ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 652 ฆ่ากันซึ่งๆ หน้า
ตอนที่ 652 ฆ่ากันซึ่งๆ หน้า
พูดถึงโจโฉ โจโฉก็มา
เจียงอวี่เฉิงย่นคิ้ว
เหตุใดอวี้ฉือซงจึงโผล่หน้ามาอีกเล่า?
ครั้งก่อนที่แยกกันตรงเรือนฉินในสวนเทพเนรมิต เขาคิดอยู่ตลอดว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล ทว่ารออยู่หนึ่งเดือน อวี้ฉือซงกลับไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ
เขาจึงค่อยๆ ปล่อยเรื่องนี้ไปมิใส่ใจอันใด
คิดไม่ถึงว่าครั้งนี้เขาจะมาอีก
เจียงอวี่เฉิงยืดกายลุกขึ้น เดินมุ่งหน้าออกไปข้างนอก
ยามเดินผ่านร่างของมู่ชิงเห่อ เขาก็หยุดเดิน
“เจ้ากลับไปก่อนเถิด มีเวลาเมื่อไรก็ไปหาตัวฉู่หลิวเยว่ ถามคำถามนางเสียหน่อย”
มู่ชิงเห่อค้อมกายตอบ “ขอรับ”
เจียงอวี่เฉิงพยักหน้าเบาๆ แล้วจากไป
หลังจากรอให้ร่างของเขาจากไปจนสิ้นไร้เงาแล้ว มู่ชิงเห่อจึงเงยศีรษะขึ้นมา และมองไปยังทิศทางที่เจียงอวี่เฉิงจากไปด้วยสีหน้าเยือกเย็นและขึงขัง
น่าแปลก…
ระยะนี้เจียงอวี่เฉิงดูเอาใจใส่เรื่องของฉู่หลิวเยว่มากเป็นพิเศษ…
ไม่เพียงแต่เจาะจงเรียกเขามาถาม ยังให้เขาไปตรวจสอบด้วยตนเองอีก…
เรื่องแบบนี้ เดิมทีมอบให้ข้ารับใช้ระดับล่างไปทำก็เรียบร้อย
ทว่าบัดนี้เจียงอวี่เฉิงกำชับให้เขาไปทำ เห็นได้ชัดเลยว่าสนใจเรื่องนี้มากเพียงใด
เขาเก็บความสงสัยในใจของตนไว้ จากนั้นก็ก้าวเท้าเดินจากไป
…
เมื่อเจียงอวี่เฉิงมาถึงห้องรับรองด้านหน้า ก็พบว่าอวี้ฉือซงนั่งรออยู่ก่อนแล้ว
สีหน้าของเขาพลันปรากฏรอยยิ้มรับแขกขึ้นมาวาบหนึ่ง
“เจ้าสำนักอวี้ฉือซง ลมอันใดหอบท่านมาหรือนี่?”
อวี้ฉือซงรับรู้ได้ถึงฝีเท้าของเขาตั้งนานแล้ว แต่รอให้เขาเข้ามาใกล้เสียก่อน ก่อนตอบว่า
“ที่ข้ามาวันนี้ ก็เพราะมีเรื่องบางเรื่องที่อยากถามองค์ชายเจียง”
บนใบหน้าของเขาปรากฏสีหน้าเรียบเฉย ดูไม่ออกว่าอารมณ์ใดที่แสดงออกมา
ชั่วขณะหนึ่ง ในใจเจียงอวี่เฉิงรู้สึกคลางแคลงใจอยู่บ้าง ไม่รู้ว่ามารอบนี้เขาคิดวางแผนจะทำอันใดกันแน่
“ฮ่าฮ่า! เรื่องงานประชุมสำนักข้าได้ยินมาแล้ว แต่ยังไม่มีเวลาไปแสดงความยินดีกับท่านเลย!”
บนใบหน้าของอวี้ฉือซงเองก็ปรากฏรอยยิ้มเช่นกัน ทว่านัยน์ตากลับเย็นเยียบ
“เกรงใจองค์ชายเจียงแล้ว”
เจียงอวี่เฉิงเห็นท่าทีของเขา พลันรอยยิ้มบนใบหน้าจึงค่อยๆ จางลง
เขาเดินมาทรุดตัวลงนั่งฝั่งตรงข้าม
“เจ้าสำนักอวี้ฉือซงอยากถามอันใด เชิญถามมาเถิด ข้าย่อมตอบทุกอย่างที่ข้ารู้แน่นอน”
อวี้ฉือซงเงียบไปครู่หนึ่ง จ้องเข้ามาในดวงตาของเขาเขม็งแล้วเอ่ยถาม
“มิทราบว่าองค์ชายเจียงเคยได้ยินเรื่องทรายรวมศูนย์มาบ้างหรือไม่?”
…
ภายในห้องปรากฏความเงียบงันในชั่วขณะ
เจียงอวี่เฉิงเอ่ยอย่างแช่มช้า
“เคยได้ยินมาบ้าง เจ้าสำนักอวี้ฉือถามถึงสิ่งนี้เหตุใดหรือ?”
“พูดแล้วเรื่องมันยาว หนึ่งปีก่อน สำนักชงซูเก๋อของข้าถูกคนลอบโจมตี ภายในสำนักมีผู้บาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก จนบัดนี้ก็ยังไม่สามารถหาตัวการหลังฉากได้ หลังจากคืนนั้น สมุนไพรทั้งหลายบนภูเขาชิงหยวนล้วนเหี่ยวเฉาในชั่วข้ามคืน ยิ่งไปกว่านั้นคือข้าไม่สามารถปลูกสมุนไพรใดได้อีกเลย”
“เป็นเวลานานมาแล้ว ข้าเองก็พยายามค้นหาความจริง ทว่าก็ไม่สามารถจับต้นชนปลายได้เลย จนกระทั่งไม่นานมานี้ หลังจากที่หว่านโจวมาบอกกับข้าว่าบนภูเขาชิงหยวนมีทรายรวมศูนย์ ข้าจึงเจอคำตอบ”
“จากที่เขาพูดมา ทรายรวมศูนย์สิ่งนี้เป็นของเฉพาะที่มีอยู่ในชายแดนทางใต้เท่านั้น ข้าคิดใคร่ครวญไปมา รู้สึกว่าเรื่องนี้ช่างประหลาดนัก ใครกันหนอที่ตั้งใจไปยังชายแดนใต้ที่แสนแห้งแล้งและป่าเถื่อน แล้วเก็บเอาทรายรวมศูนย์กลับมาทำลายสำนักชงซูเก๋อของข้า? ข้าถามตัวเองว่าตลอดชีวิตนี้ข้าซื่อสัตย์และตรงไปตรงมา มิเคยทำให้ผู้ใดเจ็บช้ำน้ำใจ มิรู้ว่าไปกระทำผิดต่อใครที่ไหน จึงต้องเจอกับหายนะเช่นนี้”
เขาหยุดไปพักหนึ่ง พลางมองตรงเข้ามาในนัยน์ตาของเจียงอวี่เฉิง และเอ่ยถามทีละคำ
“หากข้าจำมิผิดแล้วล่ะก็ ก่อนหน้านี้องค์ชายเจียงก็เคยไปที่ชายแดนทางใต้?”
บรรยากาศโดยรอบค่อยๆ เย็นยะเยือกขึ้น
สีหน้าเจียงอวี่เฉิงเป็นปกติ กระทั่งมุมปากยังวาดขึ้นเป็นรอยยิ้ม
“เจ้าสำนักอวี้ฉือกำลังสงสัยว่าข้าคือผู้บงการการลอบโจมตีสำนักชงซูเก๋ออยู่หลังฉากเช่นนั้นหรือ?”
อวี้ฉือซงส่ายศีรษะ
“เหตุใดองค์ชายเจียงจึงคิดเช่นนี้? หว่านโจวเคยพูดว่า ผู้ที่ใช้งานทรายรวมศูนย์ย่อมถูกกลืนกินหลังจากทรายรวมศูนย์ถูกกำจัดออกไป ไม่ตายก็สาหัส แต่องค์ชายเจียงยังคงอยู่ดีมิใช่หรือ? ถึงแม้ว่าใจข้าจะรีบร้อน แต่ก็ไม่สามารถสงสัยใครได้ตามใจ”
คิ้วของเจียงอวี่เฉิงอดไม่ได้ที่จะขมวดเล็กน้อย
ท่าทีเช่นนี้ของอวี้ฉือซงดูไม่เหมือนมากล่าวให้ร้ายจริงๆ
เช่นนั้นเขามาที่นี่ อีกทั้งยังเอ่ยปากถึงเรื่องนี้เพื่ออันใดกันแน่?
เขาเอ่ยโต้ตอบทันที เผยให้เห็นถึงสีหน้าพึงพอใจ
“ได้ยินเจ้าสำนักอวี้ฉือซงกล่าวเช่นนี้ ข้าก็วางใจ ข้านั้นเคารพและชื่นชมท่านตลอดมา จะไปทำเรื่องเช่นนั้นได้อย่างใด? เช่นนั้นที่ท่านมาในวันนี้…”
“ข้ามาในวันนี้ก็เพื่อขอร้องให้องค์ชายเจียงช่วยข้า สืบหาว่าเป็นใครกันแน่ ข้าจำได้ว่าในตอนที่ท่านไปยังชายแดนทางใต้ เหมือนจะพาคนกลับมาไม่น้อย? เป็นไปได้หรือไม่ว่าจะเป็นหนึ่งในคนพวกนั้น?”
ในใจเจียงอวี่เฉิงผ่อนคลายลงอย่างมาก
“เป็นเช่นนี้นี่เอง…ไม่มีปัญหา ในเมื่อท่านมีเบาะแสที่แน่ชัดอยู่ในมือแล้ว เช่นนั้นข้าก็จะช่วยท่านสืบด้วยอีกแรง ถ้าหากคนที่ข้าพากลับมาด้วยมีความเกี่ยวข้องบางอย่างด้วยแล้วล่ะก็…ข้ารู้สึกผิดมากจริงๆ”
ถ้าหากมอบให้เขาไปสืบเรื่องนี้ อยากจะสืบเจออันใด ย่อมต้องเจอสิ่งนั้น
อวี้ฉือซงหัวเราะ
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ต้องขอบคุณมาก”
เจียงอวี่เฉิงประสานมือไว้ตรงอก
“เจ้าสำนักอวี้ฉือซงมิต้องเกรงใจ ถ้าหากว่าท่านยังมีเรื่องอื่นใดต้องการความช่วยเหลือ เพียงเอ่ยปากมาก็พอ”
“เรื่องอื่นไม่มีอันใดมากมาย มีเพียงอย่างหนึ่ง…ที่ข้าสนใจ“ สีหน้าของอวี้ฉือซงปรากฏความลังเล
เจียงอวี่เฉิงเอ่ย “ขอเพียงท่านเอ่ยปาก”
อวี้ฉือซงพึมพำกับตนเองอยู่พักหนึ่ง ก่อนค่อยๆ เอ่ยถาม
“ได้ยินมาว่าตอนที่องค์ชายเจียงไปยังชายแดนทางใต้ ก็เพื่อตามหาสมุนไพรชุบชีวิตองค์หญิงใหญ่ มิทราบว่า…ที่ต้องการหา เป็นสมุนไพรชนิดใด?”
รอยยิ้มของเจียงอวี่เฉิงแข็งค้างบนใบหน้า
เขาพยายามสงบสติอารมณ์ตนอย่างยากลำบาก เอ่ยถามว่า
“ท่าน…เรื่องเล่านั้นล้วนผ่านมานานแล้ว เหตุใดจึงถามถึงเรื่องนี้ขึ้นมากัน?
อวี้ฉือซงมองไปที่เขา สายตาคมราวกับว่าสามารถมองทะลุจิตใจผู้คนได้ เขาเอื้อนเอ่ยออกมาทีละคำ ดั่งอัสนีบาตฟาดผ่าลงพื้นพสุธา
“พูดตามตรง ระยะนี้ข้าคิดถึงเรื่องเดิมๆ อยู่บ่อยครั้ง ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกแปลกนัก การสิ้นพระชนม์ขององค์หญิงใหญ่…ดูน่าสงสัยเป็นอย่างมาก มิทราบว่าองค์ชายเจียงเคยบังเกิดความสงสัยเช่นนี้หรือไม่…องค์หญิงใหญ่อาจมิได้ฝึกตนจนสิ้นพระชนม์เพราะธาตุไฟเข้าแทรกก็เป็นได้?”