ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 721 ปกป้องตัวเอง
ตอนที่ 721 ปกป้องตัวเอง
ลมพัดแรง เสียงครวญครางดังลั่น ราวกับว่าอยู่ในนรก!
เสียงเย็นยะเยือกเสียดแทงกระดูก ทำให้คนที่ได้ยินรู้สึกขนลุก และหนาวไปถึงกระดูกดำ!
ทุกคนก้าวถอยหลังพร้อมกัน
อายพิศม์สีแดงมีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ จากนั้นมันก็ค่อยๆ เคลื่อนตัวมาทางนี้!
ต้นไม้ที่อยู่รอบๆ เหี่ยวเฉาอย่างรวดเร็ว มีเพียงต้นสนฉัตรแม่พันธุ์เท่านั้นที่ยืนอยู่ตรงกลางตระหง่าน มันไม่เพียงไม่มีร่องรอยขีดข่วนเท่านั้น แต่กลับเหมือนได้รับอันใดบางอย่างหล่อเลี้ยงอยู่ ใบไม้ทุกใบของต้นนั้นกลับเขียวชอุ่มมากยิ่งขึ้น! กิ่งก้านทุกก้านก็ดูแข็งแรงมากยิ่งขึ้น
แต่ที่น่าตกใจก็คืออายพิศม์สีแดงที่ครอบคลุมอยู่นั้น มันดูเหมือนจะแพร่กระจายอย่างช้าๆ แต่ว่าแพร่กระจายอย่างต่อเนื่องและมั่นคง!
“นี่…นี่มันเกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่!”
มู่หงอวี่กอดหมีแผงคอทองคำในอ้อมแขนแน่นด้วยความตื่นตระหนก ก่อนจะมองไปทางฉู่หลิวเยว่
“หลิวเยว่ อายพิศม์มาจะมาแล้ว!”
สถานการณ์แบบนี้เหมือนกับที่เขาเห็นมาเมื่อก่อนหน้านี้ไม่มีผิด!
หรือว่าต่อไปพวกเขาก็จะ…
ตู้ม!
ทันใดนั้นฉินอีก็สะบัดแขนเสื้อออกมา ม่านพลังแสงสีเขียวอ่อนก็ปรากฏขึ้น พร้อมครอบคลุมตัวของพวกเขาทันที!
เมื่ออายพิศม์สีแดงเหล่านั้นกระทบกับม่านพลังสีเขียวเหล่านั้น มันก็ถอยออกไปอย่างรวดเร็ว เหมือนกับได้เจอกับอะไรบางอย่างที่น่ากลัว
อย่างใดก็ตามม่านพลังของฉินอีนั้นกลับสามารถปกคลุมได้แค่คนที่อยู่ใกล้ชิดเขาแค่ไม่กี่คนเท่านั้น
ผู้อาวุโสชิวซี เจียงอวี่เฉิง และมู่ชิงเห่อไม่ได้รับการปกป้องจากม่านพลังนี้ อาจเป็นเพราะเขายืนอยู่ห่างออกไป
เมื่อเห็นว่าม่านพลังของฉินอีนั้นสามารถปกป้องอายพิศม์สีแดงได้อย่างง่ายดาย ผู้อาวุโสชิวซีจึงรีบพูดขึ้นมาว่า
“คือว่า…คุณชายฉิน ยังมีพวกเราอยู่ด้วยนะ!”
แค่ดูก็รู้ว่าอายพิศม์สีแดงเหล่านั้นยากจะต่อกรด้วย หากฉินอีสามารถมาปกป้องเขาได้ พวกเขาก็จะประหยัดแรงไปได้ไม่น้อยเลยทีเดียว
ฉินอีเหลือบสายตามองเขาด้วยความราบเรียบ พร้อมพูดคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้มว่า
“ขอโทษด้วยนะขอรับ พลังของข้ามีจำกัด การช่วยคนเหล่านี้ก็ถือว่าเป็นขีดจำกัดของข้าแล้ว”
ผู้อาวุโสชิวซีชะงักไปเล็กน้อย
“เจ้านี่มัน…”
“ผู้อาวุโสชิวซี เดิมทีพวกเรากับพี่ใหญ่ฉินก็ล้วนพบกันด้วยความบังเอิญ เขาลงมือช่วยพวกเราเช่นนี้ พวกเราก็รู้สึกซาบซึ้งมากแล้ว เหตุใดถึงยังจะไปสั่งให้เขาทำนั่นทำนี่ล่ะ?”
ฉู่หลิวเยว่พูดขัดจังหวะผู้อาวุโสชิวซี พร้อมยิ้มให้ด้วยความจริงใจ
“อีกอย่าง ดูสิไม่ใช่ท่านคนเดียวเสียเมื่อใดที่อยู่ด้านนอก?”
ความจริงแล้วม่านพลังของฉินอี ครอบคลุมเพียงแค่มู่หงอวี่ และอีกสามคน พี่เหล่ยสี่และนางไม่ได้อยู่ในม่านพลังนั้นเลย
ฉู่หลิวเยว่เองก็สร้างม่านพลังรอบตัวขึ้นมา เมื่อเห็นอายพิศม์เหล่านั้นลอยออกไปไกล
ฉู่หลิวเยว่ถึงได้รู้สึกเบาใจขึ้นมา
ถวนจื่อถูแก้มของนาง แววตาเปล่งประกายราวกับอัญมณีต้องแสง
ฉู่หลิวเยว่กะพริบตาปริบๆ จากนั้นถึงได้เข้าใจว่าถวนจื่อต้องการจะสื่ออันใด
มันหมายความว่า…ตราบใดที่มีมันอยู่ อายพิศม์เหล่านั้นจะมิสามารถทำร้ายนางได้?
พี่เหลยสี่ยกค้อนขึ้น จากนั้นก็ทุบพื้นอย่างรุนแรง!
ทันใดนั้นม่านพลังโปร่งแสงก็ปรากฏขึ้น พร้อมครอบตัวของเขาไว้!
น้ำแข็งสายฟ้าสีน้ำเงินจำนวนมากมายนับไม่ถ้วนลอยอยู่ด้านบนแล้วมีเสียงแตกออกดังเปรี๊ยะๆ
พี่เหลยสี่มองไปยังผู้อาวุโสชิวซีด้วยสายตาดูถูก
“ในป่าหมอกมายาแห่งนี้ หากตนเองไม่มีความสามารถเพียงพอก็ไม่สามารถพึ่งพาใครได้! สุดท้ายก็ต้องตายเท่านั้น”
ใบหน้าของผู้อาวุโสชิวซีดูย่ำแย่อย่างมาก
นี่เป็นการชี้หน้าด่าเขาว่าไร้ความสามารถเลยไม่ใช่หรือ
เขากำลังจะพูดขึ้น แต่เจียงอวี่เฉิงกลับห้ามปรามเขาด้วยสายตาที่เข้มงวด
เมื่อครู่ก็น่าขายหน้ามากพออยู่แล้ว ยังจะมีเรื่องน่าขายหน้าเพิ่มขึ้นอีกหรือ?
ผู้อาวุโสชิวซีได้แต่ปิดปากลงด้วยความคับข้องใจ
มู่ชิงเห่อกลับหยิบขวดหยกออกมาหนึ่งขวด
“คุณชายใหญ่ นี่เป็นโอสถถอนอายพิศม์ หากท่านมิระวังอาจจะได้รับพิษมาโดยไม่ทันตั้งตัว ดังนั้นหากดื่มโอสถนี้ลงไปก่อนก็จะมิเป็นอันใดแล้วขอรับ”
เมื่อพูดจบเขาก็ยื่นขวดนั้นให้เจียงอวี่เฉิงและผู้อาวุโสชิวซี
ผู้อาวุโสชิวซีรีบหยิบโอสถไปทันทีหนึ่งเม็ด
เจียงอวี่เฉิงมองขวดโอสถที่อยู่ในมือครู่หนึ่ง
“เหมือนว่าตอนแรกเจ้าจะมิได้พูดถึงเรื่องนี้นะ”
มู่ชิงเห่อมีสีหน้าราบเรียบอย่างมาก
“เพราะตอนนี้ข้าก็คิดไม่ถึงว่าอายพิศม์นี้จะน่ากลัวมากขึ้นถึงขนาดนี้ ก่อนหน้านี้การวางม่านพลังก็สามารถป้องกันอายพิศม์ได้แล้ว แต่ตอนนี้กลับต้องดื่มยาถอนพิษด้วย ข้าเองก็เพิ่งนึกขึ้นมาได้ อีกทั้งยาถอนพิษก็มีเพียงแค่ขวดนี้เท่านั้น”
เจียงอวี่เฉิงมองหน้าเขา
ก่อนหน้านี้มู่ชิงเห่อมักจะทำทุกอย่างด้วยความรอบคอบและจริงจังเสมอ ไม่มีทางที่จะเพิ่งนึกถึงยาถอนพิษขึ้นมาได้ในตอนนี้
ยิ่งไปกว่านั้นยาจำนวนนี้มีจำนวนน้อยมาก ก่อนหน้านี้ควรจะมอบให้ซั่งกวนหว่านก่อนหนึ่งเม็ด เพราะในขบวนนี้ ตัวตนของนางนั้นสำคัญที่สุด
แต่มู่ชิงเห่อกลับไม่ได้ทำแบบนั้น
เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้อยากมอบโอสถให้นาง
สีหน้าของมู่ชิงเห่อราบเรียบและตรงไปตรงมา
เจียงอวี่เฉิงเองก็มิได้พูดอันใดออกมา
ซั่งกวนหว่านมิชอบมู่ชิงเห่อมาโดยตลอด แต่ไหนเลยมู่ชิงเห่อจะสามารถปฏิบัติตัวกับนางเช่นนี้ได้?
ยิ่งไปกว่านั้นซั่งกวนหว่านก็มีวิธีการมากมาย นางไม่จำเป็นต้องพึ่งพาสิ่งเหล่านี้
มู่ชิงเห่อมองไปทางฉู่หลิวเยว่แล้วยื่นขวดโอสถให้นางด้วยใบหน้าไร้อารมณ์
ฉู่หลิวเยว่เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย คิดไม่ถึงว่ามู่ชิงเห่อจะแบ่งโอสถล้ำค่าอย่างยาถอนพิษให้นางด้วย
แม้ว่าเดิมทีนี่จะเป็นโอสถที่นางหลอมขึ้นมาก็ตาม
ฉู่หลิวเยว่ยิ้มอย่างเกรงใจ แต่ก็ไม่ได้พูดอันใด จากนั้นเขาก็ได้ยินมู่ชิงเห่อพูดขึ้นว่า
“คุณหนูฉู่ได้โปรดคืนโล่สีดำที่ไก่ฟ้าเก้าสีแย่งไปด้วยขอรับ”
ที่แท้ที่เป็นการขอให้นำของมาคืน
ใบหน้าของฉู่หลิวเยว่เรียบสงบขึ้นเล็กน้อย
ตอนที่ซั่งกวนหว่านกระโดดลงไป เขาไม่ได้คิดหาวิธีที่จะไปช่วยเลยแม้แต่น้อย ในทางกลับกันเขากลับสนใจโล่สีดำอันนี้มากกว่า
น่าสนใจจริงๆ
ขนตาของนางกะพริบเล็กน้อยเหมือนขนนกขยับ เมื่อลืมตาขึ้น แววตาของนางก็สงบลงแล้ว
“ขอบคุณในความหวังของท่านรองแม่ทัพมู่เจ้าค่ะ แต่ว่าข้ามีกษายะหางวายุอยู่ข้างกายแล้ว ไม่จำเป็นต้องใช้โอสถถอนพิษแล้วเจ้าค่ะ ท่านเก็บไว้เถิด ส่วนโล่สีดำชิ้นนั้น…รอให้หาองค์หญิงสามเจอก่อน แล้วข้าจะคืนให้ท่านอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ”
มู่ชิงเห่อเม้มริมฝีปาก
ไม่รู้ว่าเขามีลางสังหรณ์ที่ผิดพลาดไปหรือไม่ แต่เขามักจะรู้สึกว่าฉู่หลิวเยว่ตอนนี้ ไม่เหมือนกับฉู่หลิวเยว่ที่เจอที่แคว้นเย่าเฉินในตอนแรกเลย
ตอนนั้นฉู่หลิวเยว่เป็นคนสุภาพมีมารยาท ซ้ำยังขี้อายและอ่อนแอ
แต่นางในตอนนี้กลับกล้าปฏิเสธคำพูดของเขาตรงๆ
ใช่แล้ว ตอนนี้นางได้ทำพันธสัญญากับอสูรศักดิ์สิทธิ์แล้ว นางย่อมแตกต่างจากเมื่อก่อนแน่นอน
มู่ชิงเห่อพยักหน้าแล้วเก็บขวดหยกขวดนั้นลง
“ดูนั่นสิ! เหมือนว่าอายพิศม์จะพุ่งกลับเข้าไปยังต้นไม้แม่พันธุ์ต้นนั้นแล้ว”
เย่หรานหร่านตะโกนขึ้นมาอย่างตกใจ
เมื่อทุกคนได้ยินดังนั้นจึงหันกลับไปมองทันที และเห็นว่าอายพิศม์เหล่านั้นกำลังลอยตัวกลับไปที่ต้นไม้ต้นนั้นที่อยู่ตรงกลางอย่างช้าๆ
กิ่งก้านของมันขยับไปมา ราวกับกำลังกลืนกินอายพิศม์เหล่านั้น
ฉู่หลิวเยว่ขมวดคิ้วเป็นปม แล้วหันไปมองทางฉินอี
“พี่ใหญ่ฉิน นี่เกี่ยวข้องกับตราประทับของต้นไม้แม่พันธุ์ที่ท่านเคยกล่าวถึงเมื่อก่อนหน้านี้หรือไม่?”
ฉินอีพยักหน้า
“ทุกวันภายในป่าหมอกมายาจะมีอายพิศม์กระจายอยู่ แต่โดยทั่วไปแล้วมันจะปกคลุมอยู่รอบนอก ไม่เคยกระจายเข้ามาในส่วนของด้านในเลย”
ความจริงแล้วต้องบอกว่ามันไม่เคยเป็นเช่นนี้มาก่อน
เมื่อหนึ่งปีก่อนหน้านี้ ตอนที่พวกเขาเพิ่งมาถึงที่นี่เป็นครั้งแรก เขาก็ได้เจอกับสถานการณ์แบบเดียวกันนี้
เพียงแต่ว่าในตอนนั้นตราประทับนั้นเพิ่งจะมีรอยแตกออกมาเล็กน้อยเท่านั้น และไก่ฟ้าเก้าสีก็ยังเลือกที่จะเกาะอยู่บนต้นไม้ต้นนั้น
เมื่อมีมันอยู่ก็สามารถซ่อมแซมรอยร้าวนั้นได้ อีกทั้งยังเป็นเหมือนการเพิ่มพลังให้ตราประทับนั้นอีกชั้น
ดังนั้นตั้งแต่ที่มันเข้าสู่ห้วงนิทรา ป่าหมอกมายาก็ไม่เคยเกิดเรื่องแบบนั้นอีกเลย
แต่เมื่อมันออกมาแล้ว ดังนั้นตราประทับนั้นจึงถูกทำลายได้อย่างง่ายดาย