อยเยอะ โดยพื้นฐานแล้วพวกเขาจะต้องรู้จักเจียงอวี่จือและซย่าโหวถิงอันกันทั้งนั้น พวกเขาต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ จะได้กล้ายั่วโมโหพวกเขาทั้งสองคนนี้ เพราะกระบี่เพียงเล่มเดียว
ซย่าโหวถิงอันนั้นช่างเถิด แต่ประเด็นอยู่ที่เจียงอวี่จือผู้นั้น!
เจียงอวี่จือเป็นน้องสาวแท้ๆ ของเจียงอวี่เฉิง
พวกเขาคิดจะเริ่มประจบสอพลอแต่มันก็ไม่ทันแล้ว แต่จะมีใครกันที่กล้าล่วงเกินพวกเขาเช่นนี้?
ดังนั้นผู้ชมที่อยู่ชั้นสองจึงนั่งนิ่งเงียบ ทำตัวเป็นผู้ชมที่ดี
เช่นนั้นก็เหลือเพียงคนคนนั้นที่อยู่ชั้นสาม
“สองพันห้า”
น้ำเสียงเกียจคร้านดังเอือยๆ มา
แม้ว่าน้ำเสียงจะเปลี่ยนไป แต่ก็สามารถสัมผัสได้ถึงความไม่ใส่ใจได้อย่างไม่ยากเย็นนัก ราวกับเขาไม่ได้เอาเรื่องราวทั้งหมดนี้มาใส่ใจเลยสักนิด
อย่างใดก็ตามต่อให้เขาเอ่ยปากเสนอราคาแบบส่งๆ แต่ราคาก็เพิ่มขึ้นถึงสี่ร้อยผนึกศิลาขาว!
ตอนที่หนึ่งพันกว่าผนึกศิลาขาว จะต่อสู้แย่งชิงกันก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ปกติ
แต่ในราคาแบบนี้…การต่อสู้ครั้งนี้ต่อสู้เพื่อแย่งชิงกระบี่เล่มเดียวเท่านั้นเอง!
ใบหน้าของซย่าโหวถิงอันตึงเครียดขึ้นมา มือข้างหนึ่งจับที่วางแขนของเก้าอี้เอาไว้แน่น กำจนเล็บซีดขาวไปหมด
สองพันห้า…
ครั้งนี้ท่านพ่อให้เงินเขามาไม่น้อยเลยทีเดียว แต่ว่าราคานี้มัน…
เขาเหลือบสายตาไปมองที่ด้านข้าง จากนั้นก็ว่าเจียงอวี่จือขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าดูไม่พอใจอย่างมาก
ทันใดนั้นเองในใจของเขาก็มีเสียงดัง “ตึง” ขึ้น
สถานการณ์วันนั้นที่หอร้อยโอสถก็เป็นสถานการณ์แบบนี้เช่นเดียวกัน
หลังจากครั้งนั้น กว่าเขาจะสามารถง้ออวี่จือให้คืนดีได้นั้น มันไม่ง่ายเลย
แต่วันนี้ก็เหมือนเดิมอีกแล้ว…
ผลลัพธ์เช่นนี้เขาไม่สามารถรับไหวแน่นอน!
ซย่าโหวถิงอันกัดฟันกรอด ไม่ว่าอย่างใดก่อนหน้านี้เขาก็ได้พูดกับท่านพ่อไปแล้ว เงินที่ใช้สำหรับเจียงอวี่จือนั้นสามารถเบิกที่นอกบัญชีได้ ดังนั้นเขาจึงไม่มีอันใดต้องกลัวอีกแล้ว
ขอเพียงแค่สามารถสานสัมพันธ์กับเจียงอวี่จือได้ และเมื่องานแต่งงานจัดขึ้น สามารถเกี่ยวดองกับตระกูลเจียง ในอนาคตสามารถถอนทุนคืนจากส่วนนี้ได้โดยไม่ต้องกลัวอยู่แล้ว
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ในใจของเขาก็สงบมากยิ่งขึ้น
“สองพันแปดร้อย!”
ใบหน้าของเจียงอวี่จือดูดีขึ้นไม่น้อยเลยทีเดียว
“อวี่จือ เจ้าวางใจเถอะ ข้าเสียใจกับเรื่องราวในครั้งก่อนจริงๆ แต่ครั้งนี้ข้าจะต้องไม่…”
“ห้าพัน!”
ซย่าโหวถิงอันยังพูดไม่ทันจบ คาดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะเสนอราคาขึ้นมาอีกครั้ง!
ทุกคนอ้าปากค้างโดยพร้อมเพรียงกัน
ห้าพันผนึกศิลาขาว!
การลงมือครั้งนี้มันจะ…
กระบี่เป็นกระบี่ที่ไม่เลวจริง แต่ว่าราคาห้าพันผนึกศิลาขาวนั้น…มันเกินความเป็นจริงไปมากทีเดียว!
ในที่สุดก็มีเสียงซุบซิบนินทาดังขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้
“คนผู้นั้นคือใครกันแน่เนี่ย คาดไม่ถึงว่าจะกล้าใช้เงินมากขนาดนี้?”
“ห้าพันผนึกศิลาขาว…เพื่อกระบี่เล่มหนึ่ง…ข้าล่ะไม่เข้าใจโลกของคนมีเงินจริงๆ เลย…”
“หรือว่าพวกเขาเก็บเงินมาจากอากาศหรือ!?”
เสียงถกเถียงดังขึ้นอย่างชัดเจน
ฉู่หลิวเยว่ที่นั่งอยู่ในห้องส่วนตัวชั้นสาม ก็เลิกคิ้วขึ้นแล้วยิ้มออกมาเล็กน้อย
เงินของคนอื่น เขาจะเก็บมาจากอากาศหรือไม่นั้น นางไม่รู้
นางรู้เพียงแค่ว่า เงินของนางนั้น นางได้มาอย่างง่ายดายเหลือเกิน
ตอนที่นางเพิ่งมาถึงซีหลิง แม้แต่ “ค่าผ่านทาง” สิบผนึกศิลาขาวนางยังไม่มีเลย นางจึงต้องไปต่อสู้แย่งชิงเงินจำนวนนี้มา
ตอนนี้…เวลาผ่านไปยังไม่ถึงหนึ่งเดือนเลย แต่นางกลับเป็นเศรษฐีที่นั่งอยู่บนกองเงินกองทองเสียแล้ว
ความจริงแล้วตอนนี้นางก็ไม่รู้หรอกว่าตัวเองมีเงินอยู่เท่าไหร่
แต่ว่านั่นก็ไม่สำคัญ
ที่สำคัญก็คือ…นางมีเงินให้ใช้นั้นมันรู้สึกดีจริงๆ เลย!
ซย่าโหวถิงอันเหมือนคนที่โดนกระบองตีหัวอย่างแรง ร่างทั้งร่างของเขารู้สึกมึนงงสับสนไปหมด
เมื่อครู่เขาเพิ่งตะโกนคำว่าสองพันแปดร้อยไป ยังคิดอยู่เลยว่าขอเพียงแค่กัดฟันไป เขาก็สามารถสู้กับอีกฝ่ายได้อย่างแน่นอน
แต่คิดไม่ถึงว่า อีกฝ่ายจะกล้าเสนอราคาห้าพันผนึกศิลาขาวขึ้นมา!
เห็นได้ชัดว่าเจียงอวี่จือก็ตกตะลึงกับการเสนอราคาที่ก้าวกระโดดของอีกฝ่ายเช่นกัน นางจึงหยุดไปสักพักหนึ่ง
เมื่อเห็นว่าทั้งสองคนไม่มีปฏิกิริยาตอบรับใดๆ เสียงนั้นก็ดังขึ้นอีกครั้ง
“พวกเจ้ายังจะประมูลอีกหรือไม่? ถ้าเจ้าไม่เสนอราคา เช่นนั้นให้ข้าเสนอเพิ่มเอง?”
ใบหน้าของซย่าโหวถิงอันซีดขาว
“ข้าเสนอ! ห้า…ห้าพัน…”
เขายังไม่ทันได้พูดออกมา แต่คนผู้นั้นก็พูดต่อว่า
“หนึ่งหมื่น!”
ฉู่หลิวเยว่ลูบปลายคางของตัวเอง
ครั้งนี้ซย่าโหวถิงอันคงจะหุบปากได้แล้วสินะ?