ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 604 ไม่รู้ความ
ตอนที่ 604 ไม่รู้ความ [รีไรท์]
นางถือว่าอวี้ฉือซงเป็นอาจารย์ของนางอย่างจริงใจ และนับถือเขาด้วยใจจริง
ก่อนหน้านี้นางไม่มีโอกาสเช่นนี้ และเขาก็มีบุญคุณต่อนางมาก ตอนนี้ถือว่ามีโอกาสได้ตอบแทนแล้ว
อวี้ฉือซงมองหน้าฉู่หลิวเยว่ แววตามีคลื่นอารมณ์พวยพุ่งออกมา เขาเงียบอยู่นานสุดท้ายก็พูดขึ้นว่า
“หลิวเยว่ เจ้าเพิ่งคารวะข้าเป็นอาจารย์ได้ไม่นาน แต่กลับทำให้ข้ามากมายขนาดนี้…”
ถ้าพูดตามหลักแล้ว ต่อให้เป็นศิษย์อาจารย์กัน แต่ก็เพิ่งรู้จักได้ไม่นาน พวกเขาจึงไม่มีทางทำเรื่องเช่นนี้แน่นอน
ตั้งแต่แรกก็เหมือนว่าฉู่หลิวเยว่จะปฏิบัติตัวต่อเขาและสำนักชงซูเก๋ออย่างดี
ไม่ว่าจะเป็นตอนที่เลือกสำนักชงซูเก๋ออย่างไม่ลังเล หรือว่าตอนที่ช่วยเขานำของเหล่านี้กลับมาให้…
เขาไม่มีอันใดต้องพูดแล้ว
ไม่ใช่แค่นางมีเงินถึงได้ทำเรื่องเช่นนี้อย่างแน่นอน
ที่มากไปกว่านั้น คือหัวใจของนาง
ฉู่หลิวเยว่เอียงศีรษะ แล้วยิ้มขึ้น
“อาจารย์ก็ช่วยข้ามาตั้งเยอะแล้วไม่ใช่หรือ? ถ้าไม่ได้ท่าน ข้ากับเสี่ยวโจวอาจจะไม่มีที่ซุกหัวนอนด้วยซ้ำ!”
ริมฝีปากของอวี้ฉือซงโค้งขึ้น แต่กลับไม่ได้พูดอันใด
ด้วยความสามารถของฉู่หลิวเยว่ ต่อให้เขาไม่มอบเรือนหลังนั้นให้พวกเขา นางก็สามารถหาที่พักที่ดีกว่าที่นั่นได้อยู่แล้ว
เดิมทีเขาอยากจะถามอีก แต่คำพูดมันก็ติดอยู่ที่ปาก เมื่อเห็นรอยยิ้มที่อยู่บนใบหน้าของฉู่หลิวเยว่ เขาก็พูดอันใดไม่ออกอย่างกะทันหัน
ความจริงแล้วครั้งแรกที่เขาเห็นนาง เขาก็รู้สึกสะดุดตาอย่างมาก
ไม่รู้ว่าเหตุใด เมื่ออยู่ต่อหน้าฉู่หลิวเยว่ เขาถึงได้รู้สึกสนิทสนมและใจอ่อนเป็นพิเศษ
ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่ยกนกหวีดที่จะมอบให้เสี้ยวจันทร์น้อยให้กับนางหรอก
เดิมทีแล้วนั่นเป็นของที่เขาเตรียมจะใส่ลงโลงไปพร้อมกัน
แม้ว่าเขาจะมอบให้ฉู่หลิวเยว่และเชียงหว่านโจวคนละอัน
แต่ความจริงแล้ว เหตุผลหลักๆ ก็อยู่ที่ฉู่หลิวเยว่
บางทีอาจจะเป็นโชคชะตาของคนทั้งสอง และมันค่อนข้างจะละเอียดอ่อนอย่างมาก…
“หลิวเยว่ เจ้ามาเล่นหมากรุกกับอาจารย์เป็นอย่างใด?”
ทันใดนั้นอวี้ฉือซงก็พูดขึ้น
ฉู่หลิวเยว่ตื่นเต้นขึ้นมาเล็กน้อย
“ได้เจ้าค่ะ”
อวี้ฉือซงพูดขึ้น
“เมื่อครู่อาจารย์เพิ่งเดินไป เจ้าเป็นหมากสีขาว ถึงตาเจ้าลงแล้ว”
ฉู่หลิวเยว่หยิบหมากออกจากโถใส่หมากที่อยู่ด้านข้าง สัมผัสเรียบลื่น มันเงา
เห็นได้ชัดว่าอวี้ฉือซงก็เล่นหมากกระดานนี้อยู่บ่อยๆ หมากเหล่านี้ถึงได้ขัดอย่างเรียบเนียน
ฉู่หลิวเยว่กวาดสายตามองตารางหมาก แล้วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็วางหมากสีขาวลงไป
แกร๊ก!
เสียงหยกกระทบเสียงดังกังวาน
ทันใดนั้นเองสมาธิทั้งหมดของอวี้ฉือซงก็ถูกดึงไปยังกระดานหมากนั้นทันที
พวกเขาทั้งสองคนเริ่มวางหมากและต่อสู้กันอย่างดุเดือด
หลังจากฉู่หลิวเยว่วางหมากลงไปสักพัก นางก็พูดขึ้นคล้ายไม่ได้ใส่ใจ
“อาจารย์ กระดานแผ่นนี้ของท่าน เหมือนว่าจะไม่ใช่กระดานทั่วไปเลยนะเจ้าคะ”
อวี้ฉือซงยิ้มขึ้นมา แล้วพูดอย่างอาลัยว่า
“นี่เป็นของที่เสี้ยวจันทร์น้อยทำขึ้นมาให้อาจารย์ด้วยตนเอง”
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้าเบาๆ
หลังจากผ่านไปสักพัก นางก็วางหมากลงอีกครั้ง แล้วพูดขึ้นมาเสียงเบาว่า
“ได้ยินท่านพูดถึงนางอยู่บ่อยครั้ง ไม่ทราบว่านางเป็นคนอย่างใดกันแน่หรือ?”
คำถามนี้เป็นการเปิดบทสนทนาให้อวี้ฉือซง
เขาวางหมากไปด้วย และพูดถึงเรื่องราวของ “เสี้ยวจันทร์น้อย” ให้ฉู่หลิวเยว่ฟังไปด้วย
ในอดีตนั้นเขาไม่อยากจะเล่าเรื่องเหล่านั้นให้กับคนรอบข้างฟัง แต่อาจจะเป็นเพราะว่าช่วงสองวันนี้มีเรื่องมากระทบกระเทือนจิตใจของเขามากเกินไป ดังนั้นเขาจึงรู้สึกเหนื่อยใจอย่างมาก และคิดจะหาคนพูดคุยด้วย รู้ตัวอีกทีเขาก็พูดออกมาเสียมากมายแล้ว
ฉู่หลิวเยว่รับฟังอย่างเงียบๆ บางทีก็ตอบรับสักคำสองคำ
แต่หลังจากที่ฟังแล้ว นางกลับพบว่า มีหลายเรื่องที่นางยังจำได้ไม่ชัดเจน แต่อวี้ฉือซงกลับจำได้อย่างแม่นยำ
ในใจของฉู่หลิวเยว่จึงรู้สึกอบอุ่นอย่างมาก
หลังจากเผชิญหน้ากับการทรยศหักหลังนั้น ความอบอุ่นและเอาใจใส่เช่นนี้
ทั้งสองคนเล่นหมากจนผ่านไปอย่างไม่รู้เวลา เมื่อผ่านไปสักพัก ฉู่หลิวเยว่ก็ลุกขึ้นยืนและขอตัวลา
…
หลายวันต่อมา ช่วงกลางวันฉู่หลิวเยว่จะบำเพ็ญเพียรอยู่ในห้อง ตอนกลางคืนนางจะไปลับคมกระบี่ที่ยอดเขาเยี่ยนหลิน
แม้ว่านางจะลับกระบี่ได้ช้ามาก แต่นางก็ชำนาญมากขึ้นทุกวัน
แต่สิ่งที่ทำให้นางพอใจมากขึ้น ในขั้นตอนนี้ทำให้ร่างกายของนางแข็งแกร่งขึ้นไม่น้อย
และทำให้กระบี่เทพเมฆาสำริดแข็งแกร่งขึ้นอีกไม่น้อยเลย
ฉู่หลิวเยว่ก็ใช้ชีวิตประจำวันอยู่บนเขาชิงหยวนเช่นนี้ แต่ละวันก็ได้ใช้ชีวิตอย่างสงบและเรียบง่าย
…
ทางด้านของฉู่หลิวเยว่นั้นสงบนิ่งอย่างมาก แต่ภายในเมืองซีหลิงก็มีชีวิตชีวามากขึ้น
เรื่องที่เจี่ยนเฟิงฉือใช้เงินหกล้านหกแสนเพื่อประมูลทาสที่มีร่างซวีหยวนก็แพร่กระจายไปทั่วซีหลิงอย่างรวดเร็ว
และมู่หงอวี่ที่เป็นมนุษย์ ก็ยากที่จะหลบซ่อนนางเอาไว้
ต่อให้สามารถปิดไว้ชั่วคราว แต่ก็ทำได้แค่วันสองวัน เมื่อนางต้องเผชิญหน้ากับคนทั่วไป นางก็จะถูกค้นพบทันที
ดังนั้นเดิมทีเจี่ยนเฟิงฉือก็ไม่ได้คิดว่าจะปิดบังเรื่องนี้อยู่แล้ว
ไม่ว่าอย่างใดเขาก็ใช้เงินอย่างถูกต้อง ใครก็จะว่าเขาไม่ได้
แต่สุดท้ายเขาก็คิดไม่ถึงว่า แม้ภายนอกจะเรียบร้อยดี แต่ตอนที่เขาพามู่หงอวี่กลับมาที่ภูเขาเขี้ยวมังกร เขากลับถูกพ่อของเขาเข้ามาต่อว่าทันที
เขาเพิ่งก้าวเข้าประตูใหญ่ของภูเขาเขี้ยวมังกรมา เจี่ยนชูเย่ก็มาจับตัวเขาเอาไว้
“ไอ้เด็กหน้าเหม็น! นี่เจ้ายังกล้ากลับมาอีกหรือ!”
เจี่ยนเฟิงฉือตกตะลึงไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็หันไปมองพ่อของตนเองด้วยความโกรธ
“ท่านพ่อ? ท่านเป็นอันใดไปหรือ?”
“เป็นอันใด? นี่เจ้ายังกล้าถามข้าอยู่อีกหรือ? เจ้าไปดูเองเล่าว่าไปก่อเรื่องอันใดไว้!?” เจี่ยนชูเย่พูดไปด้วย พร้อมตีเจี่ยนเฟิงฉือ ไปด้วย
เจี่ยนเฟิงฉือวิ่งหนีอย่างไม่ลังเล
กลับมาบ้านหลังนี้ไม่ได้แล้ว!
แต่ทว่าจะให้เขาไปเป็นคู่ต่อสู้ของเจี่ยนชูเย่ได้อย่างใด?
เพิ่งวิ่งหนีไปได้สองก้าว แต่ก็โดนจับกลับมา
เจี่ยนเฟิงฉือรีบสารภาพผิดทันที
“ท่านพ่อ! ข้าผิดไปแล้ว!”
เจี่ยนชูเย่ถึงได้หยุดมือลง แต่ว่ามืออีกข้างหนึ่งก็ยังค้างอยู่กลางอากาศ ราวกับว่าเขาสามารถทุบตีเขาต่อได้ตลอดเวลา
“พูดมา! เจ้าทำอันใดผิด!”
เจี่ยนเฟิงฉือครุ่นคิดอย่างบ้าคลั่ง แต่ก็คิดไม่ออกเลยสักนิด จึงทำได้เพียงถามหยั่งเชิงว่า
“…ข้าทำผิดเยอะมาก ท่านพูดมาเถิดว่าเป็นเรื่องใด?”
“ไอ้เด็กเวร!”
ในที่สุดเจี่ยนชูเย่ก็ตบลงไปอย่างรุนแรง
“เจ้ากำเริบเสิบสานเป็นเรื่องสามัญธรรมดา แม่ของเจ้าก็ยังตามใจเจ้า แต่ว่าตอนนี้เจ้ามีเงินก็เลยซื้อทาสกลับมาเนี่ยนะ! เจ้านี่ดีจริงๆ เลย!”
จากนั้นเจี่ยนเฟิงฉือถึงได้รู้ว่า ที่แท้ก็เป็นเรื่องของมู่หงอวี่นี่เอง
เขาพยายามหลบไปด้วย แล้วอธิบายขึ้นว่า
“ท่านพ่อ! ที่ข้าทำเช่นนี้ข้ามีเหตุผลนะขอรับ!”
“ยังจะมีเหตุผลอันใดได้อีก? เจ้าอย่าบอกนะเพราะเห็นว่าอีกฝ่ายมีร่างซวีหยวนน่ะ! เจ้ามีนิสัยอย่างใด คิดว่าพ่ออย่างข้าจะไม่รู้หรือ? ข้าได้ยินมาหมดแล้ว เพราะผู้หญิงคนนั้นงดงามมาก ที่เจ้าประมูลมาเพื่อสิ่งนี้ใช่หรือไม่!”
ต่อให้ปกติแล้วเขาเป็นคนเจ้าชู้ก็ช่างเถิด แต่คาดไม่ถึงว่าเขาจะทำเช่นนี้! นี่มันน่าขายหน้าเกินไปแล้ว!
เจี่ยนเฟิงฉือชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นถึงได้เข้าใจความหมายของท่านพ่อ
เขาถามขึ้นด้วยสีหน้าแปลกๆ
“ท่านพ่อ ท่านคิดว่าที่ข้าซื้อนางกลับมา ก็เพราะว่าข้าถูกใจใบหน้าของนางงั้นหรือ?”
“ถ้าไม่ใช่เช่นนั้นเล่า?”
เจี่ยนชูเย่หายใจเข้าออกอย่างแรง แล้วจ้องเขาตาเขม็ง
“นั่นเป็นเพราะเจ้าไม่รู้ความ มิเช่นนั้นหลิวเยว่ถึงได้ทิ้งภูเขาเขี้ยวมังกรของพวกเรา แล้วไปเลือกสำนักชงซูเก๋อหรอกหรือ?”