ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 704 เพ้อเจ้อ
ตอนที่ 704 เพ้อเจ้อ
ฉู่หลิวเยว่คิดว่าเขาคงจะเห็นเจียงอวี่เฉิง และกำลังจะอธิบาย แต่ทันใดนั้น กลับได้ยินเสียงหอบจากด้านหลังเสียก่อน
“รองแม่ทัพมู่?!”
เมื่อรู้ถึงตัวตนของเจ้าของเสียง ฉู่หลิวเยว่ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย แววตาของนางเต็มไปด้วยความเบื่อหน่าย
นางหันกลับไปมองอย่างเกียจคร้าน
ผู้อาวุโสชิวซีนี่เอง
ตอนนี้สภาพของเขาดูน่าสมเพชยิ่งนัก ร่างกายครึ่งหนึ่งเปื้อนโคลนสีดำ ใบหน้าของเขาถูกอันใดบางอย่างข่วนจนเลือดไหลลงมา ไหนจะท่าทางหวาดผวานั่นอีก
แต่ก็ถือว่ายังดูดีกว่าเจียงอวี่เฉิงอยู่หน่อย
มู่ชิงเห่อเดินไปหาเขา
“ผู้อาวุโสชิวซี ท่าน…ท่านมาได้อย่างใด?”
แต่เหมือนอีกฝ่ายจะไม่ได้ยินคำถาม…
ผู้อาวุโสชิวซีรีบพุ่งเข้าไปรั้งแขนของเขาไว้ แล้วถามอย่างร้อนรน
“รองแม่ทัพมู่ เจ้าเห็นองค์หญิงสามหรือไม่!?”
ผู้อาวุโสชิวซีถามเสียงดัง
ขนตาของฉู่หลิวเยว่สั่นไหวเล็กน้อย
พลันดวงตาของพี่เหลยสี่ก็ฉายแววเจตนาฆ่าออกมา
คนอื่นๆ ล้วนเงียบกริบ
มู่ชิงเห่อเลิกคิ้ว แล้วส่ายศีรษะ
“ข้าไม่เห็น”
ผู้อาวุโสชิวซีลนลานยิ่งกว่าเดิม
“เช่นนั้นจักทำอย่างใดดี…จะทำอย่างใดดี?”
“โปรดตั้งสติ ผู้อาวุโสชิวซี สรุปแล้วมันเกิดอันใดขึ้น? ไม่ใช่ว่าตอนนั้นท่านอยู่กับองค์หญิงหรอกหรือ?”
ผู้อาวุโสชิวซีและผู้อาวุโสตวนมู่ฉุนนั้นแตกต่างจากเขา
พวกเขาทั้งสองคนมาเพื่อคุ้มกันซั่งกวนหว่านโดยเฉพาะ
ซึ่งถึงแม้ว่ามู่ชิงเห่อกับเจียงอวี่เฉิงจะไม่ได้อยู่กับซั่งกวนหว่าน แต่ผู้อาวุโสสองคนนี้ควรอยู่เคียงข้างนางและไม่ทิ้งกันไปไหน
ผู้อาวุโสชิวซีสูดหายใจเข้าลึกๆ ทว่ายังไม่คลายสีหน้าวิตกกังวล
“เดิมทีพวกข้าเองก็ตกลงไปในรอยแยกพร้อมกับองค์หญิงสาม แต่เกิดอันใดขึ้นด้านล่างนั้น รองแม่ทัพมู่ เจ้าเองก็น่าจะรู้ดี…”
มู่ชิงเห่อพยักหน้า
“ความจริงแล้วในตอนนั้นมีคนจำนวนหนึ่งที่ตกลงไปพร้อมกันกับพวกข้า ทั้งทหารม้าทมิฬและสาวกจากสำนักต่างๆ อีกหลายคน แต่พื้นที่ด้านล่างนั้นอันตรายมาก หลายคนตกลงไปในนั้นแล้วไม่ได้กลับออกมา… เดิมทีพวกข้าอยู่ห่างจากองค์หญิงไม่มาก แต่ในขณะที่ข้าวางแผนจะพาองค์หญิงออกไป ทว่า… ต่อมาก็… ไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้นในบึงโคลนนั่น แต่จู่ๆ ก็มีกระแสน้ำผุดขึ้นมา…”
ผู้อาวุโสชิวซีกลืนน้ำลายอึกใหญ่ เมื่อเขานึกถึงเหตุการณ์ในตอนนั้น ก็ยังรู้สึกหวาดกลัวไม่หาย
“…สุดท้าย พวกข้าก็ถูกคลื่นซัดแยกกันไปคนละทิศละทาง… และองค์หญิงก็หายไปจากครรลองสายตา…”
ขนาดคนอย่างเขายังหาจังหวะหลบหนีออกมาไม่ได้ง่ายๆ เลย
แต่เมื่อสัมผัสได้ถึงความเคลื่อนไหวแถวๆ นี้ เขาจึงมุ่งหน้ามาที่นี่
กระทั่งมาพบกับมู่ชิงเห่อ
และเนื่องจากผู้อาวุโสชิวซีโผล่มาจากอีกทิศทางหนึ่ง เขาจึงมองไม่เห็นเจียงอวี่เฉิงที่นั่งอยู่อีกฝั่ง
“รองแม่ทัพมู่ เจ้าว่าองค์หญิง… องค์หญิง…”
ใบหน้าของผู้อาวุโสชิวซีเต็มไปด้วยความกังวล
สถานที่แห่งนั้นอันตรายมาก และไม่รู้ว่าซั่งกวนหว่านจะอดทนได้นานแค่ไหน…
มู่ชิงเห่อตอบกลับเสียงเบา
“ผู้อาวุโสชิวซี อย่าได้กังวลนัก มีหลายคนอยู่ข้างล่างนั่น และไม่แน่ว่าพวกเขาอาจจะอยู่กับองค์หญิงแล้ว สวรรค์ย่อมปกคุ้มครองคนดี องค์หญิงจักต้องปลอดภัย”
“ใช่แล้ว องค์หญิงสามแข็งแกร่งยิ่งนัก แม้จะพบกับปัญหา นางก็สามารถจัดการกับมันได้อย่างง่ายดาย ถูกต้องหรือไม่?”
ทันใดนั้น ก็มีเสียงอันเกียจคร้านทว่าชัดเจนดังขึ้นจากด้านข้าง
ผู้อาวุโสหันไปมองด้วยความงุนงง ก่อนจะตกใจเมื่อเห็นเจ้าของเสียงนั้น…
“ฉู่หลิวเยว่!? เหตุใดเจ้าถึงอยู่ที่นี่!?”
เมื่อผู้อาวุโสชิวซีเห็นใบหน้านี้ ก็รู้สึกเบื่อหน่ายอย่างมาก พร้อมสีหน้าที่ดูเย็นชาขึ้นมาเล็กน้อย
ฉู่หลิวเยว่คิดว่านี่มันตลกมาก
ไม่ใช่ว่านางมาถึงที่นี่คนแรกหรอกหรือ?
แล้วตอนนี้ เหตุใดพวกที่ตามมาทีหลังถึงได้กล้าถามนางเช่นนี้?
หรือจะสื่อว่าคนอย่างฉู่หลิวเยว่ ไม่น่ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างนั้นหรือ?
ฉู่หลิวเยว่เหยียดยิ้มพลางเอ่ย
“ผู้อาวุโสชิวซี พวกข้าอยู่ที่นี่มาตั้งแต่แรกแล้ว แต่ท่านสนใจเพียงองค์หญิงสาม ดังนั้นจึงเป็นเรื่องปกติที่ท่านจะไม่เห็นพวกข้า แต่การที่ท่านแสดงท่าทีเช่นนั้น…หมายความว่าท่านไม่เชื่อในตัวองค์หญิงสามเลยหรือ?”
ใบหน้าของผู้อาวุโสชิวซีเปลี่ยนเป็นสีแดงทันที
เขาไม่ค่อยรู้เกี่ยวกับเรื่องสภาพร่างกายของซั่งกวนหว่าน
การที่ฉู่หลิวเยว่เอ่ยเช่นนั้น จึงทำให้เขารู้สึกราวกับถูกเย้ยหยัน
แต่พอคิดไปคิดมา คนอย่างฉู่หลิวเยว่จะไปรู้อันใด?
ถ้าเขายอมรับ ก็ไม่เท่ากับยืนยันว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นกับซั่งกวนหว่านจริงๆเลย มิใช่หรือ?
เขาสะบัดแขนเสื้ออย่างเกรี้ยวกราด
“การที่องค์หญิงสามจะปลอดภัยหรือไม่! มันเกี่ยวกับเจ้าด้วยหรือ!?”
ฉู่หลิวเยว่ยิ้มจนตาปิด ราวกับว่านางไม่ได้สนใจทัศนคติแย่ๆ ของผู้อาวุโสชิวซี
พี่เหลยสี่กำค้อนในมือของเขา และในที่สุดก็ระงับอารมณ์ในใจตนได้ และหันศีรษะไปมองค่ายกลหลากสี
โผล่หัวมากันครบจนได้สินะ!
ถ้าไม่ใช่เพื่อป้องกันที่นี่ และเพราะเจ้านายสั่งไว้ไม่ให้เขาเข้าไปยุ่งล่ะก็ ต่อให้ต้องค้นหาทั่วทั้งป่าหมอกมายา เขาก็จะต้องลากคอซั่งกวนหว่านและคนอื่นๆ ออกมาให้ได้ แล้วระเบิดหัวของพวกนั้นด้วยค้อนด้ามนี้!
ฉู่หลิวเยว่เหลือบมองเขาเงียบๆ
แม้จะเห็นเพียงแผ่นหลังหนา แต่ก็ยังรู้สึกได้ถึงความโกรธแค้นที่อัดอั้นอยู่ภายใน
สำหรับเขามันคงจะยากมากที่ต้องอดทนเช่นนี้…
ฉู่หลิวเยว่กระตุกยิ้มมุมปาก
ไว้มีโอกาสเหมาะๆ นางจะชวนพี่เหลยสี่คุยเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกที
มู่ชิงเห่อเอ่ยเสียงทุ้ม
“ผู้อาวุโสชิวซี ในเมื่อท่านอยู่ที่นี่ องค์หญิงสามจักต้องอยู่ใกล้ๆ เป็นแน่ เหตุใดท่านจึงไม่ใช้สถานที่แห่งนี้เป็นจุดศูนย์กลาง และลองค้นหาไปรอบๆ บางทีท่านอาจจะพบองค์หญิงก็ได้”
ใบหน้าของผู้อาวุโสชิวซีเต็มไปด้วยความกังวล
“โอ้…ข้าคงต้องทำเช่นนั้น…แต่ว่า นั่นมันคืออันใดหรือ?”
เขาพูดพลางชี้นิ้วไปยังค่ายกลหลากสีด้วยความสงสัย
เมื่อครู่เขาเอาแต่คิดเรื่องช่วยซั่งกวนหว่าน จนไม่ได้ใส่ใจสิ่งรอบข้าง
แต่พอใจเย็นลงบ้าง ถึงได้ตระหนักว่า…มีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นที่นี่?
การบีบบังคับของพลังปราณที่อยู่เหนือค่ายกลสีรุ้งนั้นช่างน่าอัศจรรย์อย่างหาที่เปรียบมิได้!
และที่สำคัญคือ ดูเหมือนว่ามันจะดึงดูดทัณฑ์สวรรค์ด้วย!
หรือว่ามันจะเป็น…
“นี่คือสัตว์อสูรระดับเก้าที่พวกเราตามหา”
มู่ชิงเห่อตอบเสียงเบา
แม้ว่าผู้อาวุโสชิวซีจะเดาไว้แล้ว แต่เขาก็ยังรู้สึกตกใจเมื่อได้ยินกับหูตัวเอง
เขาก้าวไปข้างหน้าสองเก้าอย่างอดใจไม่อยู่ พลางจ้องมองไปข้างหน้าอย่างไม่ลดละ
“นี่มัน…เรื่องจริงหรือ?”
ทั้งชีวิตเขาไม่เคยเห็นอสูรศักดิ์สิทธิ์มาก่อนเลย!
หากสัตว์อสูรระดับเก้าตัวนี้ทะลวงผ่านล่ะก็ เช่นนั้นมันก็จะ…
“ผู้อาวุโสชิวซี ท่านไม่รีบไปตามหาองค์หญิงสามหรือ?” ฉู่หลิวเยว่ถามอย่างเหนื่อยหน่าย
ผู้อาวุโสชิวซีชะงักไปทันที
“ข้า ข้าจะอยู่รอเอาเลือดของสัตว์อสูรตัวนี้เสียก่อน…เพราะสุดท้ายมันก็คือสิ่งที่องค์หญิงสามตามหา หากพลาดโอกาสนี้ องค์หญิงสามต้องกล่าวโทษข้าแน่ๆ…”
ฟิ้ว!
ลูกธนูสีดำก้านยาวพุ่งผ่านอากาศ! และตรงไปยังหว่างคิ้วของผู้อาวุโสชิวซี!
ขณะเดียว เส้นเสียงแห่งความพิโรธเสมือนเสียงฟ้าร้อง ก็ดังก้องทะลุรูหูของทุกคน!
“เลิกเพ้อเจ้อได้แล้ว ตาแก่!”