ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 644 ใครกันแน่ที่มีพิรุจ
ตอนที่ 644 ใครกันแน่ที่มีพิรุจ
ผู้ตัดสินเดินเข้าไปกลางเวทีประลอง
ฉู่หลิวเยว่ก้าวไปข้างหน้า แล้วยื่นกล่องหยกในมือให้เขา
ผู้ตัดสินเปิดกล่องนั่นทันที
พลันกลิ่นหอมรุนแรงและสดชื่นของยา ก็โชยมาแตะจมูก
ดวงตาของเขาเป็นประกาย และหยิบยาเม็ดนั้นขึ้นมา
บนตัวยาอายุวัฒนะเม็ดกลมสีฟ้า มีเส้นอักขระสีม่วงสดใสห้าเส้นพาดผ่าน!
สีของเส้นที่ห้านั้นอ่อนกว่าสี่เส้นแรกมาก แต่ลายเส้นนั้นเรียบและบริสุทธิ์ อีกทั้งรูปลักษณ์ก็ยอดเยี่ยม
“นี่แหละถึงเรียกว่ายาอายุวัฒนะระดับห้า!”
ผู้ตัดสินเอ่ยปากพลางมองฉู่หลิวเยว่อย่างชื่นชม
“ถึงจะเป็นระดับต้น ทว่ากลิ่นของมันช่างหอมนัก อีกทั้งสีสันสวยงาม เยี่ยมยอด เยี่ยมยอดจริงๆ!”
เขาพูดว่า “เยี่ยมยอด” ถึงสองครั้ง ซึ่งแสดงถึงการยอมรับในความแข็งแกร่งของฉู่หลิวเยว่
รอยยิ้มบนใบหน้าของจางหัวพลันชะงัก
ประโยคเมื่อครู่มันหมายความว่าอย่างใด?
ยาเม็ดนั่นของฉู่หลิวเยว่…มันดีงามขนาดนั้นเชียว?
ความผิดพลาดที่เคยเกิดขึ้นกลางครัน ไม่มีผลต่อตัวยาเลยหรือ?
ฉู่หลิวเยว่ขอบคุณผู้ตัดสินด้วยความเคารพ
ก่อนที่เขาจะหันไปมองอวี้ฉือซง แล้วยิ้มบอก
“ซงเหล่า ท่านโชคดีมากที่ได้ศิษย์ประเสริฐเช่นนี้!”
เขาเองก็เป็นเซียนหมอ ดังนั้นเขาจึงเข้าใจดีว่าคนที่มีพรสวรรค์ทางพลังวิญญาณอย่างฉู่หลิวเยว่นั้น หาตัวจับได้ยากเพียงใด
และยังได้ยินมาว่าฉู่หลิวเยว่เป็นคนเลือกชงซูเก๋อด้วยตัวเองอีก…
เขาได้ต้นกล้ามากกว่าความสามารถที่ผู้อื่นต่างแย่งชิงกันแทบเป็นแทบตายไป โดยไม่ต้องทำอันใดเลย!
อวี้ฉือซงยิ้มตอบ พลางกุมมือตัวเองไว้ ก่อนจะถอนหายใจด้วยความโล่งอก
เมื่อตอนที่ฉู่หลิวเยว่ปรับเปลี่ยนยาจื่อหยาง เขาทั้งรู้สึกแปลกใจและดีใจ แต่เขาก็ยังกล้าด่วนสรุป
ทว่าตอนนี้ ดูเหมือนว่าความผิดพลาดที่เกิดขึ้นกลางคันนั้น จะไม่มีอันใดน่าเป็นห่วงแล้ว และทุกอย่างก็ราบรื่นมาก
ฉู่หลิวเยว่นาง…กลั่นยาจื่อหยางได้สำเร็จ และมันก็สมบูรณ์แบบมากด้วย!
จากนั้นผู้ตัดสินก็หันไปมองหนิงจื้อชิง
หนิงจื้อชิงยังคงยืนอยู่ที่เดิม ไม่ขยับไปไหน สองมือของเขาถือกล่องหยกไว้ ทว่าแววตาของเขากลับว่าเปล่า ไม่รู้ว่ากำลังคิดเรื่องอันใดอยู่
“หนิงจื้อชิง?”
ผู้ตัดสินเอ่ยเรียก
หนิงจื้อชิงถึงดึงสติกลับมาได้
เขากลั้นหายใจอย่างกระวนกระวาย และเดินไปข้างหน้าด้วยท่าทางแข็งทื่อ
คนที่สามารถดำรงตำแหน่งผู้ตัดสินประจำการแข่งขันของสำนักได้ ล้วนแล้วแต่เป็นบุคลากรชั้นสูงที่แข็งแกร่งของราชวงศ์เทียนลิ่ง
ท่านนี้เองก็เช่นกัน
ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะมองออกหรือไม่…
เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เขาทำสิ่งนี้ และอดรู้สึกผิดขึ้นมาไม่ได้
หลังจากเดินไปได้ไม่กี่ก้าว หน้าผากของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อ ใบหน้าของเขาซีดลงเล็กน้อย
นิ้วเรียวยาวสั่นระริกยามยื่นกล่องหยกไปข้างหน้า
“นี่คือยาหลอมวิญญาณของข้า ท่านโปรดตรวจสอบ”
ผู้ตัดสินเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง
“เจ้าเป็นอันใดหรือเปล่า?”
หนิงจื้อชิงส่ายศีรษะเบาๆ และพยายามยิ้มออกมา
“ข้าสบายดี”
ฉู่หลิวเยว่ยืนมองภาพนั้นอยู่อีกด้านหนึ่ง
แม้ว่าหนิงจื้อชิงจะบอกว่าเขาสบายดี แต่ดวงตาของเขายังคงจ้องมองกล่องหยกนั่น ราวกับ…กำลังกังวล
ฉู่หลิวเยว่มองตามท่าทีของเขาพลางครุ่นคิด
ผู้ตัดสินเปิดกล่องและนำยาหลอมวิญญาณออกมา
มันเป็นยาเม็ดสีน้ำเงินที่มีเส้นสีแดงห้าเส้น
และเช่นเดียวกับฉู่หลิวเยว่ เส้นที่ห้าบนยาของเขานั้นมีสีจางกว่าอีกสี่เส้นที่เหลืออย่างเห็นได้ชัด
ผู้ตัดสินพิจารณาอย่างถี่ถ้วน
ร่างกายของหนิงจื้อชิงตึงเครียดและรู้สึกทรมานอย่างมาก
“ยาหลอมวิญญาณนี้เป็นยาเม็ดระดับที่ห้าเช่นกัน ทว่า!” ผู้ตัดสินดูลังเล แต่ในที่สุดเขาก็ยิ้มออกมา “ยาทั้งสองชนิดนี้เป็นยาที่อยู่ในระดับเดียวกัน และพวกมันได้รับการขัดเกลาจนประสบผลสำเร็จ ซึ่งยากที่จะแยกแยะความแตกต่างระหว่างพวกมันได้ ดังนั้นผลการประลองครั้งนี้จึง…เสมอกัน!”
หนิงจื้อชิงโล่งใจมาก แผ่นหลังของเขาชุ่มไปด้วยเหงื่อเย็นๆ ราวกับฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้งอย่างใดอย่างนั้น
เสมอหรือ…เสมอก็ดีแล้ว! ดีกว่าแพ้เป็นไหนไหน!
เพราะเขาไม่ต้องการเผชิญชะตากรรมเดียวกับเซี่ยหลิงหยาง!
ผู้ชมที่อยู่รอบสนามล้วนตกตะลึงและแปลกใจ
เสมออย่างนั้นหรือ!?
ทั้งสองสำนักต่อสู้กันอย่างดุเดือดมาอย่างยาวนาน แต่สุดท้ายกลับเสมอกันหรือ!?
นี่มันการตัดสินบ้าบออันใด?
ชงซูเก๋อกับพันธมิตรเก้าดาราไม่สามารถอยู่ในสี่นิกายหลักด้วยกันได้หรอกนะ?
“ไม่ได้เด็ดขาด!”
พลันมีเสียงหนึ่งตะโกนออกมาด้วยความโมโห
ฉู่หลิวเยว่หันหน้ากลับไปมอง
ก่อนจะเห็นจางหัวที่กำลังสาวเท้ามาทางนี้ด้วยความเกรี้ยวกราด
“ตัดสินแบบนี้ไม่ได้! ฉู่หลิวเยว่เป็นเซียนหมอระดับสี่ ส่วนหนิงจื้อชิงอยู่ระดับห้า! ระดับของเขาสูงกว่านางตั้งหนึ่งขั้น! เป็นไปได้อย่างใดที่ยาของพวกเขาจะอยู่ในระดับเดียวกัน!?”
สีหน้าของผู้ตัดสินดูเย็นชาขึ้นมาทันที
“นี่เจ้ากำลังค้านคำตัดสินของข้าหรือ?”
จางหัวถึงกับสะอึก
แม้เขาจะอวดดีแค่ไหน แต่เขาก็ไม่สามารถกระทำการขัดแย้งกับผู้ตัดสินในที่สาธารณะได้
แต่ผลที่ออกมาเมื่อครู่…เขาทำใจยอมรับไม่ได้จริงๆ!
“ยาของฉู่หลิวเยว่ต้องมีจุดบกพร่องแน่นอน!”
เขาเปิดฉากเพ่งเล็งฉู่หลิวเยว่ทันที
“เมื่อตอนที่นางกำลังปรุงยา นางหยิบวัตถุดิบผสมกันสุ่มสี่สุ่มห้าจนเกือบเสียของ ทุกคนในสนามล้วนเห็นภาพนั้นชัดเจน! และในสถานการณ์เช่นนั้น แค่กลั่นให้เป็นยาเม็ดธรรมดาก็ถือว่าแทบเป็นไปไม่ได้แล้ว ยิ่งไม่ต้องถึงยาอายุวัฒนะระดับสูง!”
ผู้ตัดสินรับฟังพลางคิดว่าน่าขำยิ่งนัก
จางหัวไม่ใช่เซียนหมอ นั่นคือสาเหตุที่เขาเอ่ยประโยคที่แสนโง่เขลาออกมาโดยไม่คิด
“เจ้าคิดผิดแล้ว เพราะฉู่หลิวเยว่พลาดกลางคัน แต่สุดท้ายนางกลับกลั่นยาได้สำเร็จ นั่นจึงเป็นสิ่งที่พิสูจน์ให้เห็นถึงความสามารถและความแข็งแกร่งของนาง!”
ลองให้เวลานางมากกว่านี้สิ นางสามารถเอาชนะหนิงจื้อชิงได้สบายๆ เลยล่ะ!
จางหัวยังคงหัวแข็ง ไม่ยอมเชื่อผู้ตัดสิน
แต่เขาไม่กล้าเผชิญหน้ากับผู้ตัดสินโดยตรง ดังนั้นเขาจึงมองไปยังฉู่หลิวเยว่ และถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ฉู่หลิวเยว่ หากเจ้าบริสุทธิ์ใจ เจ้ากล้าที่จะหยิบยานั่นออกมาพิสูจน์อีกครั้งหรือไม่?”
“จางหัว! เจ้าเลิกพูดจาใส่ร้ายกันได้แล้ว!”
อวี้ฉือซงเดินเข้ามาด้วยสีหน้าโกรธเคือง
“ผลการประลองออกมาแล้ว เจ้ายังจะสบประมาทผู้อื่นไปด้วยเหุตใด?”
จางหัวยิ้มเยาะ
“ถ้านางบริสุทธิ์ใจ เช่นนั้นจักกลัวไปไย? ทว่าหากนางไม่กล้า เช่นนั้นก็แปลว่านางมีพิรุจ! และนางก็ไม่เหมาะกับผลการตัดสินในครั้งนี้!”
“ใครว่าข้าไม่กล้า?”
ฉู่หลิวเยว่ก้าวไปข้างหน้า พลางมองอวี้ฉือซงด้วยสายตาปลอบโยน พลันยกยิ้มมุมปากและหันไปมอง
หนิงจื้อชิง
“แต่ถ้าอยากตรวจสอบยาของข้า เช่นนั้นเพื่อความยุติธรรม ก็ต้องตรวจสอบยาของหนิงจื้อชิงด้วยเหมือนกัน!”
หนิงจื้อชิงหน้าซีดเผือดทันที!