ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 697 ข่าวคราว
ตอนที่ 697 ข่าวคราว
ในเมื่อฉู่หลิวเยว่ไม่ขยับ คนที่เหลือเองก็ไม่ขยับหนีเช่นกัน
เกิดความเงียบขึ้นชั่วขณะ
และเมื่อพี่เหลยสี่สังเกตเห็นความผิดปกติ คิ้วเข้มทั้งสองก็พลันขมวดเข้าหากันอีกครา
“อันใด? ไม่ได้ฟังที่ข้าพูดไปเมื่อครู่หรือ?”
ฉู่หลิวเยว่ยิ้มบาง พลางเอ่ยว่า
“ท่านพี่เหลย ท่านเองก็ตามพวกข้ามาตลอดทาง ย่อมรู้ดีว่าสาเหตุที่พวกข้ามาที่นี่ ก็เพื่อมาดูว่าเกิดอันใดขึ้นกับลำธารนี้… กว่าพวกข้าจะมาถึงที่นี่ได้นั้นไม่ง่ายเลย แต่ท่านกลับไล่เราเสียอย่างนั้น ข้าว่าเช่นนี้ดูไม่ค่อยเหมาะสมเสียเท่าไหร่นะ?”
พี่เหลยสี่หัวเราะออกมาราวได้ยินเรื่องตลก พลางจ้องมองพวกเขาราว เสมือนกำลังมองพวกเด็กแสบที่ชอบสร้างปัญหาไปเรื่อย
เขาเชิดคางขึ้น
“ข้ารู้ว่าพวกเจ้าอยากเข้าไปในค่ายกลนั่น แต่ทว่า…พวกเจ้าไม่ได้ดูเลยหรือว่าที่นี่มันเป็นอย่างใด พวกเจ้าเก่งพอที่จะเข้าไปเชียวหรือ? ทำตัววางท่าอวดดีเช่นนี้ ช่างเขลาไม่ต่างจากลูกวัวแรกเกิดยั่วโมโหเสือร้ายเลยสักนิด! พวกเจ้าอยากจบชีวิตกันที่นี่หรือไร?”
ฉู่หลิวเยว่พยายามกล่าวอย่างสุภาพและจริงใจ
“ขอบคุณท่านพี่เหลย สำหรับคำเตือน ทว่าตลอดมาข้าคือคนที่ช่วยผู้อื่นไว้เสมอ แน่นอนว่าข้าย่อมไม่ทำอันใดที่เสี่ยงต่อชีวิตหรือรนหาที่ตายเป็นแน่ แต่ถ้าข้าทำ นั่นก็หมายความว่าข้ามั่นใจในฝีมือของตัวเองมากพอ”
“จองหอง!”
พี่เหลยสี่ตวาดด้วยความโมโห
“สุดท้ายพวกเจ้ามาที่นี่ก็เพราะสัตว์อสูรตัวนั้น! หรือจะพูดว่ามาเพื่อนำเลือดของสัตว์อสูรตนนั้นไปถวายซั่งกวนหว่านดีล่ะ!? อันใดๆ ก็เพื่อองค์หญิง…สับปลับสิ้นดี!”
คำพูดของเขาเต็มไปด้วยการดูถูกและความเกลียดชังที่มีต่อซั่งกวนหว่าน
ฉู่หลิวเยว่ถึงกับชะงัก
พอได้ยินแบบนี้แล้ว…ดูเหมือนว่าพี่เหลยสี่จะมีความบาดหมางกับซั่งกวนหว่าน และดูเหมือนว่าเขาจะรู้เรื่องของนางดีด้วย…
แต่เมื่อพิจารณาจากรูปร่างหน้าตาแล้ว เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นคนป่าที่อาศัยอยู่แต่ในป่า
เป็นไปได้หรือไม่ว่าเมื่อก่อนเขาจะถูกซั่งกวนหว่านข่มเหง จนต้องหลบหนีมาอยู่ในป่าหมอกมายาแห่งนี้?
ฉู่หลิวเยว่ส่ายหน้า
“ท่านพี่เหลย โปรดอย่าเข้าใจผิด พวกข้าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับซั่งกวนหว่าน และไม่สามารถทำตามความต้องการของนางได้ แต่คนที่ยินยอมทำเพื่อนางก็มี อย่างเช่นเจียงอวี่เฉิงและคนอื่นๆ แต่ก็ยกเว้นพวกของข้า”
และจู่ๆ พี่เหลยสี่ก็ทำทีนึกอันใดขึ้นมาได้ พลันเอ่ยถามอย่างลังเล
“เจียงอวี่เฉิงก็มาด้วยหรือ?”
เขาแค่นเอ่ยประโยคนั่น เสมือนกัดฟันกรอดขณะพยายามพูดออกมา
และทุกๆ คำที่หลุดออกมาจากไรฟันของเขา ล้วนเต็มไปด้วยความเกลียดชัง!
แทบจะเท่ากับตอนที่พูดถึงซั่งกวนหว่านเมื่อครู่เลย!
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้า
ไม่รู้ว่าเมื่อก่อนอีกฝ่ายกับอีกสองคนนั้นมีเรื่องบาดหมายอันใดกัน เขาถึงได้แสดงท่าทางเกลียดชังออกมาทันทีที่ได้ยินชื่อของคนพวกนั้น
“พูดตามตรง พวกข้าเพิ่งแยกจากพวกเขาเมื่อครู่ก่อน แต่พอหันกลับไป ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของพวกเขา…”
ทว่าฉู่หลิวเยว่ยังพูดไม่ทันจบ พี่เหลยสี่ก็หัวเราะร่าออกมา
“เป็นคนพวกนั้นนี่เอง! ฮ่าๆ! พวกเขาจริงๆ ด้วย!”
ตอนนั้นเขาเองก็สัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของผืนป่ารอบด้าน แต่เขาไม่ได้ใส่ใจมากนัก คิดไม่ถึงเลยว่า…จะเป็นพวกของซั่งกวนหว่านกับเจียงอวี่เฉิง!
นี่แหละที่เขาเรียกว่า สวรรค์มีตา!
ตอนนี้ถึงพวกนั้นจะยังไม่ตาย แต่ก็ไม่ต่างจากปางตาย!
เมื่อคิดถึงสิ่งที่พวกเขากำลังประสบอยู่ในเวลานี้ พี่เหลยสี่ก็อารมณ์ดีขึ้นทันตา เขายิ้มกว้างจนทั้งคิ้วทั้งดวงตาโค้งลงอย่างเห็นได้ชัด
“การที่พวกเจ้าหนีจากอายพิศม์และมาถึงที่นี่ได้นั้น แสดงว่าพวกเจ้ายังมีโอกาส แต่… ที่นี่ไม่ใช่ที่สำหรับพวกเจ้า! ถ้าพวกเจ้ายังไม่ยอมออกไป เช่นนั้นข้าส่งพวกเจ้าออกไปเอง! ตอบแทนที่นำข่าวสารดีๆ มาบอกข้า!”
เมื่อพูดจบพี่เหลยสี่ก็ดึงค้อนที่เหน็บไว้ตรงเอวออกมา
แต่ในขณะที่เขากำลังจะลงมือ เขาก็เห็นหญิงสาวฝั่งตรงข้ามหัวเราะออกมา จนคิ้วและดวงตาของนางโก่งโค้งลง
“ท่านพี่เหลย พวกข้าไม่เข้าไปแล้วก็ได้ แต่ทว่า โปรดให้พวกข้าอยู่ชื่นชมมันตรงนี้ได้หรือไม่? เพราะว่า…พวกข้าไม่เคยเห็นสัตว์อสูรระดับเก้าทะลวงขั้นพลังปราณมาก่อน ในใจเลยเกิดความสงสัยใคร่รู้ไม่จบ และท่านเองก็รู้ว่ากว่าจะมาถึงที่นี่ได้ พวกข้าลำบากกันมากเพียงใด…”
นางยิ้มอ้อนขอ พร้อมทำตาใสเสมือนมีธารดาราพร่างพราวอยู่ภายในดวงตากลมโตคู่นั้น
พี่เหลยสี่ชะงักไปทันที
ท่าทางแบบนี้ช่างเหมือนกับ…
เมื่อฉู่หลิวเยว่เห็นว่าพี่เหลยสี่กำลังตกตะลึง นางจึงคิดว่าตนโน้มน้าวใจเขาได้แล้ว พลันรีบพูดต่ออย่างไว
“พวกข้าสัญญาว่าจะรออยู่ตรงนี้ ไม่ขยับไปไหน และไม่สร้างปัญหาแน่นอน! และถ้าดูจบแล้ว พวกข้าก็จะรีบไปทันที! ท่านว่าอย่างใด?”
เมื่อเห็นสีหน้าจริงจังของนาง พี่เหลยสี่ก็แอบรู้สึกหวั่นไหวเล็กน้อย
ทันใดนั้น เขาก็เบนสายตามองไปยังด้านหลังพวกของฉู่หลิวเยว่เงียบๆ
ฉู่หลิวเยว่รู้ว่าเขากำลังมองพวกของเขาอีกคน
แม้จะไม่รู้ว่าคนคนนั้นเป็นใคร และก็ไม่รู้ว่าเหตุใดอีกฝ่ายถึงไม่ยอมปรากฏตัว แต่พอคิดๆ ดูแล้วก็คงจะเป็นคนที่คล้ายกับพี่เหลยสี่
พี่เหลยสี่ส่งสายตามองเขา เห็นได้ชัดว่าคนทั้งสองกำลังปรึกษากัน
ฉู่หลิวเยว่กะพริบตา แล้วพูดว่า
“ท่านพี่เหลยสี่เองก็อยู่ที่นี่ เช่นนั้นจะกลัวพวกข้าสร้างปัญหาไปไย? อีกอย่าง…ช่วงนี้มีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นในซีหลิง เช่นนั้นเหตุใดเราถึงไม่มานั่งคุยกันก่อนเล่า?”
พี่เหลยสี่สบทเสียงเย็นชา
“เด็กน้อย เจ้านี่ช่างฉอเลาะนัก! หากพวกเจ้าอยากจะนั่งชมอยู่ตรงนี้มันก็ได้ แต่พวกเจ้าต้องถอยออกไปอีกสิบเก้า! และถ้าข้าไม่อนุญาต ก็ห้ามใครขยับเด็ดขาด!”
เขาเองก็ไม่รู้ว่าเพราะอันใด แต่ยามที่มองฉู่หลิวเยว่ กลับรู้สึกว่าเขายังวางใจไม่ได้เต็มร้อย
ไหนจะความรู้สึกคุ้นเคยแปลกๆ ที่อธิบายไม่ได้นี่อีก
ฉู่หลิวเยว่รีบตอบกลับอย่างยินดี
“ขอบพระคุณท่านพี่เหลย!”
หลังจากพูดจบ นางก็หันไปขยิบตาให้คนในกลุ่มทันที และดึงพวกเขาให้ถอยไปด้านหลัง
ทว่าถวนจื่อกลับยกอุ้งเท้าห้ามนาง พลางจ้องไปยังค่ายกลสีรุ้ง
อีกนิด…อีกนิดเดียวเท่านั้น!
ฉู่หลิวเยว่รู้ทันว่ามันกำลังจะทำอันใด นางจึงดึงหางมันไว้ แล้วกดตัวมันซุกลงในอ้อมแขน พร้อมเอ่ยเสียงต่ำ
“ถวนจื่อ อย่าดื้อ”
ถวนจื่อไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากอยู่ในอ้อมแขนของนางอย่างเชื่อฟัง แต่ดวงตาของมันก็ยังเหม่อมองไปทางด้านนั้น
เมื่อถอนห่างออกไปสิบเก้า พวกของฉู่หลิวเยว่ก็หยุดยืนมองนิ่งๆ
พี่เหลยสี่หันมองพวกเขา พลันถาม
“ในซีหลิงเกิดอันใดขึ้นบ้าง? ไหนลองว่ามาสิ”
ฉู่หลิวเยว่ลอบยิ้มในใจเมื่อเห็นเขายังอยากรู้อยู่
นางคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า
“อีกไม่กี่เดือน ซั่งกวนหว่านกับเจียงอวี่เฉิงจะอภิเษกสมรสกัน”
พี่เหลยสี่ยืดตัวตรงทันที มีเส้นเลือดปูดโปนที่หน้าผากหนา ใบหน้าของเขาแดงก่ำ และเต็มไปด้วยความตกใจระคนโกรธเคือง
“นี่พวกนั้นกล้าที่จะ…”
กรร!
ทันใดนั้น ก็มีเสียงคำรามที่สามารถสั่นสะเทือนได้ทั้งโลกาดังมาจากภายในค่ายกลสีรุ้ง!
ครืน!
ทั่วทั้งผืนฟ้าเต็มไปด้วยเมฆสีดำทมิฬ!
พลันสายฟ้าที่เหมือนอสรพิษสีเงิน ก็เริ่มรวมตัวกันอย่างรวดเร็วในก้อนเมฆ!
การบีบบังคับของพลังปราณที่น่ากลัวกระจายไปทั่วบริเวณ!
เกิดเสียงหวีดหวิวดังก้องไปทั่วผืนป่า!
มันดังเสียจนฉู่หลิวเยว่ตกใจมาก แก้วหูของนางแทบจะระเบิด!
คนอื่นๆ เองก็ตกอยู่ในสภาพที่ไม่สู้ดีเช่นกัน ใบหน้าของพวกเขาซีดเผือด!
ฉู่หลิวเยว่เงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว!
แสงสีรุ้งนับไม่ถ้วนกำลังรวมตัวกันอยู่เหนือท้องฟ้า!
หรือว่ามันจะ…ใกล้ทะลวงผ่านแล้วหรือ!?
ถวนจื่อโผล่หัวออกมาจากอ้อมแขนของนาง ก่อนที่ดวงตาสีเข้มของมันค่อยๆ ถูกแต่งแต้มไปด้วยสีสันเหล่านั้น!