ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 612 สหายของข้าคนหนึ่งมอบให้มา
ตอนที่ 612 สหายของข้าคนหนึ่งมอบให้มา [รีไรท์]
ตอนนั้นเอง ใจกลางของจุดเถียนตันของนางก็เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน
ฉู่หลิวเยว่ใช้จิตสัมผัสมองเข้าไป กลับพบว่ามีระลอกคลื่นแผ่ออกมาจากฐานเจดีย์ฐานสี่เหลี่ยมสีดำ
แต่หลังจากที่มันเกิดความผันผวนอยู่ครู่หนึ่ง ระลอกคลื่นเหล่านั้นก็หายไป ราวกับว่า ไม่เคยเกิดอันใดขึ้นมาก่อน
“น่าแปลก…”
นางขมวดคิ้วมุ่น
ของสิ่งนี้มันอยู่เงียบๆ มาโดยตลอด นอกจากวันที่เกิดเรื่องขึ้นในอาณาจักรเทพเทียนลิ่งครั้งหนึ่ง นอกจากนั้นมันอยู่อย่างเงียบสงบมาโดยตลอด
แต่เมื่อครู่นี้ นางไม่ได้คิดไปเองอย่างแน่นอน
ทันใดนั้นนางก็คิดอันใดบางอย่างขึ้นมาได้ จึงเงยหน้าแล้วมองไปรอบๆ
บนเนินเขาที่ราบเรียบ กลับว่างเปล่า
ลมภูเขาพัดผ่าน เสียงใบไม้ดังกระทบ
นอกจากนางแล้ว ไม่มีสิ่งอื่นอยู่เลย
นางมองอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากแน่ใจแล้วว่าทุกสิ่งรอบตัวปกติดี จึงเบนสายตากลับมา
“หรือว่าข้าจะคิดมากไปจริงๆ…”
เมื่อครู่นางนึกว่าหัวหน้าของเจินเป่าเก๋อผู้นั้นจะมาที่นี่เสียอีก
ไม่เช่นนั้น นางไม่รู้จริงๆ ว่าจะอธิบายที่มาของระลอกคลื่นนั้นว่าอย่างใด
อีกทั้งท่ามกลางป่าเขาก็เงียบสงัด
ฉู่หลิวเยว่คิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ทิ้งความคิดนั้นออกจากสมอง ก่อนจะเริ่มลับคมกระบี่อีกครั้ง!
ทุกครั้งที่นางลับดาบ ก็จะมีประกายไฟสว่างวาบขึ้นมาทุกครั้ง
แสงสว่างสะท้อนเข้าที่ใบหน้าของนาง ทำให้ดวงตาของนางพร่างพราวขึ้น
ตอนนั้นเองสายลมที่อ่อนโยนก็พัดผ่าน
…
วันรุ่งขึ้น ฉู่หลิวเยว่ลงจากภูเขาเพื่อไปรับโอสถที่หอร้อยโอสถ
ร่างกายของเชียงหว่านโจวนั้นฟื้นตัวเร็วกว่าที่นางคิดไว้มาก ส่วนเรื่องการย่อยโอสถนั้นก็ไม่ต้องพูดถึง
ของที่นางซื้อนั้น จึงสามารถใช้ได้แค่ช่วงเวลาสั้นๆ เท่านั้น
ดังนั้น วันนี้ที่นางไปหอร้อยโอสถ ส่วนหนึ่งก็เพื่อจะพูดคุยกับพวกเขาให้เพิ่มปริมาณที่มากขึ้นด้วย
ตอนที่นางเพิ่งเดินไปถึงที่ประตูหอร้อยโอสถ พนักงานคนหนึ่งก็รีบเข้ามาต้อนรับนางอย่างอบอุ่น
“คุณหนูฉู่ ในที่สุดท่านก็มาถึงแล้ว! เชิญด้านนี้เจ้าค่ะ!”
ฉู่หลิวเยว่เลิกคิ้วขึ้น
ดูเหมือนว่าท่าทางที่คนเหล่านั้นปฏิบัติต่อนางจะกระตือรือร้นขึ้นกว่าเดิมด้วย?
นางแค่มาเอาสมุนไพรเท่านั้น เหตุใดต้องทำให้เป็นเรื่องใหญ่แบบนี้ด้วยล่ะ
ต่อให้ตอนนี้นางเป็นแขกกิตติมศักดิ์ระดับพิเศษ แต่แบบนี้เหมือนว่ามันจะเกินไปหน่อยหรือไม่…
พนักงานคนนั้นก็ก้มหน้าลงโค้งตัวต่ำ ก่อนจะเชิญนางให้เดินไปอีกทางหนึ่ง ในขณะเดียวกันก็พูดขึ้นว่า
“ประมุขเย่ว์อยู่ด้านบนพอดี ท่านอยากจะเจอเขาสักหน่อยหรือไม่เจ้าคะ?”
ฉู่หลิวเยว่ยิ้มแล้วส่ายหน้า
“ไม่ต้อง วันนี้ข้ามาเพื่อเอาสมุนไพรที่จองเอาไว้เท่านั้น ประมุขเย่ว์เป็นคนใหญ่คนโตคงจะยุ่งมาก ข้าไม่อยากทำให้เขาเสียเวลาหรอก”
หลังจากซื้อของที่เกี่ยวข้องกับอวี้ฉือซงหมดแล้ว เหตุผลที่นางมาหอร้อยโอสถก็คือ มาเลือกสมุนไพรที่ถูกใจเท่านั้น และไม่ได้จะใช้จ่ายเงินจำนวนมาก
แม้ว่าการใช้จ่ายจะเป็นเงินจำนวนไม่น้อย แต่สำหรับฉู่หลิวเยว่แล้ว มันก็เป็นแค่เงินจำนวนน้อยเท่านั้น
ทันทีที่พูดจบ จากนั้นนางก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นจากปลายบันได
“คุณหนูฉู่ ยินดีต้อนรับขอรับ ข้าจะรังเกียจที่คุณหนูฉู่มารบกวนเวลาได้อย่างใด?”
เย่ว์หลิงยิ้ม จากนั้นก็เดินลงจากบันไดมา
มีแต่สวรรค์เท่านั้นที่รู้ว่า เมื่อคืนเขานอนหลับไม่สนิทเลย วันนี้ตอนเช้าตรู่เขาก็มาถึงที่นี่แล้ว เพื่อรอคอยให้ฉู่หลิวเยว่มา!
และคนผู้นั้นก็รอคอยมานานขนาดนี้ จะให้นางกลับไปเฉยๆ ได้อย่างใด?
“สมุนไพรที่ท่านต้องการข้าเตรียมเอาไว้ให้ตั้งนานแล้ว เดี๋ยวข้าจะให้คนนำมาให้”
เย่ว์หลิงพูดขึ้น แต่ขณะที่พูดนั้นเขาก็กวาดสายตามองจนเห็นบนมือของฉู่หลิวเยว่
แหวนเฉียนคุนวงนั้น…เหมือนว่าจะเป็นของนายท่าน…
หนังตาของเย่ว์หลิงกระตุกขึ้น
แหวนเฉียนคุนที่อยู่บนมือของฉู่หลิวเยว่ครั้งที่แล้ว ยังเป็นของเจี่ยนเฟิงฉืออยู่เลย แต่วันนี้กลับเปลี่ยนเป็นของนายท่านแล้ว…
แต่จะว่าไปแล้ว เรื่องนี้เหมือนเขาได้พูดออกไป…
แต่เขาเองก็ยังคิดไม่ถึง หลังจากที่เขาส่งข่าวนั้นกลับไปแล้ว นายท่านก็รีบให้เยี่ยนชิงส่งแหวนเฉียนคุนวงนี้มาให้อีกฝ่ายทันที
โชคดีที่เมื่อวานเขาได้รู้ถึงฐานะของฉู่หลิวเยว่แล้ว ดังนั้นเมื่อมาเห็นแหวนเฉียนคุนวงนี้บนนิ้วมือของนาง ใบหน้าของเขาจึงสามารถรักษาความสงบต่อไปได้
ไม่เช่นนั้นแล้วละก็ เกรงว่าเขาจะไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตนเองได้อย่างแน่นอน…
ฉู่หลิวเยว่มองเขาอย่างประหลาดใจ จากนั้นจึงหัวเราะแล้วถามว่า
“ได้ยินว่าประมุขเย่ว์เป็นมังกรเห็นหัวไม่เห็นหาง แต่ว่าช่วงนี้ ท่านกลับมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่อยู่เป็นประจำเลยนะ”
นางมาที่นี่สามครั้ง เจอเขาสองครั้ง
เย่ว์หลิงหัวเราะฮ่าๆ
“คุณหนูฉู่ ท้ายที่สุดแล้วข้าจะเป็นประมุขหอร้อยโอสถ ไม่อยู่ที่นี่แล้วจะอยู่ที่ไหนได้ล่ะขอรับ?”
สายตาของเขาเหลือบไปมองฉู่หลิวเยว่ที่ยืนอยู่ด้านหลังครู่หนึ่ง จากนั้นก็ถามขึ้นอย่างแปลกใจว่า
“เหตุใดวันนี้คุณหนูฉู่มาคนเดียวล่ะขอรับ? เด็กหนุ่ม…คนก่อนหน้านั้นไปไหนเสียแล้ว?”
ฉู่หลิวเยว่เลิกคิ้วขึ้น
“หว่านโจว? เขากำลังบำเพ็ญเพียรอยู่ ข้าจึงมาเองคนเดียว เหมือนว่าประมุขเย่ว์จะสงสัยในตัวของหว่านโจวเหลือเกิน?”
เย่ว์หลิงรีบโบกมือทันที แล้วหัวเราะเสียงดัง
“เปล่าขอรับ คุณหนูฉู่อย่าเพิ่งเข้าใจผิด ก่อนหน้านี้ข้าแค่เห็นว่าเขามากับท่านเป็นประจำ แต่วันนี้ท่านกลับมาที่นี่คนเดียว จึงรู้สึกสงสัยเล็กน้อยเท่านั้นขอรับ”
ฉู่หลิวเยว่ยิ้มขึ้นเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้พูดอันใดต่อ
เย่ว์หลิงลองถามอย่างหยั่งเชิงว่า
“เช่นนั้นโอสถที่ท่านซื้อไป ก็เตรียมให้เขาหรือขอรับ”
ฉู่หลิวเยว่มองเขาด้วยสายตา
วันนี้เหมือนว่าเย่ว์หลิงจะปฏิบัติตัวต่อนาง…อ่าไม่สิ รู้สึกสงสัยเรื่องเกี่ยวกับเชียงหว่านโจวมากเกินไปหน่อย…
นางพูดขึ้นอย่างสองแง่สองง่ามว่า
“ใช่ส่วนหนึ่ง”
ในใจของเย่ว์หลิงก็แอบกังวลขึ้นมา
เดิมทีเขาจะใช้โอกาสนี้หลอกล่อให้ฉู่หลิวเยว่พูดออกมา แต่นางกลับไม่หลุดออกมาเลยแม้แต่น้อย จึงไม่สามารถสืบอันใดได้เลย
เขารู้ดีว่าหากตนเองยังถามต่อไปเช่นนี้ จะต้องทำให้ฉู่หลิวเยว่สงสัยอย่างแน่นอน ตอนนั้นเองเขาก็รีบเปลี่ยนเรื่องทันที
เขาเหลือบสายตามองมือของฉู่หลิวเยว่ ใบหน้าก็แสดงความตกใจ และถามขึ้นอย่างไม่ได้ตั้งใจว่า
“เอ๋ แหวนเฉียนคุนของคุณหนูฉู่วงนี้…ดูแล้วเหมือนจะไม่ใช่ของธรรมดาเลย…”
ฉู่หลิวเยว่ก้มหน้ามอง
แหวนเฉียนคุนวงนี้ ค่อนข้างจะสะดุดตาเลยทีเดียว
โดยทั่วไปก็สามารถมองออกได้อยู่แล้วว่าของสิ่งนี้ไม่ใช่ของธรรมดา
แต่ว่านางก็ยังเลือกที่จะสวมมันเอาไว้
เมื่อได้ยินเย่ว์หลิงถามขึ้นเช่นนั้น ฉู่หลิวเยว่ก็ยกยิ้มขึ้น แล้วหัวเราะ
“นี่เป็นของที่คนอื่นมอบให้ข้ามา”
เย่ว์หลิงยิ้มแล้วถามว่า
“สามารถมอบของระดับนี้ให้ได้ เขาจะต้องมีความสำคัญกับคุณหนูฉู่แน่นอน ไม่ทราบว่า…เป็นอันใดกับคุณหนูฉู่หรือขอรับ?”
ฉู่หลิวเยว่ลูบแหวนเฉียนคุนบนนิ้วมือเบาๆ มันทั้งเย็น เรียบ และละเอียดอ่อน
“เป็นคู่…”
เมื่อพูดไปครึ่งหนึ่ง นางก็หยุดชะงัก
เห็นได้ชัดว่าเย่ว์หลิงกำลังสืบเรื่องของนางอยู่…
หรือว่าเขาได้ยินเรื่องอันใดมา หรือว่าจะเป็นแผนที่เขาวางเอาไว้อยู่แล้ว?
ฉู่หลิวเยว่เหลือบสายตามองเขาอย่างสงบ
เมื่อนึกไปแล้ว วันนี้เขามีท่าทีที่แปลกไปจริงๆ จึงทำให้นางรู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก
นางลังเลอยู่สักพักหนึ่ง จากนั้นก็กลืนคำพูดเดิมลงคอ
นางยิ้มให้เย่ว์หลิงแล้วตอบว่า
“สหายคนหนึ่งมอบให้ข้าน่ะ”
ในขณะเดียวกัน ภายในห้องหนึ่งในชั้นสาม หรงซิวก็ค่อยๆ ปล่อยมือออก
ถ้วยน้ำชาแตกร้าวกลายเป็นลายใยแมงมุมไปทั่วถ้วยทั้งใบอย่างไร้เสียง
แต่ไม่ทราบว่าด้วยเหตุผลอันใด ถ้วยน้ำชาที่แตกร้าว ก็กลับคืนสู่สภาพเดิมอย่างไร้ที่ติ
น้ำชาที่อยู่ด้านในค่อยๆ ไหลออกมาจากความว่างเปล่า จากนั้นก็ไหลท่วมโต๊ะอย่างรวดเร็ว
เยี่ยนชิงที่ยืนอยู่ด้านข้าง กลับรู้สึกหนาวสั่นไปทั้งตัว จนแทบอยากจะหายไปจากตรงนี้ทันที!
ตอนนั้นเอง หรงซิวก็ยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย คล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม
“…สหาย?”
เยี่ยนชิงหลับตาลงด้วยความสิ้นหวัง
…แย่แล้ว!