ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 654 เมฆเขียวบังยอด
ตอนที่ 654 เมฆเขียวบังยอด
เยี่ยนชิง?
มู่ชิงเห่อจำได้ว่าเขาคือคนของหรงซิว
คำเรียก “องค์ชาย” จากปากของเขา คงเป็นหรงซิว
แต่ว่าเขามาซีหลิงตั้งแต่เมื่อใดกัน?
ในใจมู่ชิงเห่อเปี่ยมไปด้วยความฉงน แต่ใบหน้าของเขายังคงนิ่งสงบ เขาพยักหน้าเบาๆ แล้วเดินเข้าไปข้างใน
เคหาสน์หลังไม่ใหญ่ ก้าวผ่านลานหน้าบ้าน เดินไปตามระเบียงรับลม ก็มาถึงหน้าประตูห้องห้องหนึ่ง
เยี่ยนชิงผลักประตูให้เปิดออก เชิญให้เขาเข้าไปข้างใน
“รองแม่ทัพมู่ เชิญ…”
มู่ชิงเห่อไสเท้าก้าวเข้าไปในห้อง
ภายในห้องนั้นอุ่นสบายอย่างมาก มีกลิ่นยาแผ่วจางลอยอบอวลอยู่ในอากาศ
หรงซิวนั่งอยู่ข้างเตาสัมฤทธิ์เลี่ยมทอง บนกายสวมเสื้อคลุมสีขาว ดูราวกับหิมะที่ตกหนักอยู่ด้านนอก
“องค์ชาย รองแม่ทัพมู่มาถึงแล้วขอรับ”
เยี่ยนชิงเอ่ยพลางคำนับ
หรงซิวเงยหน้าขึ้นมามอง
ไม่ได้เจอกันมาสักพักหนึ่ง รูปลักษณ์สูงส่งเลอค่าดั่งมนต์ปีศาจ ยิ่งทำให้ใบหน้างดงามเด่นสะดุดตามากกว่าเก่า
กระทั่งมู่ชิงเห่อก็ต้องยอมรับอยู่ในใจ ใบหน้าชวนลุ่มหลงเช่นนี้ของหรงซิวช่างพบเจอได้ยากเสียจริง
หรงซิวยกมุมปากคลี่รอยยิ้มบาง
“ยินดีต้อนรับรองแม่ทัพมู่สู่บ้านของข้า ขออภัยที่ไม่ได้ออกไปรับท่านด้วยตัวเอง หวังว่าท่านจะไม่ถือสา”
หางคิ้วของมู่ชิงเห่อยกขึ้นช้าๆ
หรงซิวพูดเช่นนี้ เหตุใดจึงทำอย่างกับว่าจวนหลังนี้เป็นอาณาเขตของเขาไปได้เล่า?
นี่มิใช่จวนที่อวี้ฉือซงมอบให้ฉู่หลิวเยว่หรอกหรือ?
“ไม่พบกันเสียนานทีเดียว หลีหวัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนี้หรอก”
มู่ชิงเห่อเอ่ยพลางเดินไปนั่งด้านข้าง กวาดสายตามองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างเงียบเชียบรอบหนึ่ง
ที่แห่งนี้ดูไปแล้วมิได้มีการเปลี่ยนแปลงอันใดมากมายนัก เทียบกับก่อนหน้านี้แล้วก็มิได้ต่างกันมาก
เพียงแต่ว่าของส่วนมาก…เห็นได้ชัดว่าเป็นของของหรงซิว
นี่ชัดเจนอย่างยิ่ง หรงซิวพักอาศัยอยู่ที่นี่เป็นแน่แท้
“ก่อนหน้านี้มิใช่ว่าหลีหวันอยู่ที่เย่าเฉินหรือ? ท่านมาถึงซีหลิงตั้งแต่เมื่อใดกัน?” มู่ชิงเหอไม่อ้อมค้อม “อีกอย่าง ถ้าหากว่าข้าจำไม่ผิด จวนหลังนี้…คลับคล้ายคลับคลาว่าเจ้าสำนักซงชูเก๋อมอบให้ฉู่หลิวเยว่ ไม่ทราบว่าเหตุใดวันนี้ท่านจึงมาพักอยู่ที่นี่ได้?”
หรงซิวหัวเราะแผ่วเบา
“พอดีว่าข้ามีเรื่องที่ต้องจัดการ เมื่อเดินทางผ่านที่นี่ คิดได้ว่าเยว่เอ๋อร์พักอยู่ที่นี่ จึงมาพบนางเสียหน่อย ระยะนี้นางไม่อยู่ในเมือง ครานี้จึงให้ข้ายืมใช้จวนหลังนี้”
ว่ากันตามจริงคนทั้งสองก็เป็นคู่หมั้นกัน ทำเช่นนี้ก็หาได้มีอันใดผิดแปลก
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง”
มู่ชิงเห่อผงกศีรษะ แล้วเอ่ยถามขึ้นมาอย่างไม่ตั้งใจ
“ไม่ทราบว่าหลีหวันต้องการทำธุระเรื่องอันใด จึงต้องเดินทางผ่านเมืองที่ห่างไกลจากเย่าเฉินหลายหมื่นลี้อย่างซีหลิง?”
ความจริงแล้ว ระยะทางไกลยังไม่ใช่เรื่องสำคัญที่สุด
ที่สำคัญที่สุดก็คือ เมืองซีหลิงนั้นอยู่ในพรมแดนม่านฟ้า ถ้าหากหรงซิวต้องการจะเข้ามาจากด้านนอก ต้องใช้เงินและเวลามากน่าดู
“ข้าขอพูดตามตรงกับรองแม่ทัพมู่ ตัวข้าออกเดินทางครานี้ ก็เพราะกายเนื้อร่างนี้ ผู้อาวุโสจากหมิงเยว่เทียนซานได้หาตัวเซียนหมอผู้หนึ่งให้แก่ข้า บอกว่าเซียนหมอผู้นั้นอาจจะสามารถกำจัดต้นตอของโรคของข้าได้อย่างสมบูรณ์ อีกทั้งโรคเก่าข้าอาการกำเริบ ครั้งนี้มาพักอาศัยที่นี่ คิดจะพักรักษาตัวสักพักหนึ่ง”
หรงซิวเอ่ยพลางเอากำปั้นแนบริมฝีปากไอสองที ใบหน้าของเขาซีดขาวยิ่ง
ดูไปแล้ว คงเป็นอย่างที่เขาพูดจริงๆ
มู่ชิงเห่อคิดทบทวนคำพูดของเขาสองรอบก็ไม่เห็นถึงปัญหาอันใด
ภายในพรมแดนม่านฟ้ามีผู้คนที่เก่งกล้ามากมาย ระดับและความสามารถของเซียนหมอย่อมสูงมากเช่นกัน
หรงซิวเข้ามาภายในพรมแดนม่านฟ้าเพื่อหาหมอจ่ายยา แท้จริงแล้วก็เป็นเรื่องปกติ
“ระยะนี้ฉู่หลิวเยว่อาศัยอยู่ในเมืองซีหลิงรุ่งเรืองเป็นอย่างมาก ชื่อเสียงโด่งดัง หลีหวันย่อมเคยได้ยินข่าวทั้งหมดแล้ว?”
ตอนนี้ ฉู่หลิวเยว่นามกระฉ่อน ภายในเมืองซีหลิง ผู้คนทั้งหมดรวมลูกเล็กเด็กแดงล้วนไม่มีใครไม่รู้จัก
หรงซิวรอยยิ้มลึกล้ำ เปลือกตาหางคิ้วล้วนแย้มคลายออก ภายในนัยน์ตาปรากฏความอ่อนโยนเบาบาง
“ตลอดมานี้ นางดีที่สุด”
น้ำเสียงนั้นสงบนิ่ง ทว่าที่เห็นได้ชัดคือ น้ำเสียงกลับปกปิดความภาคภูมิใจและความหลงใหลไม่มิด
สตรีที่เขามีใจชมชอบ ย่อมโดดเด่นมากที่สุดในโลก
ไม่ว่าจะทำอันใด ล้วนทำออกมาได้ดีที่สุด
งานหมื่นทูรเป็นเช่นนี้ งานประชุมสำนักก็เป็นเช่นนี้
มู่ชิงเหอนิ่งไปครู่หนึ่ง กล่าวว่า
“มีเรื่องหนึ่งที่ข้าอยากชี้แนะหลีหวันเสียหน่อย”
“เชิญรองแม่ทัพมู่พูดมา”
“ฉู่หลิวเยว่ นาง…มีคนรู้จักในซีหลิงหรือไม่? ตามที่ข้าได้ยินมา ประมุขเยว่แห่งหอร้อยโอสถดูเอาใจใส่นางมากทีเดียว”
เยี่ยนชิงยืนกุมมือ ก้มศีรษะด้วยความอับอาย
เอาใจใส่มาก?
เป็นถึงชายาขององค์ชาย ประมุขเย่ว์จะไม่ระมัดระวังได้อย่างใด?
ก่อนหน้านี้ไม่รู้ตัวตนก็แล้วไปเถิด บัดนี้องค์ชายล้วนกล่าวแจ้งด้วยตนเอง เย่ว์หลิงย่อมกุลีกุจอปรนนิบัติเอาใจอย่างดี
ก่อนหน้า มิใช่เพราะว่าเจียงอวี่จื่อปากไม่ดี จึงต้องทนทุกข์ทรมานหรอกหรือ?
“เรื่องนี้ข้าไม่เคยได้ยินนางพูดถึงมาก่อน นางเองก็เพิ่งมาที่ซีหลิงเป็นครั้งแรก เหตุใดจึงไปรู้จักคนผู้นั้นได้เล่า? ส่วนเรื่องของประมุขเย่ว์ผู้นั้น…ข้าก็เคยได้ยินมาบ้าง แต่ก็เป็นเพราะค่าใช้จ่ายของเยว่เอ๋อร์ที่หอร้อยโอสถมีจำนวนไม่น้อย ก็คงประมาณนี้?”
พูดถึงตรงนี้ ริมฝีปากบางของหรงซิวแย้มขึ้นเล็กน้อย
“ได้ยินเขาพูดกันว่า เยว่เอ๋อร์ไปหอร้อยโอสถครั้งแรก ก็ได้รองแม่ทัพมู่คอยสนับสนุน?”
ริมฝีปากของเขาประดับรอยยิ้ม น้ำเสียงทุ้มนุ่ม ดูเหมือนว่าเพียงพูดถามไปเรื่อยเท่านั้น
แต่ไม่รู้ว่าเหตุใด รอยยิ้มนั้นกลับส่งไปไม่ถึงดวงตา เปลือกตาและหางตาแฝงความความเย็นเยียบไว้ ทำให้ผู้คนรู้สึกหนาวยะเยือก
มู่ชิงเห่อรู้สึกว่าอากาศภายในห้องเย็นขึ้นมากกว่าเดิมอย่างบอกไม่ถูก
เขาขยับร่างกายเพื่อสลัดความรู้สึกเย็นยะเยือกออก เอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย
“ข้าเป็นคนพานางไปเข้าร่วมงานหมื่นทูร เรื่องพวกนี้เป็นเรื่องปกติ อีกอย่างเมื่อไม่นานมานี้ นางก็ย้ายมาอยู่ที่จวนแห่งนี้ แทบจะไม่มาเหยียบจวนตระกูลมู่เลย จริงๆ แล้วข้าได้ยินมาว่า…ก่อนหน้านี้ เจี่ยนเฟิงฉือลงขันพนันที่งานหมื่นทูรสำหรับชัยชนะครั้งแรกของนาง ได้เงินมาไม่น้อย ภายหลังยังแบ่งให้นางด้วยส่วนหนึ่ง ทำให้การเงินของนางอู้ฟู่ไม่น้อย”
เรื่องที่ฉู่หลิวเยว่ใช้จ่ายไปหนึ่งหมื่นเหรียญที่หอร้อยโอสถในภายหลังก็ถูกกล่าวถึงไปทั่วเช่นกัน
มีแค่เงินพวกนี้ที่คอยหนุนเรื่องค่าใช้จ่ายของนางได้
คิ้วกระบี่ของหรงซิวเลิกขึ้นเล็กน้อย เขาแย้มยิ้มสบายๆ
“เช่นนั้นหรือ?”
ในชั่วพริบตา พื้นที่โดยรอบดูเหมือนจะเย็นยะเยือกลงไปอีก
เยี่ยนชิงหลับตาอย่างท้อแท้
มู่ชิงเห่อนี่สุดยอดจริงๆ เรื่องที่ไม่ควรพูดก็ยังจะพูดออกมา?
หากพูดกันตามจริงแล้ว เงินของมู่ชิงเห่อถูกคุณหนูหลิวเยว่รีดไถไปผลาญเล่น
เจี่ยนเฟิงฉืออาศัยเงินที่คุณหนูหลิวเยว่แข่งชนะมาพูดว่าแบ่งเงินให้นางไม่ใช่ปัญหาอันใด
ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้ที่คุณหนูหลิวเยว่ใช้ไปทั้งหมดล้วนเป็นเงินขององค์ชาย…
แต่ว่าคนอื่นไม่รู้อย่างใดเล่า!
เป็นเช่นนี้แล้ว คนข้างนอกจะมองว่าองค์ชายเป็นคนเช่นไร?
ในที่สุดมู่ชิงเห่อก็รู้สึกได้ถึงความผิดปกติ
พิศดูสีหน้าของหรงซิว เขาพอจะเดาอันใดได้บ้างแล้ว
หรงซิวนั้นเกิดในราชวงศ์เย่าเฉิน มียศถาบรรดาศักดิ์สูงส่งยามอยู่ในแคว้น ทว่าเมื่อมาอยู่ในซีหลิง ของพวกนั้นกลับไร้ความหมาย
เขาคงต้องเผชิญความยากลำบากในการดูแลฉู่หลิวเยว่เช่นเดียวกัน…เช่นนั้นแล้วเหตุใดจึงไม่ไปอาศัยอยู่ด้านนอก แต่กลับมาอาศัยอยู่ที่นี่แทน?
คิดถึงตรงนี้ สีหน้าของมู่ชิงเห่อก็เปลี่ยนไป แฝงไว้ด้วยความเจ้าเล่ห์อยู่บ้าง
ถ้าเป็นเช่นนี้แล้วล่ะก็…นี่มันเหมือนกับว่าหรงซิวกำลังพึ่งฉู่หลิวเยว่อยู่อย่างใดอย่างนั้น…
ใครจะไปคาดคิดว่าสองเดือนก่อนฉู่หลิวเยว่ยังเป็นคนคอยติดสอยห้อยตามหรงซิวอยู่เลย มาบัดนี้เพียงพริบตาเดียว กลับเปลี่ยนเป็นฉู่หลิวเยว่เลี้ยงดูหรงซิวเสียแล้ว?
ช่างเป็นเรื่องที่คาดไม่ถึงเสียจริง
ยิ่งไปกว่านั้น ดูจากความสามารถและพละกำลังของฉู่หลิวเยว่ในตอนนี้ อนาคตย่อมรุ่งเรืองอย่างไม่ต้องสงสัย
ทว่าหรงซิวกลับถ่วงรั้งด้วยร่างกายขี้โรคและอ่อนแอเช่นนี้…
พิจารณาจากเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้าแล้ว ฉู่หลิวเยว่ย่อมรู้จักคนจากหอร้อยโอสถ ตำแหน่งเองก็เป็นไปได้ว่าไม่ต่ำเตี้ย
ไม่เช่นนั้น หอร้อยโอสถคงไม่จำเป็นต้องปกป้องนางเช่นนี้
ทว่าเรื่องนี้…ดูเหมือนว่าฉู่หลิวเยว่กลับยังไม่บอกหรงซิว?
มู่ชิงเห่อมองสีหน้าของหรงซิว ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกเห็นอกเห็นใจขึ้นมาเปราะหนึ่ง