ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 717 คุณหนูฉู่มาทางนี้เถอะ
ตอนที่ 717 คุณหนูฉู่มาทางนี้เถอะ
เมื่อมู่ชิงเห่อได้ยินเสียงร้องตะโกนของพี่เหลยสี่ เขาก็ถอยออกทันที ในขณะเดียวกันก็เรียกปีศาจแดงให้กลับมา
แต่ดูเหมือนมันจะขัดแย้งกับไก่ฟ้าเก้าสีจึงยังไม่กล้าเคลื่อนตำแหน่ง
มู่ชิงเห่อพลางกลบเกลื่อนความปั่นป่วนโดยรอบ แล้วขมวดคิ้วครุ่นคิด
ที่ปีศาจแดงเป็นเช่นนี้ แท้จริงแล้วเป็นเพราะมันห่วงมู่ชิงเห่อ หรือเป็นเพราะ…ไก่ฟ้าเก้าสีตัวนั้น?
นอกจากไก่ฟ้าตัวเดิมแล้ว ก็แทบไม่มีอันใดที่ทำให้ปีศาจแดงแสดงท่าทียืนหยัดดื้อรั้นเช่นนี้ออกมาได้
เป็นไปได้หรือไม่ว่ามันเป็นศัตรูกับไก่ฟ้าเก้าสี?
มู่ชิงเห่อลังเลในสิ่งที่เขาคาดเดาในใจ
จากตำแหน่งนี้ สามารถมองเห็นชายเสื้อของฉู่หลิวเยว่ได้เพียงรำไรเท่านั้น นอกจากนี้ก็ไม่สามารถมองเห็นอันใดได้อีก
แต่เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ปัจจุบัน แม้ว่าฉู่หลิวเยว่จะถูกไก่ฟ้าเก้าสีกักขังไว้ กลับดูเหมือนว่านางไม่ได้ตกอยู่ในอันตรายมากนัก…
ทั้งเจียงอวี่เฉิงและผู้อาวุโสชิวซีต่างถูกบังคับให้ถอยกลับ
ผู้อาวุโสชิวซีได้รับบาดเจ็บสาหัสเพราะเขายืนอยู่ข้างหน้า และทำหน้าที่ปกป้องเจียงอวี่เฉิง
แต่ความรู้สึกของเจียงอวี่เฉิงในเวลานี้กลับซับซ้อนมาก
ซั่งกวนหว่านลงไปใต้ดินอีกครั้ง
นางรู้ดีว่าด้านล่างคือหลุมดำที่น่ากลัว แล้วเหตุใดนางถึงยังกลับไปอีก?
ตามความเข้าใจของเจียงอวี่เฉิงเกี่ยวกับนิสัยของซั่งกวนหว่าน ที่นางทำเช่นนี้อาจเป็นเพราะต้องการบรรลุวัตถุประสงค์บางอย่างของนางเอง
แต่…แท้จริงแล้วจุดประสงค์นั้นคืออันใดกันแน่?
ทันใดนั้น!
เจียงอวี่เฉิงตกตะลึง!
หรือว่า…ซั่งกวนหว่านกำลังพุ่งเป้าไปยังคนเหล่านั้นที่ติดอยู่ใต้รากต้นสนฉัตร?
ทันทีที่ความคิดนั้นผุดขึ้นมา มันก็ยิ่งบีบรัดหัวใจเขา
เจียงอวี่เฉิงกำหมัดแน่นพลางขมวดคิ้ว
ซั่งกวนหว่านคิดจะทำเรื่องนี้อย่างแน่นอน!
แท้จริงแล้วครั้งนี้ที่นางมาที่นี่ ก็เพราะเรื่องนี้นี่เอง!
แต่…นางยอมล้มเลิกแผนเดิมและเลือกวิธีนี้!
เมื่อนึกถึงรากไม้ที่อวบหนาเหมือนปลิงที่ดูดเลือดจนเต็มอิ่ม เจียงอวี่เฉิงก็ตัวชาไปทั่วทั้งร่าง
แต่มากกว่านั้นกลับเป็นความกังวลใจมากกว่า
เพราะนางกระโดดลงไปต่อหน้าผู้คนมากมาย นางไม่กลัวว่าเรื่องนี้จะถูกเปิดเผยเลยหรือ! ?
นางบ้าไปแล้วจริงๆ!
ถ้าซั่งกวนหว่านรู้ว่าเจียงอวี่เฉิงกำลังคิดอันใดอยู่ในเวลานี้ นางจะต้องดูถูกเย้ยหยันอย่างแน่นอน
ไม่ใช่เพราะเขาไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิง แต่เพราะว่าเขาไม่เข้าใจว่านางคิดอันใดต่างหาก!
ยิ่งไปกว่านั้นคือ ตอนนั้นนางถูกบีบบังคับให้ไม่มีทางออก และเหลือเพียงทางเดียวเท่านั้น!
แม้ว่าจะให้โอกาสซั่งกวนหว่านอีกกี่ร้อยครั้ง แต่นางก็ยังเป็นเหมือนเดิม
อยู่ที่จะถูกใครมาเจอหรือไม่…
นางเคยทำสิ่งที่บ้าบิ่นมากกว่านี้ แล้วนับประสาอันใดกับเรื่องพวกนี้?
ตราบใดที่มีวิธีการตรงจุด ทุกอย่างก็จะไม่มีปัญหา!
“ไม่รู้ว่าตอนนี้องค์หญิงสามเป็นอย่างใดบ้าง…”
ผู้อาวุโสชิวซีกล่าวด้วยความเป็นห่วง
เจียงอวี่เฉิงเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า
ดูเหมือนว่าฉู่หลิวเยว่จะติดกับดักของไก่ฟ้าเก้าสี
แต่สิ่งที่น่าแปลกคือ ไก่ฟ้าเก้าสีเกือบจะพ่ายแพ้ ลมปราณทั้งร่างกายบ้าคลั่งและเกือบจะหมดสติ
ในยามนั้นมันกลับไม่ได้ฆ่าฉู่หลิวเยว่หรอกหรือ! ?
ยิ่งไปกว่านั้น หลังจากที่ฉู่หลิวเยว่พุ่งเข้าไป ด้วยเหตุผลบางอย่าง ไก่ฟ้าเก้าสีก็ฟื้นคืนความแข็งแกร่ง และตอนนี้มันอยู่ใกล้ความสำเร็จเพียงก้าวเดียวเท่านั้น!
เมื่อครู่…เกิดอันใดขึ้นกันแน่! ?
“บูม บูม บูม”!
ความผันผวนรุนแรงขึ้น!
ทุกคนเงยหน้าขึ้นมองพร้อมกัน
ทันใดนั้นหางของไก่ฟ้าเก้าสีก็ปรากฏเปลวไฟสีแดงสดขึ้น!
แสงนี้เหมือนคมมีดฉีกท้องฟ้าอันมืดมิดออกจากกัน! มันสว่างจ้าจนตาพร่า!
ความกดดันที่น่ากลัวและน่าตกใจแผ่ออกมาจากตัวมัน!
ทุกคนจ้องไปที่คำอธิบายและยืนตกตะลึง
นั่นมัน…หางวายุ!
หางวายุ
ไก่ฟ้าเก้าสีได้ทะลวงขั้นพลังปราณและกลายเป็นกษายะหางวายุ!
“กษายะหางวายุ! นี่มันคือพลังสายเลือดที่ใกล้เคียงกับหงส์ทองคำมากที่สุด ที่เขาลือกันไม่ใช่หรือ?”
หงษ์ทองคำและไท่ซวีเฟิ่งหลงเป็นสัตว์สองตัวในตำนานโบราณที่ยิ่งใหญ่
ว่ากันว่าในบรรดาหงษ์ทองคำแบ่งเป็นหลายประเภท หนึ่งในนั้นคือกษายะหางวายุมีราคาแพงที่สุด
ไก่ฟ้าเก้าสีไม่ใช่สัตว์อสูรระดับเก้าที่จัดอยู่ในสายเลือดนี้ แม้ว่าทุกคนจะคาดหวังว่ามันอาจจะทะลวงและกลายเป็นกลุ่มตระกูลหงษ์ แต่คาดไม่ถึงว่ามันจะข้ามขั้นไปเป็นกษายะหางวายุเสียนี่!
แม้แต่ฉู่หลิวเยว่ก็ยังตกใจ
นางเฝ้ารอการพัฒนาของเก้าจิ๋ว แต่นางไม่คาดคิดมาก่อนว่ามันจะกลายเป็นกษายะหางวายุได้!
ก่อนที่นางจะเกิดเรื่อง เก้าจิ๋วมีสัญญาณของการบุกทะลวงอยู่แล้ว
แต่ตอนนั้นเลือดในร่างกายของมันมีกำลังน้อยกว่าตอนนี้มาก
มิฉะนั้น ฉู่หลิวเยว่คงไม่เข้าใจผิดว่าเป็นเก้าจิ๋วหลังจากที่ได้กลิ่นหอมหรอก
แท้จริงแล้วในระยะเวลาเกือบสองปีมันผ่านอันใดมาบ้าง?
แต่สำหรับสัตว์อสูรระดับนี้ พื้นฐานพลังของเลือดในร่างกายนั้นถูกกำหนดไว้ตั้งแต่แรกเกิด!
หากต้องการเพิ่มพลัง คงเป็นไปได้ยาก!
ฉู่หลิวเยว่สามารถมั่นใจได้ว่า ถ้าไม่ใช่เพราะพลังของเลือดที่อุดมสมบูรณ์ มันจะไม่สามารถทะลวงและกลายเป็นกษายะหางวายุได้!
ค่ายกลที่แตกเป็นเสี่ยงๆ นับไม่ถ้วนลอยออกไป กลายเป็นลำแสงพุ่งเข้าสู่ร่างกายของเก้าจิ๋ว!
มันหลับตาลงอย่างช้าๆ
หัวใจของฉู่หลิวเยว่เต้นแรง พลันเงยหน้าขึ้นและขมวดคิ้วเล็กน้อย
เมฆดำทะมึนบนท้องฟ้ายังคงไม่สลายไป!
นี่มันเกิดเรื่องอันใดกัน?
หากเก้าจิ๋วทะลวงได้สำเร็จ ว่ากันตามเหตุผลแล้ว เมฆควรจะสลายไป…
ทันใดนั้นก็มีคลื่นผันผวนมาจากจุดตันเถียนของฉู่หลิวเยว่!
มันคือเจดีย์ฐานสี่เหลี่ยมสีดำ!
ฉู่หลิวเยว่ตั้งสมาธิทันที
แกร๊บ!
บนผนึกสีดำ จู่ๆ ก็มีรอยแตกเล็กๆ ปรากฏขึ้น!
รอยแตกนี้มีขนาดเล็กมาก หากไม่สังเกตอย่างละเอียดก็คงไม่รู้
แต่หัวใจของฉู่หลิวเยว่กลับปล่อยวางทันที!
พลังผนึกของค่ายกลนี้แข็งแกร่งมาก จนแม้แต่องค์ไท่จู่ก็ไม่สามารถเปิดไม่ได้ แต่ตอนนี้มันกลับเปิดออกเอง! ?
มีแสงสว่างเจิดจ้าส่องออกมา!
ฉู่หลิวเยว่กลั้นหายใจ
จากนั้นนางก็รู้สึกว่ามีบางอย่างไหลออกมาจากรอยแตก
ฉู่หลิวเยว่มองออกไปอย่างระมัดระวังและรู้สึกประหลาดใจที่พบว่าแท้จริงแล้วเป็นเมฆหมอกสีทองจางๆ
หลังจากลอยฟุ้งออกมา ก่อนที่ฉู่หลิวเยว่จะมองเห็นได้ชัดเจน หมอกสีทองก็สลายไปแล้ว!
ชั่วพริบตามันก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย!
ฉู่หลิวเยว่เต็มไปด้วยความสับสน
นี่…นี่มันอันใดกัน!?
นางยังไม่…
หึ่ง!
เสียงดังสนั่นพลันก้องกังวานในใจนาง!
ฉู่หลิวเยว่กุมหัวด้วยความเจ็บปวดระทมทุกข์!
ราวกับว่ามีใครบางคนกำลังถือขวานสับอย่างบ้าคลั่ง และพยายามที่จะแยกหัวของนางให้เปิดออก!
“อ๊า!”
ฉู่หลิวเยว่ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด!
เกือบจะในเวลาเดียวกัน ขนบนหัวของเก้าจิ๋วก็เปล่งประกายสีทองงดงามอย่างรวดเร็ว!
มันกระพือปีกอย่างแรง!
สีทองนั้นหายไปทันตา! และหายเข้าไปในขนสีแดงของมัน!
มันเคลื่อนที่เร็วมากและทั้งหมดนี้เกิดขึ้นอย่างกะทันหันจนไม่มีใครสังเกตเห็นเลย
เสียงอุทานของฉู่หลิวเยว่ดึงดูดความสนใจของทุกคน!
ฉู่หลิวเยว่กุมศีรษะตัวเองแน่นด้วยมือทั้งสองข้าง
ในชั่วพริบตา มีภาพมากมายนับไม่ถ้วนแวบเข้ามาในหัวของนาง!
จนในที่สุดภาพเหล่านั้นก็หยุดชะงัก!
กลายเป็นภาพหน้าผาที่สูงชัน!
ศาลาแปดเหลี่ยม!
ชายคนเดียวกันในชุดคลุมสีดำ!
หัวใจของฉู่หลิวเยว่เต้นแรงทันทีและดูเหมือนนางจะมีลางสังหรณ์บางอย่าง
คราวนี้ชายผู้นั้นหันหน้าไปด้านข้างและหัวเราะด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ พลางมองมาทางนางอย่างช้าๆ ด้วยท่วงท่าที่fสง่างาม
“คุณหนูฉู่ มาทางนี้เถอะ”