ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 645 รีบไปไย
ตอนที่ 645 รีบไปไย
“ไม่…”
เขาเอ่ยปากเตรียมปฏิเสธ
ทว่าจางหัวกลับตอบตกลงเสียก่อน
“จะตรวจพร้อมกันก็ทำเลย! แต่ถ้าตรวจพบว่ายาของเจ้ามีปัญหา จะถือว่าเจ้าแพ้การประลองครั้งนี้ทันที!”
ฉู่หลิวเยว่มองหนิงจื้อชิงอย่างมีนัยยะ และพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม
“ตกลง แล้วถ้า…ตรวจพบว่ายาของหนิงจื้อชิงมีปัญหาเล่า? จะถือว่าพวกเจ้าแพ้ด้วยใช่หรือไม่?”
จางหัวเหยียดยิ้ม
“แน่นอนว่ายาของเขาจักต้องสมบูรณ์แบบ!”
หนิงจื้อชิงเป็นอัจฉริยะด้านเซียนหมอที่ได้รับการยอมรับ และเป็นสาวกของพันธมิตรเก้าดารามานานสามปีแล้ว
ใครๆ ก็รู้ว่าเขาเก่งกาจเพียงใด
ถ้าจางหัวไม่ไว้ใจเขา เจ้าตัวคงไม่ให้เขาเป็นตัวแทนในการประลองครั้งสุดท้ายหรอก
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หนิงจื้อชิงก็หน้าซีดกว่าเดิม ร่างกายของเขาสั่นสะท้าน และเกือบจะล้มลงกับพื้น
ผู้ตัดสินจึงเอ่ยถาม
“เจ้าเป็นอันใดไปหรือ หนิงจื้อชิง? ถ้าไม่สบายก็ลงไปพักด้านล่างก่อน”
ฉู่หลิวเยว่ยิ้มบาง
“ใช่แล้ว! พวกเขาแค่จะตรวจสอบตัวยาอีกครั้ง พวกเราไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องขั้นตอนการตรวจสอบหรอก”
หนิงจื้อชิงส่ายหัว และรวบรวมสติพลันถามจางหัวเสียงเบา
“ผู้นำจาง ข้าว่ายาของฉู่หลิวเยว่ไม่มีอันใดผิดปกติ เช่นนั้น…เช่นนั้นก็พอเท่านี้เถิด…”
“พูดอันใดของเจ้า?”
จางหัวชำเลืองมองเขาด้วยความไม่พอใจ
“นี่เจ้ากำลังช่วยพูดให้ฉู่หลิวเยว่หรือ? นี่เจ้ายังเป็นศิษย์ของพันธมิตรเก้าดาราอยู่หรือไม่? คราวนี้เราต้องตรวจสอบ! มันเป็นไปไม่ได้ที่จะเสมอกัน! อีกอย่าง ถ้าเจ้ามีความสามารถมากพอ มันจะเกิดเรื่องวุ่นวายเช่นนี้ขึ้นหรือ?”
หนิงจื้อชิงถูกตำหนิจนหน้าแดง
ในใจเขากำลังกระวนกระวายราวกับมดตัวน้อยๆ บนกระทะร้อนๆ
หากมีการสอบสวนอย่างละเอียด เขาไม่รู้ว่าทางฝั่งฉู่หลิวเยว่จะมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นจริงหรือไม่ แต่กลอุบายของเขาจะต้องถูกค้นพบอย่างแน่นอน!
“ผู้นำจาง หะ…หากคะแนนเสมอกัน ก็ต้องมีการประลองอีกรอบมิใช่หรือ? ข้าคิดว่าไม่จำเป็นต้องตรวจสอบเรื่องนี้หรอก อย่างใดข้าก็เชื่อว่าคำตัดสินของผู้อาวุโสนั้น…”
เขาพยายามเกลี้ยกล่อมจางหัวโดยใช้ผู้ตัดสินมาอ้าง
ทว่าตอนนี้หากหัวได้ตัดสินใจไปแล้ว มีหรือจะยอมฟังเขา?
และกลับเป็นว่าการห้ามปรามซ้ำๆ ของหนิงจื้อชิงนั่นแหละ ที่ทำให้เขาเริ่มสงสัยในตัวสาวกคนนี้เล็กน้อย
ภายใต้สายตากดดันของจางหัว ส่งผลให้จิตใจของหนิงจื้อชิงค่อยๆ ดิ่งลง เขาลดศีรษะลง พลันกำมือที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อแน่น
ตอนนี้ก็ได้แต่หวังว่า เม็ดยาของเขาจะไม่ถูกจับได้…
อวี้ฉือซงมองฉู่หลิวเยว่อย่างเจ็บปวดใจ
“หลิวเยว่ เจ้าคงเหนื่อยมากแน่? เช่นนั้นไปพักด้านข้างก่อนดีหรือไม่?”
ฉู่หลิวเยว่ยิ้มจนคิ้วเรียวโก่งโค้งลง
“ขอบพระคุณท่านอาจารย์ ทว่าการตรวจสอบคงใช้เวลาไม่นาน ข้าขออยู่ดูด้วยตาตัวเองดีกว่า”
…
ผู้ตัดสินใช้มือทั้งสองข้างหยิบยาทั้งสองชนิดขึ้นมา ข้างซ้ายเป็นยาจื่อหยางของฉู่หลิวเยว่ ส่วนข้างขวาก็เป็นยากลืนวิญญาณของหนิงจื้อชิง
เขาเลือกหยิบยาอายุวัฒนะของฉู่หลิวเยว่ออกมาตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง และใช้ลายจมูกสูดดมอย่างถี่ถ้วน
ป๊อก!
เขาดีดนิ้ว และเปลวไฟสีส้มก็ปรากฏขึ้นที่ปลายนิ้วของเขาทันที
เปลวไฟลุกลามอย่างรวดเร็ว และในไม่ช้า มันก็ห่อหุ้มฝ่ามือของเขาทั้งหมด
ก่อนจะกลืนกินยาจื่อหยางเข้าไป
จากนั้นลายเส้นทั้งห้าก็เริ่มเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว!
เสมือนกับระลอกคลื่นบนผิวน้ำของทะเลสาบที่นิ่งสงบและสม่ำเสมอ
เมื่อเขานำเปลวไฟออก เส้นทั้งห้าบนเม็ดยาจื่อหยางก็สั่นเล็กน้อย พลันสงบลงอีกครั้ง
“ไม่พบความผิดปกติใดๆ ในยาจื่อหยางเม็ดนี้”
ผู้ตัดสินพูดด้วยน้ำเสียงรื่นหู
จางหัวบ่นงุบงิบเบาๆ ยังคงมีความสงสัยและไม่เชื่อในดวงตาของเขา
แต่ตอนที่ผู้ตัดสินตรวจสอบมัน เขาเองก็มองอยู่ตลอด
แม้ว่าเขาจะไม่ใช่เซียนหมอ แต่เขาก็รู้ว่ายิ่งพลังของยาอายุวัฒนะบริสุทธิ์มากเท่าไหร่ ผลการรักษาก็จะยิ่งดีขึ้นเท่านั้นและเมื่อมันถูกเผาด้วยไฟ เส้นบนตัวยาก็จะเคลื่อนไหวอย่างลื่นไหลมากขึ้น
ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ปลอมแปลงกันไม่ได้
ดังนั้นมันก็ชัดเจนแล้วว่ายาเม็ดของฉู่หลิวเยว่นั้น เป็นยาระดับห้าจริงๆ!
จางหัวขมวดคิ้วมุ่น พลางเหลือบมองฉู่หลิวเยว่
หรือว่านางจะซ่อนความแข็งแกร่งของตัวเองเอาไว้?
อวี้ฉือซงก้าวเท้าขึ้นไปด้านหน้า แล้วจ้องมองจางหัวด้วยสายตาทิ่มแทง
“คราวนี้เจ้ามีอันใดจะพูดหรือไม่? เป็นถึงผู้นำของพันธมิตรเก้าดารา แต่กลับหาเรื่องศิษย์ของชงซูเก๋อ
หน้าตาเฉย จางหัว ไม่ใช่ว่าเจ้าควรจะเอ่ยคำขอโทษหรอกหรือ?”
จางหัวรู้สึกอับอายอย่างมาก
ให้เขาขอโทษฉู่หลิวเยว่หรือ?
ฝันไปเถอะ!
“ข้าตั้งข้อสงสัยตามความเหมาะสม และข้าก็ยังไม่ได้ทำอันใดนางเลย นอกจากนี้ ขั้นตอนการพิสูจน์ของเรายังไม่เสร็จสิ้นเลยด้วยซ้ำ? ซงเหล่า ท่านเป็นถึงเจ้าสำนักชงซูเก๋อ อีกทั้งยังเป็นผู้อาวุโสระดับสูง ไยท่านถึงเอะอะโวยวายดื้อรั้นเช่นนี้?”
อวี้ฉือซงหัวเราะอย่างไม่สบอารมณ์
“ข้าหรือที่ดื้อรั้น? เจ้าเองมิใช่หรือที่ยกเรื่องนี้ขึ้นมาเป็นประเด็น? ทุกคนที่อยู่ตรงนี้ล้วนมองเห็นออกว่าเท็จจริงเป็นอย่างใด ยิ่งไปกว่านั้น ฉู่หลิวเยว่เป็นศิษย์ของข้า เจ้ากล้ารังแกนางต่อหน้าข้าเช่นนี้ ถ้าข้าปล่อยเบลอ ทุกคนคงคิดว่าชงซูเก๋อของข้าอ่อนแอ และสามารถเหยียบหัวเราอย่างใดก็ได้!”
เนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับชงซูเก๋อเมื่อหนึ่งปีก่อน ทำให้อวี้ฉือซงป่วยเป็นภาวะซึมเศร้า และไม่อยากสร้างความขัดแย้งกับผู้ใด
ทว่าด้วยทัศนคติที่แข็งกร้าวในวันนี้ จะเห็นได้ว่าเขาพร้อมสู้มากเพียงใด
เมื่อจางหัวโดนอวี้ฉือซงมองด้วยสายตาที่เย็นชาและเฉียบขาด ก็ถึงกับสั่นกลัวขึ้นมาเล็กน้อย
เขากระแอมไอ พลางเอ่ย
“คิดเสียว่าข้าเข้าใจผิดเองก็แล้วกัน!”
และไม่รอให้อวี้ฉือซงพูดแทรก เขาก็รีบพูดต่อทันที
“แต่ปัญหาที่สำคัญกว่าในตอนนี้ก็คือ คะแนนที่เสมอกัน ซึ่งหมายความว่าศึกระหว่างสองสำนักของเรานั้นยังไม่มีผู้ชนะ ส่วนตัว ข้าคิดว่าเราต้องจัดการประลองขึ้นอีกรอบ!”
การประลองในวันนี้เดิมพันด้วยตำแหน่งของสี่สำนักหลังเชียวนะ จะให้ผลออกมาเสมอกันได้อย่างใด?
จางหัวมั่นใจในความคิดของตนอย่างมาก
อย่างน้อยพันธมิตรเก้าดาราของเขาก็ยังคงมีตัวเต็งเหลืออยู่อีกหลายคน ทว่าชงซูเก๋อนั้น…เชียงหว่านโจวและฉู่หลิวเยว่ได้ทำการประลองไปแล้ว โดยเฉพาะฉู่หลิวเยว่ ที่ไม่สามารถลงแข่งรายการใดได้อีก
เช่นนั้นชงซูเก๋อก็หมดทางรับมือกับพวกเขาแล้ว!
ถึงจะต้องเพิ่มการประลอง แต่ไม่ว่าจะเป็นการประลองปรมาจารย์ การประลองจอมยุทธ หรือการประลองเซียนหมอ อย่างใดเสียพันธมิตรเก้าดาราของเขาจักต้องชนะแน่นอน!
“ช้าก่อน”
ฉู่หลิวเยว่เสียงเรียบ พลางเชิดคางขึ้นแล้วยิ้มบาง
“เรายังไม่ได้ตรวจสอบยาของหนิงจื้อชิงเลย ผู้นำจางโปรดอย่าด่วนสรุป รอผลการตรวจสอบของเขาออกมาก่อน ค่อยว่ากันอีกทีก็ยังไม่สาย”
จางหัวเย้ยหยันเสียงแข็ง
“แน่นอนว่ายาของเขานั้นสมบูรณ์แบบ! ถึงพวกเจ้าจะยื้อเวลาก็ไม่มีประโยชน์”
ฉู่หลิวเยว่หัวเราะเบาๆ แต่ก็ไม่ได้พูดอันใด ก่อนจะหันไปมองผู้ตัดสิน
หนิงจื้อชิงปิดปากเงียบ เขายืนตัวแข็งทื่ออยู่ตรงนั้นพร้อมหลบสายตา
ผู้ตัดสินคืนเม็ดยาจื่อหยางให้ฉู่หลิวเยว่ และเริ่มตรวจสอบยาหลอมวิญญาณของหนิงจื้อชิง
ยามตรวจดูคร่าวๆ อีกครั้ง ก็พบว่ามันยังเหมือนเดิม และไม่พบสิ่งผิดปกติใดๆ
จากนั้นเขาก็จุดเปลวเพลิงสีส้มแดงขึ้นบนฝ่ามืออีกครั้ง!
ยาหลอมวิญญาณถูกห่อหุ้มด้วยเปลวเพลิงทันที
เพียงพริบตา ลายเส้นที่อยู่บนเม็ดยาก็เริ่มเคลื่อนไหว
สี่เส้นแรกเคลื่อนไหวตามจังหวะปกติ ทว่าเส้นที่ห้ากลับเคลื่อนไหวช้ากว่า
แม้ว่าจะมีช่องว่างเพียงชั่วขณะ แต่มันก็ชัดเจนมาก เนื่องจากทิศทางของความผันผวน ของเส้นหลายเส้นนั้นแตกต่างกัน
สีหน้าของจางหัวพลันหยุดชะงัก
ผู้ตัดสินถึงกับขมวดคิ้วเป็นปม
ถ้าเป็นเช่นนี้ล่ะก็…
เพียงเขาขยับปลายนิ้วเบาๆ เปลวไฟเหล่านั้นก็ลุกโชนขึ้นรุนแรงกว่าเดิม
ลายเส้นทั้งห้าดีดดิ้นเคลื่อนไหวสะเปะสะปะอย่างบ้าคลั่ง!
ต่อมา…
โพล๊ะ!
ยาหลอมวิญญาณเม็ดนั้นระเบิดทันที!