ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 621 สั่งสอน
ตอนที่ 621 สั่งสอน [รีไรท์]
ในวันที่ท้องฟ้าสดใส ไร้ซึ่งเมฆหมอก
ผู้คนมากมายในเมืองซีหลิงต่างพากันแห่ไปยังแอ่งสี่ทิศ
ซึ่งที่แห่งนั้นก็คือ สถานที่จัดงานประชุมสำนักวิชานั่นเอง!
และแอ่งสี่ทิศนั่นตั้งอยู่บนถิ่นทุรกันดารทางตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองซีหลิง
เมื่อหลายร้อยปีก่อน แต่เดิมที่ตั้งของแอ่งสี่ทิศนั้นเป็นเทือกเขา ทว่าต่อมากลับมีบุรุษผู้แข็งแกร่งสองคนมาต่อสู้กันที่นี่ หลังจากผ่านไปสามวันสามคืน ภูเขาใกล้เคียงทั้งหมดก็ถูกทำลายจนสิ้นซาก และเหลือเพียงร่องน้ำที่มีลักษณะคล้ายเครื่องหมาย “บวก” ไว้บนพื้นราบแห่งนี้
ร่องน้ำลึกค่อยๆ ขยายออกตามกาลเวลา และตอนนี้มันได้กลายเป็นแอ่งน้ำที่มีรอยแยกลึกสองรอยตัดกันเป็นกากบาท
ทุกปีพวกเขาก็จะจัดงานประชุมสำนักขึ้นที่นี่
และปีนี้เองก็เช่นกัน
แต่ทว่างานประชุมสำนักครั้งนี้ แตกต่างไปจากครั้งก่อนอย่างเห็นได้ชัด
เพราะทุกคนรู้ดีว่าการจัดอันดับของสำนักวิชาในเมืองซีหลิงคราวนี้ มีแนวโน้มว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เกิดขึ้น!
แม้จะยังเช้าอยู่มาก แต่แอ่งสี่ทิศกลับเต็มไปด้วยผู้คนมาพร้อมใจกันเข้ามาดูงานด้วยความตื่นเต้น
“ได้ยินว่าครั้งนี้สำนักพันธมิตรเก้าดาราจะขอท้าสำนักซงซูเก๋อ และถ้าฝั่งนั้นทำได้จริง เกรงว่าตำแหน่งหนึ่งในสี่สำนักวิชาหลักของชงซูเก๋อ คงได้ตกเป็นของฝ่ายนั้นแน่ๆ!”
“ฮ่าๆ! แต่ข้าได้ยิน ทางสำนักเพลิงศักดิ์สิทธิ์เองก็วางแผนจะทำเช่นนี้!”
“ท่ามกลางบรรดาสำนักทั้งหมด เจ้าว่าสำนักใดไร้ค่าที่สุด? ถ้าตอนนี้ก็แน่นอนว่าต้องเป็นชงซูเก๋อที่ไร้คุณสมบัติสุดๆ และในเมื่อไร้คุณสมบัติ ก็ย่อมถูกคนอื่นแทนที่เป็นธรรมดามิใช่หรือ?”
“ไหนว่าอวี้ฉือซงได้ลูกศิษย์มากคุณภาพไปตั้งสองคน…ไม่แน่นะ พวกเขาอาจ…”
“เจ้าหมายถึงฉู่หลิวเยว่กับเชียงหว่านโจวรึ? เหอะๆ เด็กสองคนนั้นไม่เลวเลย แต่ถ้าจะบอกว่าพวกเขาสองคนสามารถฟื้นฟูชงซูเก๋อได้ล่ะก็ ข้าไม่เชื่อเด็ดขาด!”
พระอาทิตย์ดวงโตค่อยๆ ลอยขึ้นสู่ท้องนภาตามเวลาที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ
จากนั้นสาวกจากนิกายหลักก็เดินเข้ามาทีละคน และหากอ้างอิงจากกฎการแข่งตั้งแต่สมัยก่อน นอกจากเรื่องที่สี่สำนักจักต้องทำการแข่งขันแล้ว ก็ยังมีสถานที่แข่งขันให้เลือกอีกสี่แห่ง
ซึ่งสำนักวิชาหลักในเมืองซีหลิงเคยเผชิญกับการแข่งขันที่ดุเดือดมาก่อน และมีเพียงผู้ชนะสี่อันดับแรกเท่านั้นที่มีสิทธิ์มาที่นี่
นั่นก็คือสำนักพันธมิตรเก้าดารา สำนักเพลิงศักดิ์สิทธิ์ สำนักนิมิตสวรรค์ และสำนักหลิงอวิ๋นจง
แน่นอนว่าในวันนี้ ผู้นำของสำนักใหญ่ต่างๆ ก็จะมาปรากฏตัวที่นี่เช่นกัน
ผู้อาวุโส และสาวกบางคนเดินเข้าไปในประตูพร้อมกัน
ใบหน้าของสาวกรุ่นเยาว์เหล่านั้นล้วนเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งของอัจฉริยะ และความตื่นเต้นในดวงตา รวมทั้งความกระตือรือร้นอยากอวดวิชาที่พวกเขามั่นใจนักหนาให้แก่ชาวเมืองได้เยินยล
เพราะแม้แต่ศิษย์ของนิกายหลักทั้งสี่เองก็ยังไร้ความสามารถ และเข้ามาที่นี่เหมือนพวกเขาไม่ได้ด้วยซ้ำ
ผู้ที่สามารถมาที่นี่ได้ ล้วนเป็นสำนักชั้นยอดทั้งหมด
ผู้คนจากสำนักใหญ่ๆ เดินทางมาถึงทีละคน พลางแลกเปลี่ยนบทสนทนากันไม่หยุดหย่อน
ทว่าสายตาของพวกเขากลับมองซ้ายทีขวาทีราวหวาดระแวง
ก่อนจะมีการซุบซิบนินทากันเกิดขึ้น
“ตอนนี้ทุกสำนักมากันครบแล้ว ขาดก็แต่ชงซูเก๋อ เหตุใดพวกเขายังมาไม่ถึงอีก?”
“คงไม่ใช่ว่าถอดใจไม่เข้าร่วมแล้วหรอกนะ…ได้ข่าวว่าชงซูเก๋อเหลือศิษย์อยู่เพียงสิบกว่าคนเท่านั้น แค่ให้มาเอาหน้ายังไม่ไหวเลย…”
“เหลือเวลาอีกสี่ชั่วโมงก่อนงานประชุมจะเริ่ม ถ้ามาไม่ทัน จะถือว่าพวกเขาสละสิทธิ์โดยทันที…”
เจ้าสำนักพันธมิตรเก้าดาราอย่าง จางหัว หัวเราะหน้าระรื่นพลางเอ่ยอย่างขบขัน
“ถ้าครั้งนี้ชงซูเก๋อไม่มาจริงๆ เช่นนั้นคงต้องปลดออกจากตำแหน่งสี่สำหนักหลักแล้วกระมั้ง?”
ทว่าสิ้นประโยคนั้น จู่ๆ กลับมีเสียงที่ทรงพลัง และหนักแน่นดังขึ้นมากลางอากาศ!
“ถึงข้าจักต้องสละตำแหน่ง แต่ใครบางคนแถวนี้จักไม่มีวันได้ครอบครอง!”
จากนั้นฝูงชนที่เคยส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวก็เงียบลงทันที พลันเงยหน้าขึ้นมองอย่างพร้อมเพรียง
ก่อนจะเห็นร่างของคนกลุ่มหนึ่งลอยอยู่บนท้องฟ้า!
ซึ่งคนแรกที่นำหน้า ถ้าไม่ใช่อวี้ฉือซงแล้วจะเป็นใครได้อีก?
พวกชงซูเก๋อมาจริงๆ ด้วย!
ท่ามกลางสายตานับร้อย อวี้ฉือซงเดินทางมาถึงพร้อมลูกศิษย์ของเขา!
หลังจากที่เท้าแตะพื้น อวี้ฉือซงก็เหลือบมองจางหัวพลางเอ่ยเสียงเรียบ
“แค่ข้ามาช้าไปครู่เดียว ก็มีคนกระเหี้ยนกระหืออยากเสียบแทนตำแหน่งของข้าแล้วหรือ?”
จางหัวผงะเล็กน้อย ก่อนจะเหยียดยิ้ม
“ผู้ที่แข็งแกร่งเท่านั้นจักอยู่รอด หากไร้ความสามารถจนรักษาสิ่งสำคัญนั่นไว้ไม่ได้ เช่นนั้นจะยังกล่าวโทษที่ผู้อื่นแข็งแกร่งกว่าอยู่อีกหรือไม่?”
ทั้งสองคนเผชิญหน้ากัน และเขม่นกันทางสายตาอย่างดุเดือด!
พลันบรรยากาศรอบข้างก็ตึงเครียดขึ้นมาทันที
หลายคนมองหน้ากันด้วยความตกใจ
ดูเหมือนว่าครั้งนี้พันธมิตรเก้าดาราจะมุ่งมั่นในการเอาชนะอย่างมาก และแม้กระทั่งตอนนี้ ในยามที่เขากำลังยืนอยู่ต่อหน้าคนจากชงซูเก๋อ…
ถ้าเขาไม่มีความมั่นใจเต็มเปี่ยม เขาคงไม่กล้าทำเช่นนั้นเป็นแน่
อวี้ฉือซงยังคงนิ่ง
“เช่นนั้นก็มาดูกันว่าพวกเจ้าจะแข็งแกร่งอย่างที่พูดหรือไม่ แต่สำหรับบางคำ รอให้พวกเจ้าชนะแล้วค่อยพูดก็ไม่สาย มิเช่นนั้นเจ้าจะถูกศิษย์หัวเราะเยาะเอาได้!”
จางหัวสะบัดแขนเสื้อด้วยความโกรธ
“เจ้าคนอวดดี! ข้าล่ะอยากเห็นจริงเชียวว่า วันนี้ผู้ใดกันแน่ที่จักต้องอับอาย”
เมื่อเห็นว่าทั้งสองคนเริ่มมีปากเสียงกันรุนแรงขึ้น เจี่ยนชูเย่ก็ก้าวเท้าออกมาห้ามทัพ
“ซงเหล่า พวกเจ้ามาทันเวลาพอดี เช่นนั้นเราเปิดการประชุมกันเลยหรือไม่?”
และเพื่อเห็นแก่เจี่ยนชูเย่ ในที่สุดจางหัวกับอวี้ฉือซงจึงยอมยุติการทะเลาะวิวาท
เจี่ยนชูเย่เอ่ยต่อ
“เช่นเดียวกับครั้งก่อน สี่สำนักวิชาหลัก รวมทั้งสำนักพันธมิตรเก้าดารา จะต้องเลือกช้าชิงกับศิษย์จากสี่สำนักหลัก และผู้ชนะทั้งสี่ จะกลายเป็นตัวแทนของสี่สำนักวิชาหลักครั้งใหม่!”
เขาพูดพลางมองไปยังจางหัวและคนอื่นๆ
“พวกเจ้าตกลงกันแล้วหรือไม่ว่าจะท้าชิงกับผู้ใด?”
หลายๆ คนเงียบไป
เปลือกตาของเจี่ยนชูเย่กระตุกถี่ยิบ
ทันใดนั้นจางหัวก็หันไปมองอวี้ฉือซง พลันเอ่ยเสียงเย้ยหยัน
“ประจวบเหมาะจริงเชียว พวกข้าทั้งสี่สำนักต้องการท้าชิงกับซงซูเก๋อ แต่ในเมื่ออีกฝ่ายดูไม่ยินยอมนัก ตอนนี้พวกข้าเลยต้องหาตัวเลือกใหม่ และยังไม่ได้ตัดสินใจ”
น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความกระแนะกระแหน และเย้ยหยันชงซูเก๋ออย่างปิดไม่มิด
ทำเอาคนทั่วทั้งบริเวณถึงกับเงียบกริบ
เห็นได้ชัดว่าเพราะเหตุใดสี่สำนักเหล่านี้ถึงเลือกชงซูเก๋อ
นั่นเพราะพวกเขามองออกว่าชงซูเก๋อตกต่ำลงมากเพียงใด…
ซึ่งสถานการณ์ในตอนนี้นั้น เป็นภาพที่น่าอดสูสำหรับคนภายนอกมากๆ…และถือเป็นความอัปยศครั้งใหญ่ของชงซูเก๋อ!
แต่สิ่งที่อยู่เหนือความคาดหมายของทุกคนก็คือ ใบหน้าที่ดูเรียบเฉยราวไม่สนใจเรื่องนี้ของอวี้ฉือซง และแม้แต่ศิษย์ที่ยืนอยู่ข้างหลังเขา ก็ยังแสดงสีหน้าสงบนิ่งเสียยิ่งกว่า
เจี่ยนชูเย่เหลือบมองอวี้ฉือซงอย่างกระอักกระอ่วนใจ
“ซงเหล่า คือว่าเรื่องนี้…ขอเพียงความเห็นของท่าน ว่าท่านคิดจะเลือกสำนักใด?”
คำว่า “เลือก” ที่เอ่ยมานั่น ฟังดูไม่ใช่เรื่องที่น่ายินดีเสียเท่าใด
แต่อวี้ฉือซงกลับยกมือขึ้น แล้วชี้นิ้วไปทางจางหัว
“พันธมิตรเก้าดารา”
ทุกคนตกตะลึงครู่หนึ่ง และแม้แต่จางหัวเองก็ยังสงสัยเล็กน้อย
เจี่ยนชูเย่ขมวดคิ้ว
“ท่านแน่ใจรึ?”
หากดูเผินๆ ความแข็งแกร่งของทั้งสี่สำนักเหล่านี้ไม่แตกต่างกันนัก แต่ในความเป็นจริงสำนักพันธมิตรเก้าดารานั้นแข็งแกร่งที่สุดในหมู่พวกเขา
ซึ่งนี่ไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีสำหรับชงซูเก๋อในปัจจุบัน
แต่อวี้ฉือซงพยักหน้า
“ข้าแน่ใจ”
ในเมื่อถูกดูหมิ่นขนาดนี้ หากไม่โต้ตอบเสียบ้าง คนทั้งโลกคงได้คิดว่าชงซูเก๋อของพวกเขากระจอกงอกง่อยจริงๆ แน่!
จางหัวขบขัน พลางเลียริมฝีปากเบาๆ เผยให้เห็นรอยยิ้มที่พอใจทว่าจองหอง
“ดี! วันนี้พันธมิตรเก้าดาราของข้าจะสอนให้เจ้ารู้ซึ้ง เป็นแค่ชงซูเก๋อ…จะแน่สักแค่ไหนกันเชียว”