ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 738 เปิดโปง
ตอนที่ 738 เปิดโปง
นี่เป็นครั้งแรกที่เจียงอวี่เฉิงเรียกนางเช่นนี้ ฉู่เหลิวเยว่พยายามอย่างมาก ที่จะยับยั้งไม่ให้แสดงสีหน้าใดๆ ออกไป
ผู้ชายคนนี้เป็นอันใดไป?
แต่ซ่งชิงเหนียนที่อยู่ด้านข้างกลับตกใจอย่างมาก
“อวี่เฉิง เมื่อครู่…เมื่อครู่เจ้าเรียกนางว่า…”
เจียงอวี่เฉิงคนนี้ดูเหมือนเป็นคนมีมารยาทและอบอุ่น แต่ที่จริงแล้วเขาเป็นคนที่หยิ่งผยองอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ตอนนี้ฐานะของพวกเขานั้นต่างกัน ยากมากที่เขาจะให้คนธรรมดาเข้าใกล้
แต่ตอนนี้ คาดไม่ถึงว่าเขาจะเรียกฉู่หลิวเยว่อย่างสนิทสนมเช่นนี้…
ความสัมพันธ์ของสองคนนี้ใกล้ชิดกันตั้งแต่เมื่อไร?
เจียงอวี่เฉิงเหลือบสายตามองซ่งชิงเหนียน แล้วยิ้มบางๆ พร้อมอธิบายให้ฟังว่า
“จริงสิ เจ้าน่าจะยังไม่รู้ ก่อนหน้านี้ที่ข้าประสบอันตราย ก็ได้ฉู่หลิวเยว่นี่แหละที่ช่วยเอาไว้ และหลุดจากพันธนาการ จะว่าไปแล้ว นับว่าข้าติดหนี้บุญคุณของนางอยู่”
มู่ชิงเห่อและคนอื่นๆ ล้วนเห็นภาพเหตุการณ์นั้นด้วยตาตัวเอง จึงไม่มีอันใดจะเถียง
ส่วนคนที่เหลือนั้น…
ล้วนได้รับการช่วยเหลือจากฉู่หลิวเยว่มาไม่มากก็น้อย จะให้รู้สึกขอบคุณก็ยังไม่สายเกินไป ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้พูดอันใดออกมา
ซ่งชิงเหนียนรู้สึกสับสนอย่างมาก
หยางซิ่นเอ๋อร์ที่อยู่ด้านข้างก็เบิกตากว้างด้วยความตกใจ แม้กระทั่งเรื่องร้องไห้ก็ยังลืมไปแล้ว
“เจ้า เจ้าหมายความว่า…ฉู่หลิวเยว่ช่วยเจ้าเอาไว้?”
ซ่งชิงเหนียนถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ
เจียงอวี่เฉิงพยักหน้า ก่อนจะชี้ไปที่คนด้านหลัง
“ความจริงแล้วคนที่อยู่ด้านหลัง ส่วนใหญ่แล้วก็เป็นนางที่ช่วยออกมา”
พลังของฉู่หลิวเยว่มีจำกัด แน่นอนว่านางไม่สามารถรับผิดชอบทุกอย่างได้
แต่ก็ไม่มีใครสามารถปฏิเสธได้ว่า นางมีความสำคัญมากที่สุดในการเดินทางครั้งนี้
ซ่งชิงเหนียนชะงักไป แล้วหันไปมองคนที่อยู่ด้านหลังด้วยความมึนงง และเมื่อนับดูอย่างคร่าวๆ แล้วน่าจะมีคนอยู่ประมาณสามร้อยถึงสี่ร้อยคน!
คนเหล่านี้…ล้วนเป็นคนที่ฉู่หลิวเยว่ช่วยเหลือมาหรือ?
หัวใจของซ่งชิงเหนียนเหมือนถูกโจมตีอย่างรุนแรง เขาไม่อยากจะเชื่อเลย
แต่คนที่พูดเรื่องนี้ คือเจียงอวี่เฉิง เขาไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อ!
แต่เมื่อนึกถึงฝีมือของฉู่หลิวเยว่ที่เขาเพิ่งได้สัมผัส ซ่งชิงเหนียนก็ค่อยๆ ได้สติกลับคืนมา
เหมือนกับ…เหมือนกับว่า…ฉู่หลิวเยว่จะมีฝีมืออยู่หลายส่วนเช่นกัน
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงพี่เหลยสี่คนนั้นเลย ฝีมือของเขาแข็งแกร่ง แต่กลับเชื่อฟังฉู่หลิวเยว่มาก
ด้วยการช่วยเหลือของเขา ทำให้ฉู่หลิวเยว่มาไกลถึงตรงนี้ ก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
“ส่วนเรื่องที่นางปลอดภัยไม่เป็นอันใดเลย…นั่นเพราะว่านางไม่ได้โดนดึงลงมาตั้งแต่แรก ต่อมาพวกเราต้องตามหาหว่านเอ๋อร์ นางจึงตามลงมาด้วย”
เจียงอวี่เฉิงพูดขึ้นไม่กี่ประโยค พร้อมอธิบายเรื่องราวอย่างง่ายๆ ให้ฟังหนึ่งรอบ
คำพูดของเขาราบเรียบอย่างมาก แต่กลับเหมือนมีหินมาทุบลงที่หัวใจของซ่งชิงเหนียนอย่างแรง
ในตอนนั้นเขาถึงได้เข้าใจว่าคำพูดของเขาเมื่อครู่นี้ มันช่างน่าขันสิ้นดี!
ในสายตาของเจียงอวี่เฉิง ไม่สิ!
ในสายตาของทุกคน เกรงว่าจะเห็นเรื่องเหล่านั้นเป็นเรื่องน่าขันเสียแล้ว?
ซ่งชิงเหนียนรีบชำเลืองมองสายตาของทุกคนทันที และเขาก็พบว่าสายตาของอีกฝ่ายนั้นไม่ดีนัก
คาดไม่ถึงว่าหนึ่งในนั้นจะมีเหล่าทหารม้าทมิฬด้วย…
ทันใดนั้นก็มีเสียงพูดขึ้นมา…
“คุณหนูฉู่เป็นคนอบอุ่นอย่างมาก ระหว่างทางก็ช่วยผู้คนมาโดยตลอด ไม่มีทางลงมือกับใครแน่นอน”
“ข้าก็เห็นเช่นนั้น”
“สำนักกระบี่เมฆาม่วง…ข้าจำได้ว่าก่อนหน้านี้ที่จัตุรัสผิงเหลียง พวกเขาเคยสร้างปัญหาให้กับคุณหนูฉู่ เกรงว่าตอนนี้จะไม่ใช่ฝ่ายคุณหนูฉู่ที่ไปทำร้ายเขาก่อนแล้วล่ะ…”
คนเหล่านั้นพูดเสียงไม่ดัง แต่พื้นที่นี้แคบมาก ไม่ว่าจะพูดอันใด ก็สามารถได้ยินอย่างชัดเจน
ซ่งชิงเหนียนรู้สึกอับอายอย่างมาก และรู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก!
เจียงอวี่เฉิงหัวเราะ
“ชิงเหนียนดูเหมือนเจ้าจะเข้าใจอันใดผิดไปนะ?”
ซ่งชิงเหนียนกลั้นลมเอาไว้อยู่ในอก หลังจากที่ต่อสู้อยู่ภายในใจอย่างดุเดือดแล้ว สุดท้ายเขาก็ต้องจำนนต่อโชคชะตา แล้วกัดฟันพูดว่า
“…ก็คงเป็นเช่นนั้น…”
ในตอนที่เขากำลังจะปัดเรื่องทั้งหมดออกไป พี่เหลยสี่กลับกอดอก แล้วพูดอย่างเกียจคร้านว่า
“แค่พูดว่าเข้าใจผิดคำเดียวก็จะจบเรื่องแล้วหรือ? เมื่อครู่นี้เจ้าโทษว่าเป็นความผิดของพวกเราไม่น้อยเลยทีเดียวนะ? เมื่อตอนนี้เรื่องเปิดเผยอย่างชัดเจนแล้ว แต่เจ้ากลับ…ไม่คิดจะพูดขอโทษสักคำเลยหรือ?”
ซ่งชิงเหนียนต้องพูดขอโทษกับใคร?
แต่ในสถานการณ์แบบนี้ เขาไม่มีตัวเลือกที่สองแล้ว
เขากัดฟันแล้วหันไปพูดขอโทษกับฉู่หลิวเยว่
“…ขอโทษ”
คำพูดสั้นๆ สองคำ ราวกับว่าเสียงถูกบีบออกระหว่างซอกฟัน
พี่เหลยสี่เงี่ยหูฟัง
“เจ้าพูดว่าอันใดนะ? เสียงเบามาก ได้ยินไม่ชัดเลย!”
ซ่งชิงเหนียนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วเพิ่มเสียงให้ดังขึ้นพร้อมพูดว่า
“ขอโทษ! ข้าเข้าใจเจ้าผิดไปเอง!”
เมื่อพูดจบเส้นเลือดสีเขียวตรงหน้าผากก็โปนขึ้นจนสามารถเห็นได้อย่างชัดเจน
เดิมทีหยางซิ่นเอ๋อร์ที่หลบอยู่ด้านในของเขา ก็กอดแขนของเขาไว้ด้วยมือทั้งสองข้าง
ด้วยแรงขนาดนี้ซ่งชิงเหนียนจึงบีบมือของหยางซิ่นเอ๋อร์โดยไม่รู้ตัว
หน้าของนางเปลี่ยนสีทันที นางเกือบจะกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด…เหมือนว่ากระดูกมือของนางกำลังจะแหลกแล้ว!
ฉู่หลิวเยว่มองภาพเหตุการณ์นี้ราวกับกำลังดูละครอยู่
เจียงอวี่เฉิงช่วยนางพูด แม้ว่านางจะประหลาดใจเล็กน้อย แต่ภายในใจของนางกลับไม่มีความรู้สึกใดๆ มีแค่ความมวนท้องขึ้นมาเท่านั้น
แต่ว่าในเมื่อเจียงอวี่เฉิงติดหนี้ชีวิตนางอยู่ เช่นนั้น…ก็อย่าทำให้มันไร้ประโยชน์!
มู่ชิงเห่อเดินขึ้นมาด้านหน้าสองก้าว จากนั้นก็ชี้ไปยังทิศทางหนึ่ง
“เมื่อครู่ที่ได้ยินเสียงเคลื่อนไหว เป็นเพราะพวกเจ้าสองคนหรือ?”
ฉู่หลิวเยว่มองไปตามมือของเขา
ที่เขาชี้ก็คือศพของศิษย์ร่วมสำนักสองคนที่ตาย
“ถูกต้อง”
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้า จากนั้นก็เล่าสถานการณ์คร่าวๆ ให้เขาฟังอีกรอบ
แน่นอนว่านางได้เล่าเรื่องที่นางเสนอความช่วยเหลือให้อีกฝ่ายไปแล้ว แต่กลับถูกซ่งชิงเหนียนปฏิเสธอย่างโหดร้ายมา
ฉู่หลิวเยว่พูดด้วยท่าทางสงบนิ่ง ราวกับไม่ได้ใส่ใจอันใดทั้งนั้น
แต่เมื่อทุกคนได้ยิน พวกเขาก็คิดว่าซ่งชิงเหนียนช่างไม่รู้จักชั่วดีเลย
คาดไม่ถึงว่าเมื่อครู่นี้เขากำลังจะร้องเรียนฉู่หลิวเยว่อยู่ด้วย?
แม้ว่าทุกคนจะไม่ได้พูดอันใดออกไปอีก แต่ในใจเขากลับดูแคลนซ่งชิงเหนียนอยู่หลายส่วน
ที่นั่งของซ่งชิงเหนียนเหมือนมีหมุดแทงขึ้นมา นี่เป็นครั้งแรกที่เขาต้องรู้สึกอับอายขายขี้หน้าต่อหน้าคนมากมาย!
ถ้าเขาไม่กลัวว่าจะต้องเผชิญเรื่องอันตราย เขาจะรีบออกไปจากที่นี่ทันที!
หยางซิ่นเอ๋อร์ดึงแขนเสื้อของอีกฝ่ายเบาๆ และกระซิบ
ในตอนนั้นซ่งชิงเหนียนเพิ่งรู้สึกตัวว่าจับมือของนางเอาไว้อยู่ เขาจึงปล่อยอย่างช้าๆ
ข้อมือของหยางซิ่นเอ๋อร์เกือบจะหักแล้ว
นางก้มหน้าลงมองอย่างตื่นตระหนก และเมื่อเห็นว่ามีรอยเลือดตรงแขนเสื้อ
นางก็ตกใจแล้ว แล้วเอาแขนเสื้อปิดมันทันที
“เหมือนว่าฝีมือของฝ่ายตรงข้ามจะแข็งแกร่งกว่าเดิมแล้ว พวกเราต้องรีบไปถึงจะได้…”
เมื่อได้ยินถึงตรงนี้ สีหน้าของหยางซิ่นเอ๋อร์ก็กระตุกเล็กน้อย ทันใดนั้นก็พูดขึ้นมาอย่างลังเลว่า
“พวกเจ้ากำลังจะไปจัดการคนที่ควบคุมรากไม้หรือ? ข้าจำได้ว่าเมื่อครู่รากไม้มันมาจากทิศทางนั้น”
เมื่อพูดจบนางก็ชี้ไปอีกทางหนึ่ง
รอบข้างมืดสนิท จึงไม่รู้ว่านางกำลังชี้อันใด
เจียงอวี่เฉิงขมวดคิ้วขึ้น
“จริงหรือ?”
หยางซิ่นเอ๋อร์รีบพยักหน้า
ฉู่หลิวเยว่หรี่ตาลง ในตอนที่นางกำลังจะพูดขึ้น แต่กลับรู้สึกคันที่ใบหู
นางหันไปมองถวนจื่อ แต่กลับพบว่าถวนจื่อกำลังบินตรงไปด้านหน้า!
เป้าหมายคือ…หยางซิ่นเอ๋อร์!
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกประหลาดใจอย่างมาก ในตอนที่กำลังจะเรียกถวนจื่อกลับมา ถวนจื่อกลับบินผ่านศีรษะของนางโดยตรง!
หยางซิ่นเอ๋อร์กรีดร้องอย่างตกใจ สาวเท้าถอยหลัง หลังจากโดนปีกของถวนจื่อสะบัดใส่ไป นางก็ล้มตัวลง
“อย่าจับข้า!”
นางตะโกนออกมาด้วยความตื่นตระหนก จากนั้นนางก็รู้สึกปวดข้อมือขึ้นมา!
แคว๊ก!
แขนเสื้อถูกฉีกออกครึ่งหนึ่ง!
บาดแผลสีแดงสดที่น่าสะพรึ่งกลัวก็เปิดเผยต่อนหน้าทุกคน!
กลิ่นคาวเลือดเข้มข้นระเบิดออกมา!
และกลิ่นนั้นคล้ายกับกลิ่นรากไม้เหล่านั้นอย่างมาก!