ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 592 สมมติฐาน
ตอนที่ 592 สมมติฐาน [รีไรท์]
เมื่อมู่หงอวี่ได้ยินเสียงนี้ ก็รีบเงยหน้าขึ้นทันที!
“หลิวเยว่!”
ใบหน้าของนางมีทั้งรอยยิ้มประหลาดใจและดีใจปรากฏขึ้น นางรีบวิ่งเข้าไปหาฉู่หลิวเยว่ด้วยความรวดเร็ว!
แต่นางสะดุดขาตัวเอง จนเกือบจะล้มลงไปกองที่พื้นแล้ว
ฉู่หลิวเยว่รีบวิ่งขึ้นมาพยุงตัวของนางทันที
“หงอวี่ ตอนนี้เจ้าบาดเจ็บอยู่นะ ระวังหน่อยสิ…”
“หลิวเยว่! หลิวเยว่! เป็นเจ้าจริงๆ ด้วย!”
มู่หงอวี่ไม่สนใจบาดแผลของตัวเองเลย นางมองสำรวจฉู่หลิวเยว่ขึ้นลงด้วยแววตายินดี จากนั้นก็กอดนางแน่น
“ดีจังเลย!”
กอดไปกอดมาน้ำตานางก็ไหล
“ข้าคิดว่าจะไม่ได้เจอเจ้าอีกต่อไปแล้ว…”
นางยังคิดว่าตัวเองจะต้องตายอย่างแน่นอน แต่คิดไม่ถึงว่า นางไม่เพียงสามารถหนีออกมาได้ แล้วยังได้เจอเพื่อนที่สนิทที่สุดของนางด้วย!
ฉู่หลิวเยว่ลูบหลังของนางเบาๆ
“ไม่เป็นไรนะ ยังมีข้าอยู่”
นางปลอบมู่หงอวี่ไปพลาง และหันไปยิ้มขอบคุณเจี่ยนเฟิงฉือด้วยความซาบซึ้งด้วย
“คุณชายเจี่ยน ครั้งนี้ข้าต้องขอบคุณเจ้ามาก”
มุมปากของเจี่ยนเฟิงฉือโค้งขึ้นเล็กน้อย
“ไม่ต้องขอบคุณ กลับไปแล้วเอาเงินให้ข้าก็พอแล้ว”
สุ่ยหลิ่วเอ๋อร์เหลือบสายตามองเขา
“หึ!”
เมื่อครู่ยังร้อนรนจะช่วยอีกฝ่ายให้ได้ แต่ตอนนี้กลับวางท่าใหญ่โต
ฉู่หลิวเยว่ยิ้มบางๆ
“ได้เลย”
เจี่ยนเฟิงฉือชะงักไปครู่หนึ่ง คิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะตอบรับอย่างตรงไปตรงมาขนาดนี้
สุ่ยหลิ่วเอ๋อร์กล่าวเตือนเสียงเบาว่า
“เจ้าคิดดีแล้วหรือ? นางเอาเงินให้เจ้า มู่หงอวี่ก็จะไม่มีอันใดเกี่ยวข้องกับเจ้าอีกแล้วนะ”
ช่วงเวลาสั้นๆ ที่พวกเขาไปรับตัวมู่หงอวี่มา สุ่ยหลิ่วเอ๋อร์ก็ได้สอบถามเรื่องราวของมู่หงอวี่มาพอประมาณแล้ว
เจี่ยนเฟิงฉือเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
หือ?
คำพูดประโยคนี้ดูเหมือนจะไม่มีอันใดผิดปกติแต่เหตุใดฟังแล้วดูเหมือนแปลกๆ ล่ะ?
หากคิดให้ละเอียดแล้ว หกล้านกว่าผนึกศิลาขาวแลกกับร่างซวีหยวนอย่างมู่หงอวี่ ก็ไม่ถือว่าขาดทุนนะ…
แต่อารมณ์ของมู่หงอวี่นั้นเปลี่ยนแปลงเร็วมาก เดี๋ยวมีความสุข เดี๋ยวร้องไห้ นี่เป็นการระบายความคับข้องใจที่เกิดขึ้นในช่วงนี้
เมื่อเห็นว่านางสงบสติอารมณ์ได้แล้ว ฉู่หลิวเยว่จึงถามขึ้นอย่างอ่อนโยนว่า
“หงอวี่ พวกเรากลับบ้านกันก่อนนะ ดีหรือไม่?”
บาดแผลที่อยู่บนร่างกายของนางจำเป็นต้องได้รับการรักษา
ในที่สุดมู่หงอวี่ก็ปล่อยตัวนางออก จากนั้นก็คว้ามือของนางไปกุมไว้จนแน่น
นางรีบเช็ดคราบน้ำตาที่อยู่บนใบหน้า พร้อมพยักหน้าอย่างแรง
“ได้!”
หลังจากพวกเขาแยกย้ายกันกลับแล้ว เจียงอวี่จือก็เดินออกมาจากด้านใน
เมื่อเห็นแผ่นหลังของพวกเขาหลายคน เจียงอวี่จือก็ขมวดคิ้วแน่นอย่างสงสัย
นั่นมันเจี่ยนเฟิงฉือไม่ใช่หรือ?
คนที่อยู่ข้างเขาเหมือนว่าจะเป็นสุ่ยหลิ่วเอ๋อร์จากหอชุนเฟิง
เมื่อครู่นางเดินตามหลังพวกเขามา และบังเอิญเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังพาตัวผู้หญิงที่มีร่างซวีหยวนออกมาด้วย
หรือว่าคนที่ประมูลผู้หญิงคนนั้นคือเจี่ยนเฟิงฉือ?
ตอนแรกนางก็รู้สึกตกใจอยู่เล็กน้อย แต่เมื่อคิดไปคิดมาแล้ว เจี่ยนเฟิงฉือนั่นมีทั้งทรัพย์สินและความกล้าหาญอย่างแท้จริง
ด้วยความที่เขาเป็นคนกำเริบเสิบสานมาโดยตลอด ไม่ว่าจะทำอันใดก็จะทำตามใจตัวเองทั้งนั้น
ในเมืองซีหลิงมีคนที่มีอำนาจมากมาย แต่ส่วนใหญ่แล้วพวกเขาจะถูกผูกมัดด้วยกฎของตระกูล มีเพียงเจี่ยนเฟิงฉือเท่านั้น…ที่จะใช้ชีวิตอย่างตามใจตนเอง
ยิ่งไปกว่านั้น มีใครไม่รู้บ้างว่าเขาได้เงินจำนวนมากจากการพนันว่าฉู่หลิวเยว่จะเป็นที่หนึ่งในการแข่งขัน?
แต่หลังจากที่พวกเขาออกมาแล้วก็ได้เจอกับผู้หญิงคนนั้น…
ด้วยระยะที่ห่างไกลกัน อีกทั้งยังมีเจี่ยนเฟิงฉือที่บังการมองเห็นของพวกเขาทั้งสองด้วย เจียงอวี่จือจึงไม่สามารถมองเห็นว่าผู้หญิงคนนั้นมีลักษณะท่าทางเป็นอย่างใด
แต่ที่แน่ๆ คนคนนั้นเป็นผู้หญิง
ผู้หญิงคนนั้นไม่เพียงแต่จะรู้จักเจี่ยนเฟิงฉือ อีกทั้งเหมือนว่านางจะรู้จักผู้หญิงคนที่ถูกประมูลด้วย…ไม่เช่นนั้นพวกนางคงไม่มีท่าทางใกล้ชิดสนิทสนมขนาดนั้นหรอก
และก็ยังรู้สึกอีกว่าแผ่นหลังนั้นช่างดูคุ้นตาอย่างมาก เหมือนกับว่านางเคยเห็นที่ไหนมาก่อนสักแห่ง…
“อวี่จือ เจ้ากำลังมองอันใดอยู่หรือ?”
ซย่าโหวถิงอันเดินออกมาจากด้านหลังของนาง จากนั้นก็มองตามทิศทางสายตาของนาง แต่กลับไม่เห็นใครสักคน เขาจึงถามขึ้นด้วยความสงสัย
เจียงอวี่จือครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง
“คนที่จ่ายเงินหกล้านกว่าผนึกศิลาขาว คือเจี่ยนเฟิงฉือ”
ซย่าโหวถิงอันรู้สึกตกใจอย่างมาก
“เป็นเขานั่นเอง?”
มิน่าล่ะถึงกล้าจ่ายเงินขนาดนั้น…
ในใจของซย่าโหวถิงอันรู้สึกอิจฉาระคนไม่ได้รับความเป็นธรรม
เห็นได้ชัดว่าฐานะของพวกเขาสองคนนั้นไม่ได้ต่างแตกกันมาก แต่ทางด้านเขาที่ต้องจ่ายเงินหนึ่งหมื่นผนึกศิลาขาว กลับต้องคิดแล้วคิดอีก ในทางกลับกันเจี่ยนเฟิงฉือกลับสามารถโยนเงินหลายล้านทิ้งได้
ความแตกต่างนี้ ต่างกันราวฟ้ากับดินจริงๆ
ซย่าโหวถิงอันฝืนหัวเราะแล้วกล่าวว่า
“เจ้าก็รู้ไม่ใช่หรือว่าเขาก็เป็นคนเช่นนั้นอยู่แล้ว นั่นเป็นเพราะเขาอาศัยว่าตนเองเป็นนายน้อยของหุบเขาเขี้ยวมังกร ถึงได้ใช้เงินสิ้นเปลือง…”
เจียงอวี่จือแค่นหัวเราะ
“นั่นเพราะเขาสามารถหามาได้อย่างใดเล่า! ไม่เช่นนั้นเจ้าคิดว่าเจี่ยนชูเย่จะตามใจเขาเช่นนี้หรือ?”
ซย่าโหวถิงอันสำลักทันที ใบหน้าดูย่ำแย่อย่างมาก
นี่เจียงอวี่จือหมายความว่าอย่างใด? ดูถูกเขาอย่างนั้นหรือ?
เจียงอวี่จือกลับไม่ได้ใส่ใจสีหน้าที่เปลี่ยนไปของเขาเลย นางบ่นพึมพำต่อว่า
“แต่ว่าแม่นางคนนั้น…”
“แม่นางคนไหน?” ซย่าโหวถิงอันถามขึ้น
เจียงอวี่จือจึงอธิบายฉากที่นางเจอเมื่อครู่ให้อีกฝ่ายฟังอย่างง่ายๆ
ซย่าโหวถิงอันเงียบไปครู่หนึ่ง ทันใดนั้นก็เหมือนว่านึกอันใดขึ้นมาได้
“จริงสิ เมื่อครู่ข้าไปถามคนมา ให้ทายว่าวันนี้มีใครมาร่วมประมูลอีก?”
“ใคร?”
“แม่นางแซ่ฉู่คนนั้นไง”
ซย่าโหวถิงอันลากเจียงอวี่จือไปด้านข้าง หลังจากตรวจสอบแล้วว่าไม่มีใครแอบฟังอยู่ด้านข้าง เขาก็พูดขึ้นมาเสียงเบาว่า
“คนในหออวี่เซี่ยงนั้นล้วนปิดปากแน่นมาก ไม่ว่าจะถามอย่างใด ก็ไม่มีทางเปิดเผยฐานะของแขกที่อยู่ห้องส่วนตัวเลยแต่ว่าเมื่อถามบ่าวรับใช้ที่เฝ้าประตูก็ได้เรื่องแล้ว!”
ก่อนหน้านี้วิธีที่เขากับเจียงอวี่จือคิดได้ก็คือวิธีนี้
“ไม่ว่าใครที่มาที่นี่ก็จะผ่านประตูนี้ บ่าวรับใช้ผู้นั้นจดจำได้อย่างแม่นยำ ชั้นหนึ่งและชั้นสองพวกเราก็มองมาหมดแล้ว ดังนั้นจึงเหลือเพียงห้องส่วนตัวเท่านั้น”
“เมื่อครู่ข้าไปถามมา วันนี้ลูกค้าใหม่เข้ามาจริงๆ! ถ้าข้าเดาไม่ผิดละก็…คนนั้นน่าจะเป็นฉู่หลิวเยว่
อย่างแน่นอน!”
ซย่าโหวถิงอันยากจะซ่อนความตื่นเต้นของตนเองได้
ความจริงแล้วกว่าจะถามเรื่องออกมาได้นั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เขาจะต้องพยายามอย่างมาก
แต่ว่าเมื่อดูจากตอนนี้ ถือว่าคุ้มค่าไม่น้อย!
ตอนแรกเจียงอวี่จือมีสีหน้าประหลาดใจ ต่อมาก็กลายเป็นตกใจ
เมื่อเรียบเรียงเรื่องทุกอย่างเข้าด้วยกัน จะต้องเป็นอย่างที่นางคาดเดาเก้าในสิบส่วนแน่!
“ถ้าเช่นนั้นก็หมายความว่า แม่นางที่ข้าเห็นเมื่อครู่นี้ ก็คือฉู่หลิวเยว่สินะ?”
นางมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับเจี่ยนเฟิงฉือ!
อีกทั้ง…นางก็มาจากด้านนอกพรมแดนม่านฟ้า!
บางที…พวกนางอาจจะรู้จักกันอยู่แล้ว?
“ไม่เพียงเท่านั้น ข้ายังสงสัยอีกว่าคนที่แย่งประมูลกระบี่เทพเมฆาสำริดก็คือนาง”
ซย่าโหวถิงอันพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ครั้งที่แล้วนางก็ทำเรื่องคล้ายคลึงกัน ไม่มีใครรู้หรอกว่านางจะทำเรื่องแบบนี้เป็นครั้งที่สองหรือไม่? ข้าพูดว่ากระบี่เล่มนั้นไม่ได้มีค่าถึงหนึ่งหมื่นผนึกศิลาขาว แต่เหตุใดถึงมีคนยอมจ่ายเงินมากขนาดนั้น…นั้นหมายความว่านางวางแผนโจมตีพวกเรา!”
ไม่ว่าจะพุ่งมาที่เขา หรือว่าเจียงอวี่จือ…แต่ทำแบบนี้มันจะกำเริบเสิบสานเกินไปแล้ว!
สีหน้าของเจียงอวี่จือเปลี่ยนไปทันที นางกัดฟันกรอด
“เจ้าพูดได้ถูกต้อง…จะต้องเป็นนางแน่นอน!”
คนส่วนใหญ่ในเมืองซีหลิงนั้นล้วนหลีกทางให้นางเพราะเห็นแก่พี่ชายของนาง มีเพียงฉู่หลิวเยว่คนเดียวเท่านั้น!
“ข้าจะไปหานาง!”
เจียงอวี่จือมีความโกรธอยู่เต็มอก นางหมุนตัวจะเดินตามฉู่หลิวเยว่ไป
แต่ซย่าโหวถิงอันรีบคว้าแขนนางเอาไว้ก่อน
“อวี่จือ ตอนนี้พวกเรายังไปไม่ได้! เจ้าลืมเรื่องที่ข้าพูดกับเจ้าไปก่อนหน้านี้แล้วหรือ?”
เจียงอวี่จือชะงักฝีเท้า
“อีกทั้งนางใช้เงินประมูลกระบี่มาอย่างถูกต้อง พวกเราไปหาเรื่องนางเช่นนั้น มันไม่สมเหตุสมผลเลย…”
หน้าอกของเจียงอวี่จือกระเพื่อมอย่างรุนแรง หลังจากนั้นไม่นานนางก็ขึ้นด้วยน้ำเสียงโกรธแค้นว่า
“ครั้งหน้าข้าจะไม่ปล่อยนางไปแน่! ตอนนี้ข้าต้องไปหาท่านพี่!”