ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 617 น้องเขย
ตอนที่ 617 น้องเขย [รีไรท์]
เยี่ยนชิงขยี้ตาตัวเองแล้วมองดูอยู่หลายรอบ เพื่อตรวจสอบให้แน่ใจว่าตนเองไม่ได้มองผิดไป!
ว่านั่นคือเศษผ้าจริงๆ!
ผ่านไปสักพัก เชียงหว่านโจวก็ยกถังน้ำเข้าไปอีกครั้ง จากนั้นก็ไม่ได้ออกมาอีกเลย
นี่คือ…
เยี่ยนชิงหันไปมองตามทิศทางนั้นด้วยความตกใจ
“คุณหนูหลิวเยว่ นี่เขา…”
ฉู่หลิวเยว่หันไปมองครู่หนึ่ง จากนั้นก็โบกมืออย่างไม่ใส่ใจ
“ไม่เป็นไร เขาจะเข้าไปทำความสะอาดห้องของข้าเวลานี้ทุกวันอยู่แล้ว หลังจากจัดการเสร็จแล้ว เขาก็จะกลับห้องของตัวเองไป”
ตอนแรกนั้นนางก็ปฏิเสธ
แต่เพราะว่าเชียงหว่านโจวทำความสะอาดมาทุกครั้ง จึงไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้ทุกวัน
ก่อนหน้านี้นางก็เคยพูดกับเขาไปแล้ว แต่มันก็ไม่มีประโยชน์
ในขอบเขตการรับรู้ของเชียงหว่านโจวนั้น เขารู้ว่านี่คือสิ่งที่เขาควรจะทำ ดังนั้นเขาจึงตั้งใจทำอย่างเต็มที่ทุกครั้ง
หากไม่ยอมให้ทำความสะอาด เขาจะมาถามฉู่หลิวเยว่ว่าเขาได้ทำอันใดผิดไปหรือไม่?
ดังนั้นหลังจากที่เกิดเหตุการณ์เช่นนั้นหลายครั้ง ฉู่หลิวเยว่จึงปล่อยให้เขาทำความสะอาดไป
เยี่ยนชิง “…”
นี่มันเรื่องอันใดกันแน่เนี่ย?
อีกด้านหนึ่ง ในตอนที่หรงซิวเดินออกมา เขาก็สามารถสัมผัสสายตามากมายที่คอยจดจ้องจากที่มืด
เขาขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย จากนั้นก็จับมือของฉู่หลิวเยว่แน่นขึ้น
“เยว่เอ๋อร์ พวกเราไปกันเถิด”
ฉู่หลิวเยว่ถอนสายตากลับมาแล้วพยักหน้า
หลังจากที่นางเดินออกมาไม่ถึงสองก้าว นางก็ชะงักฝีเท้า แล้วถอนหายใจออกมาอย่างจนปัญญา
“ศิษย์พี่ทุกท่าน ออกมาเถิดเจ้าค่ะ”
สิ้นเสียงนาง ทันใดนั้นรอบข้างก็เงียบเสียงลงทันที
ทันใดนั้นเองกลุ่มคนจากทั่วทุกมุมก็ค่อยๆ ทยอยออกมา
ลู่จือเหยาที่ยืนอยู่ด้านหน้าสุดก็หัวเราะออกมาเสียงดัง แล้วเกาที่หลังศีรษะเล็กน้อยแล้วพูดว่า
“บังเอิญจังเลยนะ ฮ่าๆ! พวกเรา…”
“นี่คือหรงซิว”
ฉู่หลิวเยว่พูดตัดบทขึ้นมาอย่างกะทันหัน
เสียงของลู่จือเหยาก็ชะงักค้าง เขากระแอมไออย่างกระดากอาย จากนั้นก็รีบสบสายตากับทุกคนอย่างรวดเร็ว
เดิมทีเขาต้องการจะอธิบายให้ศิษย์น้องหญิงฟัง…
แต่สายตาของศิษย์น้องหญิงนั้นดีเกินไปเสียหน่อย…
หลังจากที่ฉู่หลิวเยว่พูดประโยคนั้นขึ้นมา ทำให้แววตาของทุกคนเปล่งประกายแวววาวขึ้น!
“และเป็นคู่หมั้นของข้าเอง”
คำพูดที่ราบเรียบนั่น กลับทำให้รู้สึกว่ามีฟ้าผ่าลงมาอย่างรุนแรง!
เดิมทีนั้นทุกคนต่างสงสัยในฐานะของหรงซิวกันอยู่แล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าฉู่หลิวเยว่จะออกมายอมรับอย่างตรงไปตรงมาเช่นนี้
“ที่แท้ศิษย์น้องหญิงก็มีคู่หมั้นแล้วหรือ?”
“ฮ่าๆ! ในเมื่อเป็นคู่หมั้นของศิษย์น้องหญิง เช่นนั้นก็ถือว่าเป็นคนของสำนักชงซูเก๋อครึ่งหนึ่ง! หลังจากนี้มีเรื่องอันใดก็พูดออกมาได้เลยไม่ต้องเกรงใจ!”
“ศิษย์น้องหญิง ก่อนหน้านี้เจ้าก็ไม่เคยเห็นพูดมาก่อนเลยว่า เจ้ามีคู่หมั้นที่โดดเด่นเช่นนี้…”
ทุกคนทั้งประหลาดใจทั้งชื่นชม
ชายผู้นั้นสวมชุดสีขาวทั้งตัว ใบหน้านั้นไม่ต้องพูดถึง เขาแทบจะเป็นคนที่หน้าตาดีที่สุดที่พวกเขาเคยพบเจอมาเลยทีเดียว!
รัศมีที่เปล่งประกายออกมาจากตัวเขานั้น ดูแล้วก็ไม่เหมือนคนธรรมดาเลย…
แต่ประเด็นก็คือ แม้ว่าเขาจะปกปิดปราณที่อยู่บนร่างกายแล้ว แต่ก็สามารถสัมผัสได้ถึงแรงกดดันที่แผ่วเบาได้…
ฝีมือของเขาจะต้องไม่อ่อนด้อยอย่างแน่นอน!
คนเช่นนี้ เหมาะสมกับศิษย์น้องหญิงอย่างยิ่ง!
ฉู่หลิวเยว่รู้ดีว่า แม้วันนี้นางไม่พูดออกไป แต่ศิษย์ทุกคนจะต้องจำเรื่องวันนี้ได้อย่างไม่ลืมเลือน ดังนั้นนางจึงบอกฐานะของหรงซิวออกไปโดยตรง
จากนั้น นางก็แนะนำตัวศิษย์ทุกคนให้หรงซิวรู้จัก
ใบหน้าของหรงซิวยังคงมีรอยยิ้มอ่อนโยนประดับเอาไว้ตั้งแต่ต้นจนจบ และทักทายพวกเขาอย่างมีมารยาทและอบอุ่น
เมื่อดูจากท่าทางและคำพูดของเขา เขาจะต้องถูกเลี้ยงดูจากตระกูลสูงส่งอย่างแน่นอน
ในที่สุดทุกคนก็รู้สึกสิ้นสุดความอยากรู้อยากเห็นของตนเองแล้ว แต่ก็ยังเกิดคำถามบางอย่างขึ้นมาอยู่
ศิษย์น้องหญิงมาจากคนฐานะธรรมดาไม่ใช่หรือ?
แต่ไม่ว่าจะเป็นศิษย์น้องหญิงเอง หรือว่าหรงซิว ก็ดูไม่ธรรมดาทั้งนั้น…
ท่าทางเช่นนี้ต้องมาจากตระกูลสูงส่งร่ำรวย บ้านธรรมดาไม่สามารถเลี้ยงดูให้เป็นเช่นนี้ได้อย่างแน่นอน
“วันนี้ข้ามาอย่างรีบร้อน จึงไม่มีเวลาเตรียมของขวัญสำหรับศิษย์พี่ทุกท่าน ข้าจึงสามารถมอบของเล็กๆ น้อยๆ ให้ได้เท่านั้น ขอบคุณทุกท่านที่ดูแลเยว่เอ๋อร์เป็นอย่างดี”
เมื่อพูดจบ เขาก็ยกนิ้วขึ้นมาเบาๆ
“เยี่ยนชิง”
เยี่ยนชิงสาวเท้าขึ้นมาด้านหน้า และเดินไปหยุดที่ด้านหน้าของเย่หรานหร่าน พร้อมส่งของบางอย่างออกไป
“คุณหนูเย่ โปรดรับไว้ด้วยขอรับ!”
ฉู่หลิวเยว่เหลือบสายตาไปมอง ก็พบว่านั่นเป็นแหวนเฉียนคุนวงหนึ่ง
เพียงแต่มันดูเหมือนแหวนเฉียนคุนธรรมดาๆ เท่านั้น ไม่เหมือนวงที่หรงซิวมอบให้นาง
เย่หรานหร่านตกใจอย่างมาก จากนั้นจึงมองไปที่ลู่จือเหยาและคนอื่นๆ อย่างตื่นตระหนก
“นี่มัน…”
เกรงว่าจะไม่เหมาะสมกระมัง?
ลู่จือเหยารีบหัวเราะขึ้นมาทันที
“พวกเจ้านี่เกรงใจกันเกินไปแล้ว หลิวเยว่เป็นศิษย์น้องหญิงของพวกเรา การดูแลนางก็เป็นสิ่งสมควรแล้ว หากพูดตามเหตุผลแล้ว ควรจะเป็นพวกข้ามากกว่าที่จะมอบของขวัญต้อนรับให้กับพวกเจ้า…”
เขายังพูดไม่จบ เยี่ยนชิงก็ยัดแหวนเฉียนคุนวงนั้นใส่เข้าไปในมือของเย่หรานหร่าน และเดินมาที่ด้านหน้าของลู่จือเหยา พร้อมหยิบแหวนเฉียนคุนวงที่สองขึ้นมา
“คุณชายลู่ เชิญ…”
ลู่จือเหยาชะงักไปครู่หนึ่ง
จากนั้นเขาก็หันไปมองแหวนเฉียนคุนในมือของเย่หรานหร่าน แล้วมองของที่ส่งมาให้เขาอีกครั้ง
ที่แท้…นี่เป็นของที่มอบให้คนละชิ้นหรือ?
หรงซิวพูดขึ้น
“นี่ไม่ใช่ของมีราคาค่างวดอันใด ทุกท่านได้โปรดรับไว้เถิด”
เมื่อเขาพูดถึงขนาดนี้แล้ว จะให้ปฏิเสธอีกก็คงไม่เหมาะสม
ลู่จือเหยาจึงได้แต่พูดขึ้นว่า
“เช่นนั้น…ก็ต้องขอบคุณน้องเขยแล้ว…”
หางตาของฉู่หลิวเยว่กระตุกขึ้นอย่างแรง ตอนนั้นเองนางกลับรู้สึกว่าอยากจะมุดหน้าหนี
น้องเขย…?!
นางรีบหันหน้าไปมองหรงซิวอย่างรวดเร็ว แต่กลับเห็นสีหน้าราบเรียบของเขา ริมฝีปากก็โค้งขึ้นเล็กน้อย คำเรียกขานนี้ทำให้เขา…ค่อนข้างพอใจ?
“ศิษย์พี่ลู่เกรงใจไปแล้ว เยว่เอ๋อร์เป็นคู่หมั้นของข้า นี่เป็นสิ่งที่ข้าควรทำแล้ว”
ฉู่หลิวเยว่ตัวสั่นขึ้นเล็กน้อย
เหตุใดจู่ๆ เขาถึงเรียกอีกฝ่ายว่าศิษย์พี่เล่า?!
หรงซิวเจ้าทำตัวเช่นนี้มันเหมาะสมแล้วหรือ?!
ฉู่หลิวเยว่หยิกหลังมือของหรงซิวอย่างไร้เสียง
นี่เขาตั้งใจจะทำอันใดกันแน่เนี่ย?
เดิมทีนางแค่จะแนะนำตัวอย่างเรียบง่ายเท่านั้น เหตุใดถึงทำตัวเหมือน…เหมือน…
เมื่อเผชิญหน้ากับการกล่าวโทษอย่างไร้เสียงของฉู่หลิวเยว่ หรงซิวก็พลิกฝ่ามือของนาง ก็เกาที่ฝ่ามือนั้นเบาๆ
ฉู่หลิวเยว่ “…”
หลังจากนั้น แววตาของนางก็เต็มไปด้วยความตกตะลึง เยี่ยนชิงมอบแหวนเฉียนคุนให้ทุกคนอย่างรวดเร็ว
อีกทั้งยังขานชื่อเรียกทุกคนอย่างถูกต้อง
เมื่อมอบให้เสร็จแล้ว หรงซิวก็กล่าวเสริมขึ้นว่า
“วันนี้ข้าไม่สามารถรั้งอยู่ที่นี่ได้นาน ดังนั้นของขวัญของท่านเจ้าสำนักและผู้อาวุโสซย่าอี้อีกทั้งศิษย์พี่ทั้งหลายที่ไม่ได้อยู่ที่นี่ ก็รบกวนฝากศิษย์พี่ลู่นำไปมอบแทนข้าทีนะขอรับ”
เมื่อพูดจบ เยี่ยนชิงก็ยื่นของมาให้พวกเขาอีกจำนวนหนึ่ง
ลู่จือเหยาจึงตอบรับอย่างเหม่อลอยว่า
“…ศิษย์น้องหญิงและน้องเขยวางใจได้เลย ของเหล่านั้นจะต้องถึงมือพวกเขาอย่างแน่นอน!”
หรงซิวยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้ากับเยว่เอ๋อร์ก็ไม่ขอรบกวนทุกท่านแล้ว ขอตัวลาก่อนนะขอรับ”
เมื่อพูดจบ เขาก็พาฉู่หลิวเยว่และเยี่ยนชิงเดินออกมาทันที
ทุกคนส่งพวกเขาเดินลงจากเขาด้วยสายตา หลังจากนั้นไม่นาน พวกเขาก็ได้สติคืนมา
“ให้ตายเถอะ…”
ทันใดนั้นเอง ในกลุ่มของพวกเขาก็ส่งเสียงตกใจออกมา
ทุกคนจึงหันไปมองพร้อมกัน แต่กลับเห็นว่าผู้ชายคนนั้นหยิบแหวนเฉียนคุนขึ้นมา สีหน้าเต็มไปด้วยความตกใจ
“นี่มันๆ…”
เย่หรานหร่านก็ถามขึ้นด้วยความสงสัยว่า
“มีอันใดหรือ?”
ผู้ชายคนนั้นกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก
“คู่หมั้นของศิษย์น้องหญิง…เหมือนว่าจะไม่ใช่แค่คนรวยธรรมดาๆ…”