ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 726 ไม่แปลก
ตอนที่ 726 ไม่แปลก
รอบข้างมืดสนิท
ภายในพื้นที่ทั้งมืดและแคบมีกลิ่นเน่าและคาวเลือดอย่างรุนแรง ราวกับว่าอากาศรอบข้างมีแรงกดดันมากขึ้น
ทันใดนั้นถวนจื่อก็สยายปีกทั้งสองข้างออก
เปลวไฟสีแดงชาดสายหนึ่งก็พุ่งออกไปทันที เหมือนดาวตกในท้องฟ้ายามค่ำคืน มันทิ้งตัวเป็นเส้นทั้งสว่างไสวและชัดเจน สุดท้ายก็ตกไปในหุบเหวลึกเบื้องล่าง
ด้วยแรงฉุดของเปลวไฟนี้ มันจึงทำให้ทุกคนเดินก้าวไปข้างหน้าอย่างสะดวกมากยิ่งขึ้น
พี่เหลยสี่ที่ลอยอยู่ด้านหน้าสุดก็พุ่งตัวไปด้านหน้าทันที
ฉู่หลิวเยว่ก็ตามไปติดๆ
ส่วนคนด้านหลังที่ติดตามมาด้วย
…
“พี่เหลยสี่ พวกเจ้าเคยมาที่นี่มาก่อนหรือไม่?”
ขณะที่ฉู่หลิวเยว่กำลังตกลงพื้นนางก็ถามขึ้นด้วยเสียงเบา
“เคยมาครั้งหนึ่ง แต่นั่นมันก็นานมากแล้ว”
ตอนนั้นพวกเขาเพิ่งมาที่ป่าหมอกมายาได้ไม่นาน เขาจึงยังไม่ค่อยคุ้นเคยกับที่นี่ ดังนั้นจึงเจอเรื่องยุ่งยากนี้อย่างไม่ทันระวัง
ต่อมาก็ได้รับความช่วยเหลือจากพี่ใหญ่ เขาถึงได้ออกจากสถานที่แห่งนี้ได้
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา พวกเขาสองคนก็อาศัยอยู่ด้านข้างของต้นแม่พันธุ์มาตลอด และคอยดูแลปกป้องไก่ฟ้าเก้าสี
หลังจากนั้นเขาก็ไม่ได้เจอเรื่องแบบนั้นอีกเลย
มีคนจากด้านนอกบุกเข้ามาเช่นกัน แต่พวกเขาก็ถูกขวางกั้นเอาไว้ด้านนอกทั้งหมด
ในระยะเวลาหนึ่งปีกว่านี้ กลุ่มของฉู่หลิวเป็นเพียงกลุ่มเดียวที่สามารถบุกเข้ามาถึงป่าหมอกมายาชั้นในได้
“แต่ก็ไม่รู้ว่าด้านล่างจะมีสภาพเหมือนเดิมหรือเปล่า…”
พี่เหลยสี่บินพึมพำ
หัวใจของฉู่หลิวเยว่กระตุกไป จากนั้นก็ถามว่า
“จริงสิ พี่ใหญ่เหลย ความจริงแล้วข้าได้ยินมาว่าอายพิศม์ของที่ป่าหมอกมายาจะเป็นสีขาว แต่เหตุใดครั้งนี้ที่พวกข้าเข้ามาถึงเป็นสีแดงล่ะ?”
อีกทั้งยังมีกลิ่นคาวเลือดโชยออกมาด้วย ทำให้คนรู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก
พี่เหลยสี่ขมวดคิ้วมุ่น
“ถ้าพูดถึงเรื่องนี้…ความจริงแล้วข้ากับพี่ใหญ่เองก็ไม่รู้ว่ามันเกิดอันใดขึ้น ตอนที่พวกเรามาถึง อายพิศม์เหล่านี้ล้วนเป็นสีขาวจริงๆ ระหว่างนั้นที่ข้าอยู่ที่นี่เป็นระยะเวลานาน ไม่ได้ออกไปไหน จนกระทั่งเห็นพวกมันอีกครั้ง มันก็กลายเป็นสีแดงแล้วแต่ว่าตอนนั้นสียังจางมาก ต่อมาก็ค่อยๆ เข้มขึ้น จนกระทั่งกลายเป็นอย่างปัจจุบัน”
ตอนแรกเขาก็สงสัยอย่างมาก แต่พี่ใหญ่เอาแต่บอกว่าไม่ต้องสนใจเรื่องนี้มากเกินไป
เป้าหมายของพวกเขานั่นมีเพียงอย่างเดียวเท่านั้น คืออยู่เพื่อปกป้องไก่ฟ้าเก้าสี
พี่เหลยสี่เองก็เชื่อฟังคำพูดของฉินอีมาตลอด กอปรกับนิสัยไม่ยี่หระของเขาแล้ว เขาจึงไม่ได้ถามอันใดเพิ่มเติมอีก
ฉู่หลิวเยว่ครุ่นคิดอยู่นาน
จากคำพูดของพี่เหลยสี่นั้น เป็นไปได้อย่างมากว่าป่าหมอกมายาจะเริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลงหลังจากที่พวกเขามาที่นี่
อีกทั้งตอนที่พวกเขามาที่นี่…
ฉู่หลิวเยว่คาดเดาว่าพวกเขาน่าจะมาที่นี่หลังจากที่ข้าเกิดเรื่องเมื่อปีนั้น
และเป็นไปได้อย่างมากว่าพวกเขาเป็นคนพาถวนจื่อมาที่นี่…
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ถวนจื่อก็หันหน้ากลับมามองแล้วส่ายหน้าอย่างกะทันหัน
ฉู่หลิวเยว่ประหลาดใจเล็กน้อย
นี่ถวนจื่อหมายความว่า…สองคนนั้นไม่ได้พามันมาที่นี่หรือ?
แล้วมันมาที่นี่ได้อย่างใด?
ฉู่หลิวเยว่จึงถามถวนจื่อในใจอีกครั้ง
“ถวนจื่อ ตอนแรกเจ้ามาที่นี่เองใช่หรือไม่?”
ถวนจื่อส่ายหน้าอีกครั้ง
ฉู่หลิวเยว่หรี่ตาลง แต่ก็เห็นประกายความสับสนในสายตาของถวนจื่อ
ความจริงแล้วแม้กระทั่งตัวมันเองยังไม่รู้เลย ว่าเกิดอันใดขึ้นกับตัวของมัน
ในตอนแรกก่อนที่ซั่งกวนเยว่จะจุดไฟเผาตัวเอง นางได้บังคับให้ถอนพันธสัญญาออกจากตัวของมัน
นั่นถึงเป็นวิธีที่ทำให้มันอยู่รอด
เดิมทีมันตั้งใจจะทำให้ซั่งกวนหว่านและเจียงอวี่เฉิงตกตายไปพร้อมกับมัน เพื่อที่จะล้างแค้นให้นาง
แต่มันยังไม่ทันได้ทำอันใด มันก็สลบไปเสียก่อน
เมื่อมันตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ตัวของมันก็อยู่ที่ป่าหมอกมายาแล้ว แต่วิญญาณของมันถูกแยกออกเป็นสองส่วน
ครึ่งหนึ่งยังอยู่ที่ร่างกายของมัน อีกครึ่งหนึ่งนั้น…เข้าไปอยู่ในร่างของเพียงพอนโลหิตระดับสาม
เรื่องราวระหว่างนั้นมันไม่รู้เรื่องเลยแม้แต่น้อย
ความคิดเหล่านั้นของถวนจื่อถูกส่งไปให้ฉู่หลิวเยว่อย่างชัดเจน
นางครุ่นคิดอยู่นานและไม่ได้ส่งเสียงออกมาแม้แต่ครึ่งคำ
ดูเหมือนว่าจะมีคนช่วยนางเอาไว้ แต่นางไม่รู้ว่าคนผู้นั้นคือใคร
บางทีถ้าถามจากฉินอีและพี่เหลยสี่ก็น่าจะรู้เรื่องอันใดบางอย่าง
แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมนัก
“รีบไปเหมือนว่าจะมีคนอยู่ด้านล่าง!”
ทันใดนั้นพี่เหลยสี่ก็ตะโกนเสียงดังขึ้น
ฉู่หลิวเยว่รีบระงับอารมณ์ที่หลากหลายของตัวเองทันที นางมองไปที่ทางที่เขาชี้ด้านหน้า
ท่ามกลางความมืดมิดกลับมีเงาคนคนหนึ่งจริงๆ ด้วย
หัวใจของฉู่หลิวเยว่กระตุกขึ้น แล้วเพิ่มความเร็วมากขึ้น
แต่หลังจากที่ขยับเข้าไปใกล้แล้ว ฉู่หลิวเยว่ก็ขมวดคิ้วขึ้นเป็นปม
คนผู้นี้…เหมือนว่าจะไม่ใช่ซั่งกวนหว่าน
ต่อให้ซั่งกวนหว่านกลายเป็นขี้เถ้านางก็ยังจำได้
แต่คนที่อยู่ตรงหน้านางนั้น แม้ว่าจะมองไม่เห็นใบหน้า แต่ด้วยรูปร่างแล้ว ไม่ใช่ซั่งกวนหว่านอย่างแน่นอน
ฉู่หลิวเยว่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็เดินตรงต่อไปทางด้านหน้า
เมื่อพี่เหลยสี่เห็นว่าฉู่หลิวเยว่วิ่งแซงหน้าตนเองไปแล้ว เขาก็รีบเพิ่มความเร็วฝีเท้ามากยิ่งขึ้น
ด้านล่างนี้มันมีอันใดกันแน่ เหตุใดถึงทำให้ผ่าบาทวิ่งขึ้นไปด้านหน้าสุดเช่นนั้น?
แต่พี่เหลยสี่ก็ต้องตกใจที่พบว่า เมื่อเทียบกันแล้วความเร็วของฉู่หลิวเยว่ ไม่ได้ด้อยไปกว่าเขาเลย
ในพื้นที่ว่างด้านล่าง ผู้บำเพ็ญเพียรทุกคนจะต้องถูกแรงกดดันกดทับเอาไว้ระดับหนึ่ง
แต่สำหรับฉู่หลิวเยว่แล้วเหมือนว่าจะไม่ส่งผลกระทบกับนางเลย…
หรือบางทีอาจจะเป็นเพราะนางทำพันธสัญญากับกษายะหางวายุแล้ว
พี่เหลยสี่ไม่ต้องการจะถามมาก ดังนั้นเขาจึงต้องเพิ่มความเร็วให้มากขึ้นเพื่อที่จะไล่ตามนางทัน
หลังจากนั้นไม่นานในที่สุดฉู่หลิวเยว่ก็ชะงักฝีเท้า
พี่เหลยสี่ก็มาถึงในระยะเวลาใกล้เคียงกัน
เมื่อเห็นว่าฉู่หลิวเยว่กำลังเดินเข้าไปหาร่างนั้น เขาก็รีบพูดขึ้นว่า
“ช้าก่อน! อันตราย!”
ฉู่หลิวเยว่ส่ายหน้า
“วางใจเถอะ คนผู้นี้ตายแล้ว”
พี่เหลยสี่ชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็เดินเข้าไปสองสามก้าว
นี่คือร่างของหญิงสาว น่องของนางจมอยู่ในโคลนสีดำ แต่ร่างกายส่วนใหญ่ยังอยู่ที่ด้านนอก
เมื่อครู่นี้พวกเขามองแผ่นหลังนี้จากด้านบน ดังนั้นก็ไม่น่าแปลกใจที่จะไม่เห็น
ดวงตาสองข้างปิดสนิท ปราณในร่างกายหมดเกลี้ยง นางตายแล้วจริงๆ
ฉู่หลิวเยว่ยกมือขึ้นแล้วดีดนิ้วหนึ่งครั้ง ลูกไฟก็ปรากฏที่กลงฝ่ามือของนาง ทันใดนั้นรอบข้างก็สว่างขึ้น
อีกทั้งตอนนี้พวกเขาก็ได้เห็นหน้าของผู้หญิงคนนั้น
ใบหน้าขึ้นสีม่วง แก้มสูบตอบมาก องค์ประกอบทั้งห้าของใบหน้าด้วยบิดเบี้ยวอย่างมาก เหมือนว่าก่อนตายนางจะถูกทรมานอย่างหนัก
อีกทั้งบนร่างกายของนางมีแผลใหญ่ตรงที่หน้าอกเพียงหนึ่งแผล ราวกับถูกของอันใดบางอย่างแทงโดยตรง ร่างกายของนางมีเลือดเปรอะเปื้อนเป็นจำนวนมาก
รูม่านตาของฉู่หลิวเยว่หดตัวลง
สีหน้าของพี่เหลยสี่ก็เปลี่ยนไป
เหตุใดท่าทางการตายของผู้หญิงคนนี้ถึงดูน่าสังเวชขนาดนี้เล่า?
“นี่คือใคร?”
คนที่ตามมาอยู่ด้านหลังก็ทยอยเดินมา
เจียงอวี่เฉิงเดินเข้าใกล้เล็กน้อย และสังเกตเห็นว่าคนผู้นี้ไม่ใช่ซั่งกวนหว่าน
ฉู่หลิวเยว่เฟลือบมองเขาครู่หนึ่ง
“นี่คือศิษย์สำนักพันธมิตรเก้าดารา”
ความจริงแล้วผู้หญิงคนนี้เคยมาเยาะเย้ยถากถางพวกเขาอยู่หลายครั้ง
และเป็นผู้หญิงที่รังแกเย่หรานหร่านที่สวนเทพเนรมิตอีกด้วย
ก่อนหน้านี้ยังเห็นทำตัวกำเริบเสิบสาน ใช้อำนาจบาตรใหญ่ คิดไม่ถึงเลยพริบตาเดียวนางจะหมดลมหายใจไปเช่นนี้แล้ว
เจียงอวี่เฉิงเดินไปหยุดที่ด้านข้างของสองคน เมื่อเห็นใบหน้าของผู้หญิงคนนั้น เขาก็มีสีหน้าเย็นชามากขึ้น
ฉู่หลิวเยว่ให้ความสนใจเขาตลอด เมื่อเห็นเขามีปฏิกิริยาเช่นนี้ นางก็ขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย
น่าแปลกจริงๆ
เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้ ปฏิกิริยาแรกของเจียงอวี่เฉิงไม่ใช่ตกใจ และไม่ใช่สงสัย แต่กลับเป็น…ความโกรธ?
เหตุใดเขาถึงไม่แปลกใจกับภาพเหตุการณ์เช่นนี้เลยเล่า?