ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 727 ช่วยเหลือ
ตอนที่ 727 ช่วยเหลือ
“คนผู้นี้ไม่ใช่องค์หญิงสาม?”
ผู้อาวุโสชิวซีก็เดินขึ้นมาด้านหน้าด้วยเช่นกัน สีหน้าตกตะลึง เขาพูดโพล่งขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
“ที่นี่คือด้านล่างของต้นไม้แม่พันธุ์ไม่ใช่หรือ? เมื่อครู่องค์หญิงสามเพิ่งหล่นลงจากที่นี่แท้ๆ แล้วนางหายไปไหนแล้วล่ะ?”
เจียงอวี่เฉิงพูดขึ้นเสียงเย็น
“โคลนสีดำนี่เป็นกระแสน้ำไหลเวียน นี่ก็ผ่านมานานขนาดนี้แล้ว นางอาจจะถูกพัดออกไปที่อื่นก็ได้”
ผู้อาวุโสชิวซีก็ตบศีรษะของตัวเองครู่หนึ่ง
“ข้าผู้เฒ่าก็ลืมเรื่องนี้ไปเลย…หากเป็นเช่นนั้นแล้วละก็ หากจะค้นหาองค์หญิงสามจะต้องลำบากมากขึ้นไม่ใช่หรือ?”
แต่ทว่าไม่มีใครให้ความสนใจเขาเลย
ในที่สุดผู้อาวุโสชิวซีก็รู้สึกถึงความอึดอัดใจ
ในตอนนั้นเองมู่ชิงเห่อและคนอื่นๆ ก็ตามมาจนครบแล้ว
เมื่อเย่หรานหร่านเห็นใบหน้าของผู้หญิงคนนั้นนางก็กรีดร้องออกมาอย่างตกใจ
“นั่นไม่ใช่…ศิษย์ใหม่ของสำนักพันธมิตรเก้าดาราหรอกหรือ?”
ทั้งสำนักพันธมิตรเก้าดารา นางจดจำคนผู้นี้ได้แม่นยำที่สุด
คาดไม่ถึงว่าเมื่อได้พบกันอีกครั้งจะเป็นสถานการณ์เช่นนี้
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้า
“ใช่ นางนั่นแหละ”
“เหตุใดนางถึง…คนของสำนักพันธมิตรเก้าดาราปกป้องนางอยู่เสมอไม่ใช่หรือ? จริงสิ…ศิษย์คนอื่นของสำนักพันธมิตรเก้าดาราล่ะ?”
เย่หรานหร่านบ่นพึมพำเสียงเบา จากนั้นก็มองไปรอบๆ ด้าน แต่กลับมองไม่เห็นร่องรอยของคนอื่นเลย
“น่าจะเหลือนางอยู่ที่นี่คนเดียว ศิษย์คนอื่นของสำนักพันธมิตรเก้าดาราล้วนไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว”
ฉู่หลิวเยว่ส่ายหน้า
หลังจากยืนยันตัวตนของผู้หญิงคนนี้ได้แล้ว นางก็มองสำรวจไปยังบริเวณโดยรอย แต่ก็ไม่เห็นเงาของคนอื่นเลยแม้แต่น้อย
มู่ชิงเห่อกวาดสายตาสำรวจผู้หญิงคนนั้นแล้วพูดเสียงเบาว่า
“นางน่าจะถูกแยกกับคนอื่น และมาที่นี่ตามลำพังจากนั้นนางก็รากไม้ของต้นสนฉัตรรัดจนตาย”
หากมองดูดีๆ แล้วร่างกายของนางมีร่องรอยถูกอะไรบางอย่างรัดจนแน่นหนา
“ต้นสนฉัตรนั่นน่ากลัวจริงๆ…”
แม้เหตุการณ์จะผ่านไปแล้วแต่เย่หรานหร่านก็ยังหวาดกลัวอยู่ สีหน้าของนางก็ดูสับสนอย่างมาก
เดิมทีนางคิดว่าถ้ามีโอกาสนางจะขอคิดบัญชีแค้นกับคนของสำนักพันธมิตรเก้าดาราให้ได้แต่คิดไม่ถึงว่า…
ตอนนี้นางสามารถคาดเดาอันใดบางอย่างได้แล้ว
ใต้ต้นไม้ที่เหี่ยวเฉาพวกนั้น…อาจจะมีคนถูกกักขังอยู่ก็ได้
หากเป็นเช่นนั้นแล้วละก็ คนนับพันที่เข้ามาในป่าหมอกดารา ก็ตกอยู่ในสถานการณ์แบบนั้นเช่นเดียวกัน
นางไม่รู้ว่ามีคนจำนวนเท่าใดที่ตายอย่างไร้เสียงเช่นผู้หญิงคนนี้
เมื่อคิดถึงตรงนี้หัวใจของนางก็รู้สึกสั่นสะท้านขึ้นมา
“นางไม่ได้ตายเพราะถูกรัดด้วยรากไม้”
ทันใดนั้นน้ำเสียงที่ราบเรียบก็ดังขึ้น
ทุกคนเงียบเสียงลง
มู่ชิงเห่อหันไปมองฉู่หลิวเยว่
ฉู่หลิวเยว่เชิดคางขึ้น สีหน้าราบเรียบ แววตาสงบนิ่งอย่างแน่วแน่
“ถ้าถูกรากไม้รัดตาย สภาพการตายของนางจะไม่เป็นสภาพนี้”
มู่ชิงเห่อเดินเข้าไปด้านหน้าอีกสองก้าว เขาใช้ประโยชน์จากแสงไฟนั้น ในที่สุดที่ก็สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น
สายตาของเขาฉายแววความตกใจ เขาเงียบไปครู่หนึ่งในที่สุดก็พยักหน้า
“เมื่อครู่ข้ามองผิดไปจริงๆ นางไม่ได้ตายเพราะสาเหตุเหล่านี้”
เขาเคยเห็นว่าคนที่ถูกต้นสนฉัตรรัดตายนั้นจะมีสภาพศพเป็นอย่างใด
แต่แม่นางคนนี้…
ลักษณะการตายของนางแปลกประหลาดเดินไปแล้ว
อีกทั้งที่น่าแปลกกว่านั้นก็คือ…
ฉู่หลิวเยว่พูดต่อว่า
“พลังดั้งเดิมในร่างกายของนางนั้นหายไปจนหมดเกลี้ยง”
มู่ชิงเห่อเม้มริมฝีปากแน่น
นี่คือสิ่งที่เขาเพิ่งค้นพบเช่นกัน
“หมายความว่าอย่างใด?”
มู่หงอวี่ที่กำลังปลอบเย่หรานหร่านอยู่ จึงถามขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
ฉู่หลิวเยว่อธิบายต่อว่า
“หลังจากที่ผู้บำเพ็ญเพียรเสียชีวิต แม้ว่าหมดลมหายใจแล้ว พลังดั้งเดิมที่อยู่ร่างกายก็จะไม่หายไปทันที โดยเฉพาะคนที่มีพรสวรรค์ไม่เลวเช่นนาง…ภายในเลือดและกล้ามเนื้อจะต้องเหลือพลังดั้งเดิมอยู่จำนวนไม่น้อย แต่ดูแล้วนางน่าจะเพิ่งตายได้ไม่นาน แต่พลังดั้งเดิมในร่างกายนางกลับหายเกลี้ยงไม่เหลือเลยสักหยด”
คำพูดของฉู่หลิวเยว่ดึงความสนใจของทุกคน
“เช่นนี้นี่เอง!”
พี่เหลยสี่ที่มีระดับบำเพ็ญเพียรสูง ร่างกายของเขาจึงไวกับสิ่งเหล่านั้นโดยธรรมชาติ
“พลังดั้งเดิมที่อยู่ในร่างกายของนาง เหมือนถูกอะไรบางอย่างดูดไปจนแห้ง ไม่เหลือแม้แต่น้อย! ช้าก่อน เหมือนว่าหยวนตันของนางก็ถูกทำลายด้วย”
พี่เหลยสี่ใช้ปราณดั้งเดิมสำรวจโดยรอบ จากนั้นก็ต้องแสดงสีหน้าตกใจออกมา
ขนตาของเจียงอวี่เฉิงกะพรือขึ้นลงเล็กน้อย
ฉู่หลิวเยว่มองจากด้านข้างและเห็นอย่างชัดเจน ในใจก็หัวเราะเยาะเย้ยขึ้นมา
เหมือนว่าซั่งกวนหว่านจะทำอันใดสักอย่าง และเจียงอวี่เฉิงก็รู้เรื่องนี้ดี
ถ้าจำไม่ผิดผู้หญิงคนนี้ก็มีเส้นชีพจรตี้จิง
“คล้ายว่าจะมีอันใดบางอย่างที่ดูดกลืนพลังของนางไป และต้นสนฉัตรก็เป็นเครื่องมือที่สะดวกสบายเท่านั้น”
ฉินอีพูดขึ้นเสียงเบา
ทุกคนต่างเงียบเสียงทันที
ด้วยสถานการณ์ในตอนนี้ เกรงว่าจะมีแต่ความเป็นไปได้นี้เท่านั้น
“มันเรื่องอันใดกันแน่ วิธีการลงมือน่ากลัวโหดเหี้ยมเช่นนี้เลยหรือ?”
เย่หรานหร่านยังเด็กและไม่เคยเจอเรื่องเช่นนี้มาก่อน ในใจจึงเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและโมโห
ผู้อาวุโสชิวซีบ่นพึมพำว่า
“คิดไม่ถึงว่าที่นี่จะมีของน่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ด้วย! พวกเราจะต้องรีบตามหาองค์หญิงสามให้เร็วที่สุด! ไม่เช่นนั้นแล้วละก็..”
มุมปากของฉู่หลิวเยว่ยกขึ้นเล็กน้อย
“ผู้อาวุโสชิวซี ท่านวางใจเถิด องค์หญิงสามเป็นคนดีฟ้าต้องคุ้มครองอย่างแน่นอน แม้ว่าคนอื่นจะได้รับอันตราย แต่นางต้องปลอดภัยแน่”
ผู้อาวุโสชิวซีสะอึก และรู้สึกว่าคำพูดของฉู่หลิวเยว่มันดูแปลกๆ แต่เขาก็ไม่รู้ว่าเถียงอย่างไร จึงได้แต่สะบัดแขนเสื้อออก
“ไม่ว่าอย่างใดการค้นหาองค์หญิงสามคือเรื่องสำคัญที่สุด”
ฉู่หลิวเยว่ขี้เกียจจะใส่ใจเขา
แต่เกรงว่าซั่งกวนหว่านคงไม่อยากให้พวกเขาหาตัวเจอมากกว่า
“ช่วยด้วย…ช่วยด้วย!”
ทันใดนั้นเสียงแหบพร่าขอร้องความช่วยเหลือก็ดังขึ้นจากสถานที่ไกลออกไป
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกคุ้นหูกับน้ำเสียงนั้นอย่างมาก จึงรีบหันกลับไปมองทางนั้น
มู่หงอวี่เบิกตากว้าง
“นั่นเสียงของศิษย์พี่จู้หง!”
คนของภูเขาเขี้ยวมังกรหรอกหรือ?
มู่หงอวี่กังวลอย่างมาก นางต้องการที่เดินไปที่ด้านหน้า แต่กลับถูกฉินอีขวางเอาไว้
“หากเจ้าเดินออกจากม่านพลังนี้ ใช้เวลาเพียงไม่นาน เจ้าจะต้องถูกโคลนสีดำดูดกลืนอย่างแน่นอน”
มู่หงอวี่ตกใจอย่างมาก รีบชะงักฝีเท้าทันที แววตาเต็มไปด้วยความกระวนกระวาย
“แต่ แต่นั่นคือศิษย์พี่จู้หง…”
“ไม่ใช่แค่เขาคนเดียวเท่านั้น”
ฉู่หลิวเยว่พูดขึ้นมาอย่างกะทันหัน
ท่ามกลางความมืดมิด เหมือนว่าจะมีคนอยู่อีกหลายคน
นางส่งสายตาให้มู่หงอวี่อย่างสงบนิ่ง
“ไม่ต้องกังวล ข้าจะไปดูเอง”
นางก็พุ่งตัวไปด้านหน้าทันที
บางทีอาจจะเป็นเพราะกษายะหางวายุ จึงทำให้นางคล่องตัวมากกว่าคนอื่นอย่างเห็นได้ชัด
มู่หงอวี่พยักหน้า ดวงตาจ้องไปข้างหน้าตาเขม็ง
พี่เหลยสี่รีบติดตามไปทันที
“ช่วยด้วย…แค่กๆ! ช่วย…“
ยิ่งเข้าใกล้มากเท่าใด เสียงของจู้หงก็ชัดเจนมากขึ้นเท่านั้น
เขากำลังดิ้นรนอยู่ในโคลนสีดำ ด้านหลังของเขายังมีอีกหลายคนที่หมดสติไปแล้ว
รอบข้างเต็มไปด้วยความมืด ร่างกายของเขาทรุดโทรมอย่างต่อเนื่อง พลังภายในร่างกายของเขาก็ไหลออกอย่างช้าๆ
เหมือนว่าทั้งร่างกายค่อยๆ เย็นตัวลง
ความสิ้นหวังก่อตัวขึ้นภายในใจ
หรือว่า…เขาจะต้องตายอยู่ที่นี่แล้ว?
ตอนที่มาเขายังพูดว่าเขาจะดูแลศิษย์ของสำนักเป็นอย่างดี…แต่ว่าตอนนี้
เสียงของจู้หงกำลังแผ่วเบาลงเรื่อยๆ ทันใดนั้นเองเขาก็หัวเราะออกมาอย่างขมขื่น
เขาตะโกนร้องขอความช่วยเหลืออยู่ที่นี่มันจะมีใครได้ยิน?
เขาหมดแรงแล้ว เขายืนหยัดต่อไปไม่ไหวแล้ว…
จู้หงหลับตาลง
“จู้หง?”
เสียงกระจ่างใสของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นอย่างกะทันหัน
จู้หงเบิกตากว้างขึ้นแล้วพยายามมองตรงไปด้านหน้า
มีเงาของใครบางคนกำลังเดินมาทางนี้
แสงไฟสีแดงชาดสะท้อนกับเงาร่างของนาง ราวกับใบมีดที่กระทบแสงในความมืด สีสันมากมายเบิกบาน