ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 60 สอบผู้ฝึกยุทธ์ ตอนที่ 61
ตอนที่ 60 สอบผู้ฝึกยุทธ์
กู้หมิงเฟิงก็ยกกระบี่ขึ้นมาพร้อมกัน!
เคร้ง…
เมื่อคมกระบี่ของทั้งสองกระทบกันจึงทำให้เกิดเสียงบาดแก้วหูและเกิดประกายไฟระยิบระยับ
หัวใจของฉู่เซียนหมิ่นหล่นวูบ พลังที่แฝงอยู่ในกระบี่ของกู้หมิงเฟิงแข็งแกร่งว่านางยิ่งนัก!
เมื่อครู่นี้เขาเก็บซ่อนพลังเอาไว้จริงๆ ด้วย!
เมื่อคิดถึงตรงนี้ได้ ฉู่เซียนหมิ่นก็ยิ่งกระวนกระวาย
ไม่ได้!
ข้าจะแพ้กู้หมิงเฟิงไม่ได้เด็ดขาด!
วันนี้นางต้องคว้าเอาที่หนึ่งมาให้ได้แน่นอน!
กู้หมิงเฟิงออกแรงที่ข้อมืออีกครั้ง กระบี่ยาวดันฉู่เฉียนหมิ่นให้ถอยเข้ามา!
ฉู่เซียนหมิ่นรู้สึกชาไปทั่วทั้งแขนแล้ว ดูเหมือนนางกำลังควบคุมกระบี่ในมือไม่ไหวแล้ว
ทันใดนั้นนางไหวตัวด้วยความปราดเปรียว ปล่อยกระบี่จากมือและย่อตัวลง จากนั้นก็เบี่ยงหลบไปทางด้านข้าง
ตอนแรกกู้หมิงเฟิงคิดว่าไม่ว่าอย่างไรนางก็ต้องกลับมาสู้อีกครั้งแน่นอน แต่เขากลับคิดไม่ถึงว่านางจะโยนดาบทิ้งแล้วหายไปจากตรงนี้ชั่วพริบตา
เดิมที่เขาถ่ายทอดพลังลงไปที่กระบี่ยาวอย่างเต็มเปี่ยม แต่ตอนนี้กลับว่างเปล่าแล้ว อีกทั้งยังทำให้ร่างของเขาไหวเอนไปมาด้วย!
และในชั่ววินาทีนั้นเอง ฉู่เซียนหมิ่นก็ได้อ้อมมาอยู่ข้างกายเขาแล้ว
ในมือของนางมีบางสิ่งที่ส่องแสงประกายเยือกเย็นและเฉียบคม
…ซึ่งก็คือมีดสั้นอันคมกริบ!
แต่กว่าที่กู้หมิงเฟิงจะทันรู้ตัว มีดสั้นเล่มนั้นก็พุ่งมาข้างหน้าและห่างจากลำคอของเขาเพียงครึ่งศอกแล้ว!
เมื่อเขารู้ตัวว่าต้องหมุนควงกระบี่เข้าต้านก็ไม่ทันการณ์เสียแล้ว
ภายใต้สถานการณ์คับขัน กู้หมิงเฟิงจึงทำได้เพียงถอยหลังไปอย่างรวดเร็ว
แต่เมื่อครู่นี้เขาไม่ได้ยืนมั่นคง เมื่อถึงคราวนี้จึงทำให้ร่างกายของเขาเสียสมดุลทันที!
แววตาที่เขามองฉู่เซียนหมิ่นพลันเย็นเฉียบ ฉู่เซียนหมิ่นกล้าลอบกัดข้ารึ!
ไฟแห่งความโกรธลุกโชนในใจเขา เขากำลังจะขยับตัว แต่จู่ๆ เขาก็นึกถึงอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จากนั้นสีหน้าของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย และลังเลอยู่ครู่หนึ่ง
ไม่ ตอนนี้ยังทำไม่ได้…
ขณะนั้นเองฉู่เซียนหมิ่นก็ได้มาถึงตรงหน้าเขาแล้ว
กู้หมิงเฟิงแอบใช้กำลังขาครึ่งหนึ่งเตะไปที่ข้อมือของฉู่เซียนหมิ่น
ปึก!
เขาเตะมีดสั้นในมือของฉู่เซียนหมิ่นจนลอยออกไป
แต่ฉู่เซียนหมิ่นได้เตรียมการไว้ก่อนหน้าแล้ว นางรับแรงส่งยกขาขึ้นมาถีบไปที่กลางหน้าท้องของกู้หมิงเฟิงทันที
กู้หมิงเฟิงกระเด็นออกไปพร้อมเสียงจุกดักอึกอัก จากนั้นก็ร่วงลงพื้นอย่างแรงแล้วทิ้งรอยลากยาวไปบนพื้น
ทุกคนที่อยู่รอบสนามต่างพากันเงียบสนิท
จากนั้นเสียงของอาจารย์ท่านหนึ่งก็ดังขึ้น
“กู้หมิงเฟิงออกนอกอาณาเขต การแข่งขันครั้งนี้ ฉู่เซียนหมิ่นเป็นผู้ชนะ!”
เมื่อฉู่เซียนหมิ่นได้ยินดังนั้นก็รู้สึกโล่งราวกับยกภูเขาออกจากอก!
ทุกคนที่รายล้อมต่างมองหน้าสบตากัน
“นี่…ที่ฉู่เซียนหมิ่นทำไปเมื่อครู่นี้ นางคงไม่ได้จงใจใช่หรือไม่”
“ข้าก็ว่าอย่างนั้น พลังของพวกเขาทั้งสองไม่ต่างกันมาก ไม่งั้นนางจะปล่อยกระบี่ไปอย่างง่ายดายเช่นนั้นได้อย่างไร กู้หมิงเฟิงก็คงไม่พลาดแน่นอน!”
“พวกเจ้าคงอิจฉาฉู่เซียนหมิ่นที่ได้ที่หนึ่งล่ะสิ พรสวรรค์และความสามารถของนาง ใช่ว่าจะไม่มีใครไม่รู้ การใช้วิธีการเช่นนี้ ก็ไม่เห็นอาจารย์จะว่าอะไรเลยนี่”
“แต่เมื่อครู่นี้ดูแล้วผิดแผกไปนิดหน่อย…”
อาจารย์ท่านหนึ่งเอ่ยขำ
“การแข่งขันก็คือการแข่งขัน บางครั้งจะมีไหวพริบมากว่าก็มิเห็นจะแปลก”
อาจารย์ท่านอื่นแสดงสีหน้าไม่พอใจเช่นกัน แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
พวกเขาต่างเห็นกันชัดเจน ฉู่เซียนหมิ่นใช้วิธีการตีล้อม แม้จะไม่ถูกต้องไปบ้าง แต่ก็ไม่ถือว่าเป็นความผิดใหญ่หลวงอะไร
เมื่อพวกเขาต่อสู้จริงๆ ในอนาคต พวกเขาจะพบกับสถานการณ์ที่อันตรายกว่านี้
แต่ถึงอย่างไร ดูเหมือนว่ากู้หมิงเฟิงไม่มีความตั้งใจที่จะแย่งชิงตำแหน่งอันดับหนึ่งอยู่แล้ว…
บรรดาอาจารย์ก็พูดมาขนาดนี้แล้ว เสียงสงสัยจากกลุ่มคนจึงค่อยๆ หายไป
ฉู่เซียนหมิ่นเดินมาข้างหน้าหรงจิ้น แล้วถอนหายใจออกมาเบาๆ
“โชคดีที่หม่อมฉันไม่ทำให้พี่จิ้นผิดหวัง”
หรงจิ้นยิ้มแล้วเอ่ยว่า “ความสามารถของเจ้าพัฒนากว่าแต่ก่อนมาก ดูแล้วอีกไม่รานคงบรรลุผู้ฝึกยุทธ์ขั้นที่สี่ได้แล้ว”
ไม่ว่าวิธีการระหว่างแข่งขันจะเป็นเช่นไร สิ่งที่เขาต้องการคือผลลัพธ์
“ก่อนหน้านี้ข้าสัญญากับเจ้าเอาไว้ว่าถ้าเจ้าสอบได้ที่หนึ่ง ข้าจะมอบรางวัลให้เจ้า”
ตอนนี้หรงจิ้นอารมณ์ดีขึ้นมาก แล้วมองหน้าฉู่เซียนหมิ่นอย่างสบายตาขึ้นมาก
ส่วนตำแหน่งพระชายาเอกนางคงเป็นไม่ได้แล้ว แต่ถ้าเป็นพระชายารอง…ก็ไม่เลวเหมือนกัน
“การสอบแข่งขันผู้ฝึกยุทธ์รุ่นที่สี่ร้อยห้าสิบสาม ผู้ชนะอันดับหนึ่งได้แก่ ฉู่…”
“ช้าก่อน!”
การประกาศของอาจารย์คุมสอบยังไม่ทันเสร็จสิ้น แต่ทันใดนั้นก็ถูกขัดจังหวะด้วยเสียงกังวานใสของหญิงสาว
ทุกคนต่างหันไปมองแล้วก็เกิดอาการตกตะลึง
“ฉู่หลิวเยว่ เจ้ามาได้อย่างไร” เดิมทีอาจารย์คุมสอบที่โดนขัดจังหวะมีอารมณ์คุกรุ่นเล็กน้อย แต่เมื่อเห็นว่าเป็นฉู่หลิวเยว่ น้ำเสียงของเขาก็อ่อนโยนลงมามาก
ฉู่หลิวเยว่มอบรอยยิ้มให้แล้วเอ่ยตอบ
“ศิษย์ต้องการเข้าร่วมสองผู้ฝึกยุทธ์เจ้าค่ะ”
ตอนที่ 61 ต่อสู้
“อะไรนะ เจ้าจะสอบผู้ฝึกยุทธ์หรือ”
อาจารย์ท่านนั้นถึงกับอึ้งกิมกี่
“เจ้าสอบปรมาจารย์มาแล้วมิใช่หรือ”
ฉู่หลิวเยว่อธิบาย
“ท่านอาจารย์ วันนี้ข้าเพิ่งเข้าเรียนวันแรก ยังไม่ทันได้เลือกเลยว่าจะเรียนสาขาใด ดังนั้นคงสามารถสอบผู้ฝึกยุทธ์ได้ใช่หรือไม่”
“นี่เจ้า…” อาจารย์ท่านนั้นชะงักค้าง “พูดเช่นนี้ก็ถือว่าไม่ผิดหรอกนะ แต่ว่า…แต่คือ ก่อนหน้าไม่เคยมีกรณีเช่นนี้เลยนี่นา”
โดยทั่วไปแล้ว แม้ว่าบางคนจะมีพรสวรรค์หลายอย่าง แต่ก็มักจะเลือกการฝึกฝนที่ถนัดเพียงประเภทเดียวเท่านั้น
ตัวอย่างเช่น บุคคลที่สามารถเป็นปรมาจารย์มักจะใช้พลังจำนวนมากในการสร้างค่ายกลแทนการฝึกฝนของผู้ฝึกยุทธ์
พลังขอแต่ละคนมีขีดจำกัด หากจับปลาสองมือ สุดท้ายก็ทำได้ไม่ดีสักอย่าง
ยิ่งไปกว่านั้น ชีพจรของฉู่หลิวเยว่หาได้สมบูรณ์ไม่ การเป็นปรมาจารย์คือทางเลือกที่ดีที่สุด หรือนางมีอะไรที่ยอมไม่ได้ ถึงได้อยากเข้าร่วมการสอบของผู้ฝึกยุทธ์นัก
“สำนักไม่ได้มีกฎเกณฑ์ว่าคนหนึ่งจะสอบได้เพียงอย่างเดียว หากแม่หนูผู้นี้อยากสอบนัก ข้าก็จะให้โอกาสก็แล้วกัน”
อาจารย์ท่านนั้นเงยหน้ามองแวบหนึ่งด้วยความตกตะลึง จากนั้นก็น้อมคำนับ
“คารวะผู้อาวุโสซุน”
ฉู่หลิวเยว่ก็หันไปมองเช่นกัน จากนั้นจึงก้มศีรษะอย่างขอบคุณ
ตอนแรกนางคิดจะขอร้องด้วยตนเอง ไม่คิดเลยว่าซุนจ้งเหยียนจะมาช่วยพูดให้แก่นาง ดูท่าทางแล้วเหมือนเขาคิดจะสนับสนุนนางอย่างเต็มที่
ขนาดซุนจ้งเหยียนก็เอ่ยปากแล้ว คนอื่นก็มิกล้าขัดอีกต่อไป
อาจารย์ท่านนั้นลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยความลำบากใจ
“ถ้าเจ้าอยากสอบก็ไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้ แต่…ตรงนี้เขาสอบเสร็จกันแล้ว รอบชิงชนะเลิศก็จบสิ้นไปแล้ว หากเจ้าอยากสอบล่ะก็ ต้องสู้กันตัวต่อตัวเพื่อตัดสินแพ้ชนะ แต่ทว่าตอนนี้ไม่มีตัวเลือกที่เหมาะสมกับเจ้า!”
ฉู่หลิวเยว่เชิดคางขึ้น
“นี่มีตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดมิใช่หรือ”
“ฉู่เซียนหมิ่นหรือ” อาจารย์ท่านนั้นพูดด้วยความตกใจ แล้วรู้สึกเหลือเชื่อ “เจ้าอยากสู้กับผู้ที่ได้อันดับหนึ่งอย่างนั้นหือ เจ้าไม่ได้เข้าใจผิดใช่หรือไม่”
ฉู่หลิวเยว่คงมิใช่ผู้โง่เขลาหรอกกระมัง
ชีพจรดั้งเดิมนางพิการ เกรงว่าแม้กระทั่งผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งนางก็ยังสู้ไม่ไหว แล้วนางจะสามารถสู้กับผู้ที่ใกล้จะบรรลุผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่อย่างฉู่เซียนหมิ่นได้อย่างไร
เมื่อลงสนามแล้ว คงรอแค่ให้นางแพ้อย่างเดียว
ฉู่หลิวเยว่ชะงักไปครู่หนึ่ง ทันใดนั้นก็เหยียดยิ้ม
“ไม่ผิดแน่นอนเจ้าค่ะ เพราะว่า…ข้าต้องการคว้าเอาที่หนึ่งมาให้ได้!”
…
หลังจากรอบชิงชนะเลิศ เขตพื้นที่การสอบผู้ฝึกยุทธ์ก็สงบลง และหลายคนก็เตรียมที่จะออกไปแล้ว
แต่คาดไม่ถึงว่าฉู่หลิวเยว่ต้องการเข้าร่วมสอบแข่งขันด้วย ที่สำคัญนางต้องการท้าทายคู่ต่อสู้อย่างฉู่เซียนหมิ่น!
กลุ่มคนที่สงบลงได้ไม่นาน ก็เริ่มฮือฮาอีกครั้ง!
“จริงหรือเล่น! ฉู่หลิวเยว่จะสู้กับฉู่เซียนหมิ่นเนี่ยนะ!”
“ฮ่าๆ เมื่อครู่นี้ข้ามิได้หูฝาดไปหรือไม่ว่านางต้องการชนะที่หนึ่ง!”
“โอ้…ฉู่หลิวเยว่ผู้นี้คมในฝักจริงๆ วันนี้นางยังโดดเด่นไม่พออีกหรือ!”
“สองพี่น้องสู้กัน แถมยังมีองค์ชายรัชทายาทยืนดูข้างสนามอีกด้วย น่าสนุกเร้าใจจริงๆ!”
หากตรงนี้ไม่ได้มีคนรายล้อมมากมาย ฉู่เซียนหมิ่นก็อยากจะหัวเราะให้ฟันร่วงหมดปากอยู่เหมือนกัน
ฉู่หลิวเยว่อยากสู้กับนางเพื่อเป็นที่หนึ่งอย่างนั้นน่ะหรือ
หากเป็นด้านปรมาจารย์ นางคงเอาชนะฉู่หลิวเยว่ไม่ได้ แต่ถ้าหากเป็นการต่อสู้ระหว่างผู้ฝึกยุทธ์ล่ะก็…ฉู่หลิวเยว่รนหาที่ตายชัด!
“ท่านพี่ พี่จะท้าทายข้าจริงๆ หรือ”
ฉู่เซียนหมิ่นกำลังอิจฉาริษยาและความหงุดหงิดโมโหไม่รู้จะระบายเช่นไร แต่คิดไม่ถึงว่าฉู่หลิวเยว่จะรนหาที่ตายด้วยตัวเอง
ฉู่หลิวเยว่เลิกคิ้ว
“เจ้าไม่รับหรือ”
“หากเป็นคำสั่งของพี่ น้องต้องเคารพเป็นเรื่องธรรมดา แต่ท่านพี่สบายใจได้ ข้าจะ ระวัง ไม่ให้พี่บาดเจ็บแน่นอน”
นางพูดพร้อมกับหันไปยิ้มให้อาจารย์ท่านนั้น
“อาจารย์ โปรดอนุญาตให้จัดการแข่งขันครั้งนี้ด้วยเถิดเจ้าค่ะ”
เมื่อเห็นว่าทั้งสองต่างยินยอมพร้อมใจกัน ผู้อื่นก็ขัดไม่ได้เป็นธรรมดา
“ได้! เช่นนั้นก็เพิ่มการแข่งขันอีกรายการ แต่ว่าข้าข้อย้ำอีกครั้ง ต้องสิ้นสุดกันแค่ตรงนี้!”
ฉู่หลิวเยว่ไม่ปฏิเสธ
หรงจิ้นมองมาทางหญิงสาวจากที่ไกลๆ ด้วยแววตาสับสน
จากหญิงสาวที่เคยอ่อนแอ บัดนี้กลายมาเป็นอัจฉริยะด้านปรมาจารย์
นางจงใจมาที่แห่งนี้ เพราะต้องการพิสูจน์อะไรบางอย่างต่อหน้าเขาอย่างนั้นหรือ
ทว่ารอนานแล้ว ฉู่หลิวเยว่กลับไม่ปรายตามองมาทางนี้เลยสักนิด ราวกับว่าไม่ได้สนใจเขาตั้งแต่แรก
หรงจิ้นรู้สึกโมโหแปลกๆ จากนั้นจึงหันไปมองฉู่เซียนหมิ่น แล้วเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“รักษาเนื้อรักษาตัวด้วย อย่าให้ข้าเป็นห่วง ข้าจะรอเจ้าคว้าที่หนึ่งกลับมา แล้วข้าจะฉลองให้กับเจ้า”
Next