ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 680 แผ่นทองแดงทรงกลม
ตอนที่ 680 แผ่นทองแดงทรงกลม
“หรานหร่านมีพรสวรรค์เรื่องการหลอมโอสถอย่างมาก การเดินทางครั้งนี้นางจะต้องได้รับประสบการณ์อย่างมากแน่นอน อีกทั้งยังมีข้าและเสี่ยวโจวอยู่ นางจะต้องปลอดภัยแน่นอน”
ฉู่หลิวเยว่พูดอย่างตั้งใจ
เย่หรานหร่านรีบยกมือขึ้น
“ท่านเจ้าสำนัก ท่านอาจารย์ ข้าจะตั้งใจฝึกฝน ระวังตัวอย่างมาก ไม่มีทางเป็นตัวถ่วงของหลิวเยว่และหว่านโจว!”
นางอยากไปแดนภังคะ แต่ไม่มีทางปล่อยตัวเองเป็นตัวถ่วงของทุกคนอย่างแน่นอน
ถ้าเป็นเช่นนั้นละก็ สู้ไม่ไปเสียยังจะดีกว่า
เมื่อเห็นว่าทั้งสองคนกำลังลังเล ฉู่หลิวเยว่จึงพูดขึ้นอีกครั้งว่า
“มีหรานหร่านเพิ่มขึ้นมาอีกคน พวกเราทั้งสามคนก็ยังสามารถดูแลซึ่งกันและกันได้”
อวี้ฉือซงมองผู้อาวุโสซย่าอี้
“นี่คือลูกศิษย์ของเจ้า เจ้าตัดสินใจเถิด!”
ผู้อาวุโสซย่าอี้ครุ่นคิดอยู่นาน ในที่สุดก็ตอบตกลง
“ได้! แต่ว่าหรานหร่านสิ่งที่เจ้าพูดเมื่อครู่นี้ เจ้าจะต้องทำมันให้ได้ด้วยนะ!”
ทักษะในการต่อสู้ของเย่หรานหร่านไม่มีทางเทียบได้กับฉู่หลิวเยว่และเชียงหว่านโจวอยู่แล้ว ข้อดีเพียงหนึ่งเดียวคือพรสวรรค์ของหมอเทวดา
ถ้าครั้งนี้นางสามารถฝึกฝนได้ดีขึ้นจริงๆ นั่นก็ถือว่าเป็นเรื่องดี ที่จะได้ไม่ต้องเพิ่มภาระให้กับฉู่หลิวเยว่และเชียงหว่านโจว
เย่หรานหร่านดีใจอย่างมาก จากนั้นก็พูดขึ้นซ้ำๆ ว่า
“ขอบคุณเจ้าค่ะท่านอาจารย์! ขอบคุณเจ้าค่ะท่านเจ้าสำนัก!”
ผู้อาวุโสซย่าอี้หัวเราะเสียงดัง
“เจ้าควรขอบคุณฉู่หลิวเยว่สิถึงจะถูก! เวลามีไม่มากแล้ว เวลาสองวันนี้พวกเจ้าก็รีบแยกย้ายไปเตรียมตัวเถิด”
พวกเขาต่างขานรับอย่างพร้อมเพรียง
ฉู่หลิวเยว่ลุกขึ้นยืนและเดินออกจากห้องพร้อมกับเชียงหว่านโจวและเย่หรานหร่าน แล้วพูดคุยกันเรื่องออกเดินทางด้วยกัน
หลังจากที่พวกเขาออกจากที่นี่ไปแล้ว ผู้อาวุโสซย่าอี้จึงมองอวี้ฉือซงแล้วพูดอย่างเคร่งเครียดว่า
“เจ้าสำนัก ช่วงสองวันเกิดอันใดขึ้นกับตระกูลเจียงในซีหลิงหรือ ท่านได้ยินมาบ้างหรือไม่?”
อวี้ฉือซงถามกลับว่า
“เจ้าหมายถึงเรื่อง…เจียงอวี่เฉิงถูกลอบสังหารน่ะหรือ?”
ผู้อาวุโสซย่าอี้พยักหน้า แต่ก็ส่ายหน้า
“เจียงอวี่เฉิงล่วงเกินคนมาไม่น้อย จะมีคนลงมือกับเขาบ้างก็เป็นเรื่องปกติ แต่…ตามข่าวลือกล่าวว่าตอนนั้นเจียงอวี่เฉิงได้เรียกรวมตัวอดีตผู้ใต้บังคับบัญชา คนผู้นั้นจึงปะปนเข้ามา และเกือบจะลงมือสำเร็จแล้ว เจ้าสำนักท่านรู้หรือไม่ ว่าคนที่เขาเรียกไปวันนั้น ความจริงแล้วคือคนที่ร่วมเดินทางไปกับเขาที่ชายแดนใต้”
อวี้ฉือซงพยักหน้า
“รู้ แต่จะว่าไปแล้ว และเขาเองก็กำลังทำให้ข้าดู จะพูดให้ถูกต้องก็คือ ทำให้สำนักชงซูเก๋อดู”
ผู้อาวุโสซย่าอี้เบิกตากว้างขึ้นเล็กน้อย
“ท่านหมายความว่า…”
“ก่อนหน้านี้ข้าเคยไปพูดกับเขาเรื่องทรายรวมศูนย์ เขาจึงพยายามล้างมลทินให้ตนเองอย่างสุดกำลัง และบอกว่าจะสืบเรื่องนี้ให้กระจ่าง ดังนั้นเขาจึงเรียกให้คนเหล่านั้นมารวมตัวกัน ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ค่อยใส่ใจเรื่องนี้ แต่ความจริงแล้วข้าส่งคนไปตรวจสอบก็รู้ได้ทันทีแล้ว”
“เป็นเช่นนี้นี่เอง…ถ้าเป็นเช่นนี้จะไม่เป็นการทำให้ใครตกใจและยังทำท่าทางเหมือนกำลังช่วยท่านสืบหาความจริง…เจียงอวี่เฉิงคนนี้ เป็นคนเจ้าความคิดจริงๆ!”
“เขาเป็นเช่นนั้นจริงๆ จะไม่ยอมเรื่องที่ตนเองเสียเปรียบ”
น้ำเสียงของอวี้ฉือซงราบเรียบ ในแววตามีความประชดประชัน
“แต่ว่าเรื่องที่มีคนมาลอบโจมตีเขานั้น น่าจะเป็นเรื่องไม่คาดฝัน เขาเองก็อาจจะคิดไม่ถึง ว่าจะถูกคนลอบโจมตีในบ้านของตัวเอง”
ผู้อาวุโสซย่าอี้ถามอย่างประหลาดใจ “ไหนบอกว่ามือสังหารคนนั้นไม่สามารถทำอันใดเขาได้ไม่ใช่หรือ?”
อวี้ฉือซงหัวเราะเยาะ
“ถ้าคนผู้นั้นกระทำไม่สำเร็จ แล้วเหตุใดเจียงอวี่เฉิงถึงได้ร้อนรนขนาดนี้ล่ะ ถึงขนาดส่งคนไปสืบทั่วเมืองซีหลิงชนิดข้ามวันข้ามคืนเลยไม่ใช่หรือ? ช่วงสองวันนี้เขาแทบจะพลิกแผ่นดินซีหลิงแล้ว ถ้าเขาไม่เสียเปรียบด้านใดด้านหนึ่ง เขาไม่มีทางทำเรื่องเช่นนี้ในเวลาแบบนี้แน่นอน”
ต้องบอกก่อนว่างานมงคลสมรสของเขาและองค์หญิงใหญ่เพิ่งกำหนดฤกษ์ได้ไม่นาน
การจะทำเรื่องเช่นนี้เป็นเรื่องที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง
“…ก็จริง…” ผู้อาวุโสซย่าอี้หัวเราะแห้งๆ “แต่ก็ไม่รู้อยู่ดีว่าใครเป็นคนทำ! คนที่สามารถใช้ประโยชน์จากลูกน้องของเจียงอวี่เฉิงได้นั้นจะต้องไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน! ข้าล่ะอยากรู้จริงๆ ว่าอาการบาดเจ็บของเจียงอวี่เฉิงเป็นอย่างใดแล้วบ้าง!”
แววตาของอวี้ฉือซงมีประกายเย็นวาบพาดผ่าน
“ก่อกรรมทำเข็ญ ก็ไม่สามารถหลบหนีได้”
…
เมื่อฉู่หลิวเยว่มาถึงห้องตนเอง ก็เริ่มบำเพ็ญเพียรด้วยความสบายใจ
หลังจากที่นางสามารถเลื่อนขั้นจอมยุทธระดับห้าได้แล้ว นางก็รู้สึกว่าประสาทสัมผัสทั้งห้าของนางเฉียบคมกว่าเมื่อก่อนอย่างเห็นได้ชัด
และการทะลวงอวัยวะภายในทั้งห้าก็ทำให้นางบำเพ็ญเพียรได้เร็วกว่าเดิมหลายเท่าตัว
นั่นจึงทำให้ฉู่หลิวเยว่สบายใจมากขึ้นกว่าเดิม
ท้ายที่สุดแล้วฝีมือที่แข็งแกร่งถึงจะเป็นความมั่นใจที่แท้จริง
หลังจากพลังดั้งเดิมในร่างกายของนางโคจรครบหนึ่งสัปดาห์ ฉู่หลิวเยว่จึงดูกระฉับกระเฉงและมีชีวิตชีวามากขึ้น
นางจึงตั้งหน้าตั้งตาคอยการเดินทางไปแดนภังคะอยู่เล็กน้อย
เมื่อคิดถึงตรงนี้ นางก็จัดการนับของที่ผู้อาวุโสหมิงที่สามสิบหกและหรงซิวมอบให้นางอย่างละเอียด
เมื่อนางทอดสายตามองไปก็รู้สึกว่าของเหล่านี้มีจำนวนไม่น้อยจริงๆ
อย่างใดก็ตามหากเกิดเหตุอันตรายจริงๆ นางก็สามารถคุ้มครองชีวิตตนเองได้แล้ว
จากนั้นนางก็หยิบแผ่นทองแดงทรงกลมแผ่นหนึ่งออกมา
ของสิ่งนี้…เหมือนว่าจะสามารถเคลื่อนที่ได้?
ตอนแรกนางยังไม่ได้รู้สึกอันใด แต่เมื่อหยิบออกมาแล้วฉู่หลิวเยว่ก็รู้สึกว่าของชิ้นนั้นล้ำค่ามากจริงๆ
ที่สำคัญคือมีราคาแต่ไม่มีตลาด[1]
ต่อให้เจ้ามีเงิน ก็ยังไม่สามารถซื้อได้อยู่ดี
อีกทั้งขึ้นอยู่กับระดับของมันด้วย ระยะทางให้การเคลื่อนย้ายก็ไม่เหมือนกัน
ฉู่หลิวเยว่มองไปยังแผ่นทองแดงทรงกลมที่อยู่ในมือ ขนาดเท่าฝ่ามือ แต่เมื่อหยิบขึ้นมาแล้วรู้สึกหนัก ด้านบนมีรอยสนิมเกาะอยู่
เห็นได้ชัดว่าผ่านมาตั้งนานแล้วแต่เขายังไม่เคยใช้มันเลยสักครั้ง
จึงไม่รู้ว่าของชิ้นนี้สามารถเคลื่อนที่ได้ไกลขนาดไหน…
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกสงสัยอย่างมาก นางเช็ดฝุ่นบนตัวของมัน แล้วถ่ายเทพลังดั้งเดิมสายหนึ่งลงไป
แผ่นทองแดงทรงกลมนั้นไม่ขยับเลยแม้แต่น้อย
“หือ?”
ฉู่หลิวเยว่แปลกใจเล็กน้อย
โดยปกติแล้วหากถ่ายเทพลังดั้งเดิมลงไป อาวุธโบราณมันจะต้องเกิดการเคลื่อนไหวเล็กน้อย
แต่คาดไม่ถึงว่าของชิ้นนั้นจะไม่มีแม้กระทั่งระลอกคลื่นปรากฏออกมาเลย
นางถ่ายเทพลังดั้งเดิมลงไปมากยิ่งขึ้น
ครั้งนี้นางถ่ายเทพลังไปถึงห้าส่วน
แต่แผ่นทองแดงทรงกลมแผ่นนั้นก็ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย
เดิมทีฉู่หลิวเยว่เพียงแค่รู้สึกสงสัย แต่ตอนนี้กลับกระตุ้นให้นางเอาชนะเสียแล้ว
…นางไม่เชื่อว่าตนเองจะไม่สามารถเปิดแผ่นทองแดงทรงกลมแผ่นนี้ได้?
ดังนั้นนางจึงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นก็ถ่ายเทพลังเต็มสิบส่วน!
แกร๊ก!
ทันใดนั้นก็มีเสียงแตกดังลั่นออกมา!
ฉู่หลิวเยว่ตกตะลึงไป
นางคงไม่ได้ทำของชิ้นนี้พังหรอกใช่หรือไม่?
นี่เป็นของที่มีคนมอบให้นางโดยเฉพาะ หากมันถูกทำลายไปเช่นนี้…
ฉู่หลิวเยว่รีบหยุดมือลงทันที จากนั้นก็ยกของชิ้นนั้นขึ้นมาดูอย่างระมัดระวัง
ตำแหน่งตรงกลางของแผ่นทองแดงทรงกลมแผ่นนั้นมีรอยแตกร้าวปรากฏขึ้น
พังแล้วจริงๆ ด้วย!
ฉู่หลิวเยว่ปวดหัวเล็กน้อย
ในตอนที่นางกำลังคิดว่าจะซ่อมของชิ้นนี้อย่างใดดี ทันใดนั้นเองก็มีแสงสว่างรอดผ่านรอยแตกร้าวนั้นออกมา
จากนั้นก็หายวับไป
หากฉู่หลิวเยว่ไม่ได้จ้องอยู่ นางจะต้องไม่รู้สึกตัวอย่างแน่นอน
“หือ? นั่นมัน…”
ฉู่หลิวเยว่ขมวดคิ้วมุ่น ก่อนจะจ้องไปที่รอยร้าวนั้นอยู่ครู่หนึ่ง
สีดำเหล่านี้…เหมือนว่าจะมีบางอย่างไม่ถูกต้อง…
ความคิดของฉู่หลิวเยว่เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน ท้ายที่สุดนางก็เลือกที่จะถ่ายเทพลังดั้งเดิมของตนเองลงไปต่อ!
แกร๊ก!
รอยร้าวนั้นมันขนาดใหญ่มากขึ้น!
แสงที่อยู่ภายในก็ส่องประกายถี่มากขึ้นเรื่อยๆ
ฉู่หลิวเยว่ยังคงถ่ายเทพลังดั้งเดิมลงไปอย่างต่อเนื่อง
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ ทันใดนั้นเศษทองแดงก็ร่วงกราวลงมา
ตอนนั้นเองก็มีอันใดบางอย่างโผล่ออกมาจากด้านใน
ฉู่หลิวเยว่ก้มลงไปมองใกล้ๆ จึงตกใจนิ่งค้างไป
คาดไม่ถึงว่าจะเป็นกลีบดอกไม้?
แน่นอนว่ากลีบดอกไม้กลีบนี้ไม่ใช่ของจริง แต่ถูกแกะสลักจากผลึกสีใส
แม้ว่ามันจะโปร่งแสง แต่เมื่อมองเพียงครู่เดียวก็เห็นถึงความงดงามและเปล่งประกายของมัน
ทั่วทั้งแผ่นทองแดงทรงกลมเต็มไปด้วยรอยแตกร้าว ราวกับว่าทองแดงด้านนอกหลุดลอกออกหมดแล้ว
ฉู่หลิวเยว่จึงถ่ายเทพลังดั้งเดิมเข้าไปอีก
ตู้ม!
[1]มีราคาแต่ไม่มีตลาด หมายถึง มูลค่าของสินค้าขึ้นเอาๆ แต่ไม่มีตลาด ไม่มีคนขาย