ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 600 วิธีนองเลือด
ตอนที่ 600 วิธีนองเลือด [รีไรท์]
บนร่างกายของเขานั้นสะอาดสะอ้าน แต่ทว่าปราณที่แผ่ออกมาจากร่างกายนั้นเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดเข้ม ด้วยใบหน้าดั่งเทพเซียนตกสวรรค์ แต่กลับทำให้รู้สึกเหมือนเทพแห่งสงครามที่ผุดขึ้นมาจากนรกมากกว่า!
เขาก้าวเดินไปด้านหน้า เสียงฝีเท้าดังก้องเข้าไปในโสตประสาทของทุกคน
ตึก!
ตึก!
ตึก!
ในที่สุดเขาก็หยุดยืนอยู่ตรงกลางท้องพระโรง!
ทันใดนั้นท้องพระโรงก็มีเพียงความเงียบ เพราะว่าโดนรัศมีของชายผู้นี้กดทับเอาไว้ทั้งหมดแล้ว
ด้วยอายุของเขา แต่เมื่อยืนอยู่ตรงหน้าของผู้อาวุโสทั้งหลาย เขาก็ไม่ได้ดูอ่อนแอไปกว่ากันเลยสักนิด
หัวใจของคนจำนวนไม่น้อยระส่ำเหมือนมีคนตีกลองอยู่ด้านใน
แม้ว่าคนผู้นี้จะอายุยังน้อย แต่เขาก็เป็นโอรสสวรรค์ที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดแล้ว มันแตกต่างจากเมื่อก่อนอย่างมาก…
เมื่อสองสามปีก่อน ตอนที่เขาเพิ่งถูกแต่งตั้งเป็นโอรสสวรรค์ เขายังคงบริสุทธิ์และได้รับความนิยม
แต่คาดไม่ถึงว่าตอนนี้แม้กระทั่งพวกเขาก็ยังเริ่มหวาดกลัวอีกฝ่ายแล้ว…
เพราะนี่คืออำนาจ พลัง และความมั่นใจที่แข็งแกร่ง!
คนที่เตรียมคำถามจะซักไซ้ไล่เลียงเขาเมื่อก่อนหน้านี้ กลับไม่มีใครพูดอันใดออกมาสักคน
เป็นหรงซิวที่ทำให้พวกเขาแข็งค้าง
“ผู้อาวุโสทุกท่าน ปกติแล้วล้วนอาศัยอยู่ด้วยความสันโดษ แต่เหตุใดวันนี้มากันพร้อมหน้าพร้อมตาได้เล่า?”
ทุกคนตื่นจากภวังค์ และหันมองหน้ากันไปมาทันที
จริงสิ!
ที่พวกเขามากันวันนี้ก็เพื่อจัดการหรงซิว!
เหตุใดแค่เพิ่งเจอหน้ากันถึงได้แสดงความขี้ขลาดขนาดนี้ได้เล่า?!
ชายชราผู้หนึ่งที่นั่งใกล้ตำแหน่งด้านหน้า ก็พูดขึ้นมาเสียงเบาพร้อมลูบเคราของตนเองไปมา
“ฝ่าบาท ได้ยินมาว่าท่านเพิ่งฆ่าล้างตำหนักหวู่ซวงไปหรือ?”
หรงซิวพยักหน้าอย่างเฉยเมยแล้วพูดอย่างไม่ใส่ใจว่า
“ถูกต้อง”
เขายอมรับอย่างตรงไปตรงมา จึงทำให้ทุกคนไม่รู้ว่าจะต่อความยาวอย่างใด
ท่าทางของเขาหนักแน่น มั่นอกมั่นใจเกินไปแล้วมั้ง!?
ต่อให้เป็นองค์ชาย แต่เมื่อมีท่าทางบังอาจเช่นนี้ มันจะไม่เกินไปหน่อยหรือ?
ท่านผู้เฒ่าเหล่านั้นล้วนมีใบหน้ามืดครึ้มหลายส่วน น้ำเสียงเย็นชาขึ้น
“ฝ่าบาท ตำหนักหวู่ซวงเป็นหนึ่งในยี่สิบแปดกระทรวง ปกติแล้วไม่เคยทำความผิดร้ายแรง ที่ท่านทำเช่นนี้ ถือเป็นการทำร้ายจิตใจของกระทรวงอื่นๆ ด้วย เช่นนี้มันจะหยาบช้าเกินไปแล้วนะพ่ะย่ะค่ะ!”
เมื่อเขาพูดขึ้นเช่นนี้ ก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่คล้อยตาม
“ใช่แล้ว! ฝ่าบาทลงมือกับพวกเขาอย่างไม่มีเหตุผล จะให้อธิบายกับกระทรวงอื่นๆ อย่างใด?”
“ก่อนหน้านี้ ท่านก็ได้จากที่นี่ไปเป็นเวลานาน เมื่อท่านกลับมา ก็ฆ่าคนของตำหนักหวู่ซวงเสียหมด ไม่เหลือไว้แม้แต่คนเดียว…เช่นนี้ย่อมหลีกเลี่ยงการวิพากษ์วิจารณ์ได้ยาก…”
“ตอนนี้การฟ้องร้องของกระทรวงต่างๆ ก็โปรยมาดั่งเกล็ดหิมะ หากถ้ายังไม่ออกหน้าไปอธิบายอีกละก็ เกรงว่าคงยากนักที่จะได้รับการยอมรับ…”
คนในท้องพระโรงก็เริ่มส่งเสียงดังเซ็งแซ่ขึ้นมา
หากดูไปแล้ว จะเห็นว่าพวกเขาทำไปเพื่อชื่อเสียงของหรงซิว และคำนึงถึงความมั่นคงของกระทรวงทั้งหลาย แต่ทุกคำที่พูดออกมานั้นล้วนโจมตีหรงซิวอย่างรุนแรงและโหดเหี้ยม
หรงซิวยืนอยู่ตรงหน้าอย่างเงียบงัน คล้ายฟังคล้ายไม่ฟัง สีหน้าของเขาไม่ได้เปลี่ยนไปเลยตั้งแต่เดินเข้ามาจนถึงตอนนี้
ปฏิกิริยาของเขาเช่นนี้ กระตุ้นความไม่พอใจของคนจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว
“…ฝ่าบาท? องค์ชาย? ท่านกำลังฟังอยู่หรือไม่? ตอนนี้เรื่องมันปะทุขึ้นมาแล้ว ท่านไม่คิดจะแก้ไขปัญหาเลยหรือ?”
ชายชราที่เริ่มพูดคนเดียวถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
เมื่อหรงซิวได้ยินดังนั้น ริมฝีปากบาง แดงเย้ายวน ก็ยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย แต่ทว่ารู้สึกหนาวเหน็บอย่างมาก
“ตัวข้านั้นมีฐานะเป็นโอรสสวรรค์ มีหน้าที่รับผิดชอบยี่สิบแปดกระทรวง แต่ตอนนี้บันทึกกล่าวโทษของกระทรวงทุกกระทรวง กลับอยู่ในมือของผู้อาวุโสถงชวน…”
ทุกคนก็เงียบเสียงลงทันที
สีหน้าของผู้อาวุโสถงชวนแข็งค้าง
เขาตั้งใจจะใช้โอกาสนี้เพื่อจัดการหรงซิว แต่ลืมไปว่าตนเองได้รับบันทึกกล่าวโทษมาแล้ว เช่นนี้มันไม่สมเหตุสมผลเลย!
เขาชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ฝืนพูดขึ้นมาว่า
“เพราะองค์ชายไม่ได้อยู่ที่นี่นาน ดังนั้นบันทึกกล่าวโทษเหล่านั้นจึงตกมาอยู่ที่ข้า…”
หรงซิวพูดขึ้นเสียงเรียบ
“ข้ากลับมาที่นี่ครึ่งเดือนกว่าแล้ว นอกจากวันที่ข้ายกกองทัพไปที่ตำหนักหวู่ซวงวันนั้น ที่เหลือก็อยู่ที่นี่โดยตลอด แต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาว่าผู้อาวุโสถงชวนจะส่งกลับคืนมาแม้แต่น้อย…จนข้าเกือบจะคิดว่า ท่านตั้งใจจะยึดกุมอำนาจเป็นของตนเองแต่เพียงผู้เดียวแล้ว”
สีหน้าของผู้อาวุโสถงชวนดูย่ำแย่ขึ้นอย่างมาก
หากคำพูดนี้แพร่กระจายออกไป ก็ไม่รู้ว่าจะมีผลกระทบต่อชื่อเสียงของเขามากน้อยขนาดไหน!
เขาแผ่กระจายรัศมีที่ไม่น่าเข้าใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ
“ฝ่าบาทเข้าใจผิดแล้วพ่ะย่ะค่ะ เดิมทีข้าก็วางแผนไว้ว่าหลังจากที่ท่านกลับมาครานี้ ข้าจะมอบทุกอย่างคืนให้ท่าน…เพียงแต่เพราะว่าเรื่องราวของตำหนักหวู่ซวงนั้นรุนแรงอย่างมาก ข้าจึงลืมสนใจเรื่องนี้ไป…”
หรงซิวยกยิ้มขึ้นน้อยๆ
“ข้าเองก็คิดเช่นนั้น ผู้อาวุโสถงชวนมีคุณธรรมสูงส่ง จะทำเรื่องเช่นนั้นได้อย่างใด เมื่อกลับไปแล้วรบกวนท่านผู้อาวุโสถงชวนคืนสมุดทั้งหมดนั้นให้ข้าด้วยนะ”
ผู้อาวุโสถงชวนตอบตกลงอย่างไม่มีทางเลือก
ทั้งสองคนพูดโต้ตอบกันไปมา ท่ามกลางกระแสน้ำนิ่งแต่ภายในกลับเป็นน้ำลึก เชี่ยวกราก
ทุกคนสามารถสัมผัสได้ถึงจิตสังหารที่อบอวลอยู่ในอากาศ พวกเขาจึงปิดปากสนิท
หรงซิวมองไปรอบๆ จากนั้นก็ค่อยๆ พูดขึ้นมาว่า
“ที่ข้าลงมือกับตำหนักหวู่ซวงนั้น นั่นย่อมมีสาเหตุแน่นอน ขณะที่ข้าอยู่ด้านนอก ตำหนักหวู่ซวงส่งคนไปลอบสังหารข้า โทษระดับนี้ เป็นโทษที่ไม่สามารถให้อภัยได้!”
ทุกคนมองหน้ากันไปมา
บ้างก็มีสีหน้าตกใจ บ้างก็มีสีหน้าสงสัย…
ผู้อาวุโสถงชวนลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดขึ้นว่า
“ต่อให้คนของตำหนักหวู่ซวงส่งคนไปลอบสังหารท่านจริง แต่ก็จับกุมและประหารคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ไว้ก็เพียงพอแล้ว เพื่อจะได้เป็นอุทาหรณ์ เหตุใดท่านจะต้องฆ่าล้างบางพวกเขาด้วย? ข้าว่าการกระทำของฝ่าบาทนั้นเกินกว่าเหตุมาก…”
“คนผู้นั้นไม่ได้มีบุญคุณความแค้นกับข้า อยู่ๆ ที่เขาทำเรื่องเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าเขารับคำสั่งมา จางโหย่วฟางแม้กระทั่งเรื่องเล็กเช่นนี้ยังทำไม่ได้ แน่นอนว่าเขาจะต้องได้รับโทษอยู่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้น ตำหนักหวู่ซวงเคยทำเช่นนี้มาหลายครั้งแล้ว ข้าต้องอดทนอดกลั้นมาครั้งแล้วครั้งเล่า เดิมทีข้าคิดว่าพวกเขาจะสำนึกผิด แต่คิดไม่ถึงว่านี่จะเป็นการเลี้ยงลูกเสือลูกจระเข้ เกือบจะทำให้เกิดการสูญเสียเสียแล้ว”
แววตาของหรงซิวนั้นเย็นชาดุจมีด พร้อมกวาดสายตาไปยังทุกคน
“ตำหนักหวู่ซวงมีใจคิดทรยศ ในเมื่อพวกเขาทำถึงเช่นนี้แล้ว เหตุใดข้าจะต้องให้ความเมตตาพวกเขาอีกเล่า? แล้วอีกอย่าง…ยังกล่าวหาว่าข้าโหดเหี้ยมไร้น้ำใจอีก…”
“ข้าก็เป็นเช่นนี้มาโดยตลอด แล้วอย่างใดต่อเล่า?”
น้ำเสียงของเขาราบเรียบ แต่กลับทำให้คนสะอึกขึ้นมา
ใช่แล้ว!
ถ้าหรงซิวเป็นคนที่จิตใจดี มีเมตตา เขาจะสามารถครอบครองตำแหน่งโอรสสวรรค์ได้อย่างใด?
ผู้อาวุโสถงชวนอ้าปากค้าง แต่ก็พูดอันใดไม่ออกสักคำ
หรงซิวกล่าวต่อว่า
“ข้ารู้ว่าในกระทรวงต่างๆ นั้นมีคนที่ไม่ยอมรับข้า ปกติแล้วก็สร้างปัญหาหยุมหยิม แต่ว่าข้านั้นไม่คิดเล็กคิดน้อย และไม่ได้เห็นมันอยู่ในสายตาเลย แต่ถ้ามีใครที่สนใจตำแหน่งของข้าจริงๆ ข้าก็ยินดีที่จะสู้กับพวกเขาสักตั้ง! ส่วนเรื่องตำหนักหวู่ซวงเป็นแค่ตัวอย่างเท่านั้น!”
ทุกคนต่างรู้สึกตกใจอย่างมาก!
หรือว่าการที่หลายปีก่อนหรงซิวยอมถอยครั้งแล้วครั้งเล่า นั่นเพื่อทำให้พวกเขาลืมว่าแท้ที่จริงแล้วหรงซิวเป็นคนอย่างใด
เมื่อมาถึงตอนนี้ พวกเขาถึงได้ตื่นจากภวังค์…คนที่สามารถแย่งตำแหน่งโอรสสวรรค์มาได้นั้น จะเป็นลูกพลับนิ่มได้อย่างใด!
นั่นเขาหมายความว่า…ต่อจากนี้ไป เขาจะใช้มาตรการและวิธีการที่เข้มงวดมากขึ้นหรือ?
มีคนจำนวนไม่น้อยที่ยังจำภาพเลือดนองเป็นแม่น้ำได้อยู่เลย ในใจก็เต้นตึกตัก แล้วหันไปมองทางผู้อาวุโสถงชวน
ผู้อาวุโสถงชวนก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดขึ้นว่า
“ที่ฝ่าบาทพูดมานั้นถูกต้อง แต่ในกระทรวงนั้นมีคนอยู่เป็นจำนวนมาก หากท่านจะใช้วิธีนองเลือดเพื่อจัดการทุกปัญหานั้น เกรงว่าจะสร้างความโกรธแค้นให้กับหลายฝ่าย…”
เมื่อสิ้นเสียงนั้น ที่ด้านนอกของท้องพระโรงก็มีเสียงหัวเราะดังขึ้น
“ฮ่าๆ! นี่คือโลกของผู้แข็งแกร่งเป็นใหญ่ การที่ฝ่าบาททำเช่นนี้มันผิดตรงไหนกัน?”