ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 740 เจ้าเป็นใครกันแน่
ตอนที่ 740 เจ้าเป็นใครกันแน่
ในใจของหลิวเยว่เกิดคำถามขึ้นมา แต่ตอนนั้นเองก็มีประกายแสงปรากฏขึ้นตรงหน้านาง!
พื้นที่โดยรอบเริ่มบีบอัดเข้าหานาง!
สีหน้าของฉู่หลิวเยว่กระตุกเล็กน้อย ก่อนจะโคจรพลังภายใน!
เสี้ยววินาทีต่อมา ด้านหน้าของนางก็มีแสงสว่างขึ้น!
แทบจะในเวลาเดียวกันนั้นเอง ทันใดนั้นพรมแดนไวฑูรยะก็กลายเป็นลำแสงจำนวนมากมาย ก่อนจะเข้าไปในร่างของฉู่หลิวเยว่อย่างไร้เสียง!
ฉู่หลิวเยว่ตกใจอย่างมาก แต่กำลังจะก้มลงไปดูให้ละเอียดกลับพบว่าตัวนางถูกดึงออกจากพื้นที่คับแคบนั้นอย่างกะทันหันแล้ว!
ร่างกายของนางซวนเซ กว่าจะยืนตรงได้ก็ค่อนข้างลำบาก
ฉู่หลิวเยว่มองไปรอบๆ อย่างรวดเร็ว
บริเวณโดยรอบนั้นมีโคลนสีดำผุดขึ้นมาอย่างยากลำบาก กลิ่นคาวเลือดและกลิ่นเน่าทำให้นางหายใจอย่างลำบาก
ตอนนั้นนางยังสามารถเห็นศพจำนวนมากมายกองอยู่
ด้านบนนั้นมีรากไม้จำนวนนับไม่ถ้วนกำลังเต้นระบำอยู่ ขนาดแตกต่างกันไป แต่ทั้งหมดนั้นล้วนเป็นสีแดง
ใต้ฝ่าเท้ามีแท่นหินที่เย็นยะเยียบและแข็งอย่างมาก
แววตาของฉู่หลิวเยว่เปลี่ยนไปเล็กน้อย
ด้านล่างเต็มไปด้วยโคลน ทำให้แท่นหินนั้นดูเด่นขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด
ถ้าเดาไม่ผิดละก็ ที่นี่ก็น่าจะเป็น…
“เป็นเจ้าจริงๆ ด้วยสินะ”
เสียงเย็นๆ แฝงด้วยความประชดประชันดังขึ้นที่ด้านหลังของนาง!
เสียงนั้นคุ้นหูฉู่หลิวเยว่อย่างมาก
นางหันหลังกลับไป
มีผู้หญิงคนหนึ่งกำลังยืนอยู่ตรงข้ามกับนาง
รอบกายของนางมีม่านพลังสีดำจางๆ ปรากฏอยู่ ทำให้ใบหน้าและรูปร่างของนางดูพร่าเลือน
แต่ฉู่หลิวเยว่ก็สามารถมองออกไปได้ตั้งแต่ครั้งแรก คนผู้นั้นคือซั่งกวนหว่าน!
ข้างเท้าของนางมีของสิ่งหนึ่งวางเอาไว้อยู่
ฉู่หลิวเยว่เหลือบสายตามอง รูม่านตาก็หดเล็กลง
นั่นมันเกราะศักดิ์สิทธิ์ทองแดงของนาง!
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าซั่งกวนหว่านนั่นแหละที่เป็นคนเอามา
ใช่แล้ว ซั่งกวนหว่านยึดครองทุกอย่างที่นางเคยครอบครองไปทั้งหมด แล้วนางจะปล่อยเกราะศักดิ์สิทธิ์ทองแดงไปได้อย่างใด?
แต่เมื่อดูท่าทางตอนนี้ กลับน่าแปลกใจอย่างมาก
เกราะศักดิ์สิทธิ์ทองแดงล้ำค่าสุงสุด เกราะชิ้นนี้เป็นเกราะที่ยอดเยี่ยมที่สุด เกรงว่าจะไม่สามารถหาเกราะชิ้นไหนในราชวงศ์เทียนลิ่งเทียบเท่ามันได้อีกแล้ว
ถ้าพูดตามหลักการแล้ว ซั่งกวนหว่านควรจะต้องให้ความสำคัญกับของชิ้นนี้อย่างมากสิถึงจะถูก
แต่คาดไม่ถึงว่ามันกลับถูกวางไว้บนพื้นอย่างลวกๆ …และด้านข้างเหมือนว่าจะมีคราบเลือดเปรอะเปื้อนด้วย
ฉู่หลิวเยว่ถอนสายตาออกมาอย่างไร้เสียง แล้วมองไปทางซั่งกวนหว่าน
“ลอบสอดแนมอยู่ในความมืดสนุกมากหรือไม่?”
ซั่งกวนหว่านถามขึ้นอย่างประชดประชัน
ฉู่หลิวเยว่เลิกคิ้วขึ้น ดูเหมือนว่านางพอจะเดาได้แล้วว่า เรื่องก่อนหน้านี้เป็นฝีมือของซั่งกวนหว่าน
ฉู่หลิวเยว่ยกริมฝีปากขึ้นเล็กน้อย แล้วยิ้มออกมาจางๆ
“องค์หญิงสามกำลังเข้าใจผิดแล้ว ข้าไม่ได้ลอบสอดแนมเลย อีกทั้งข้ากำลังช่วยทุกคนตามหาท่านต่างหาก ก่อนหน้านี้ข้าเห็นเพียงผ่านๆ จึงไม่สามารถระบุตำแหน่งของท่านได้อย่างชัดเจน คิดไม่ถึงเลยว่าครั้งนี้จะได้เข้ามาที่นี่เลย ถ้าคุณชายใหญ่เจียงรู้เข้าว่าท่านอยู่ที่นี่ พวกเขาจะต้องดีใจมากอย่างแน่นอน”
สิ่งที่ฉู่หลิวเยว่พูดขึ้นมาเป็นสิ่งที่ไม่อยากฟังมากที่สุด และไม่มีทางเชื่อด้วย
“เจ้ากำลังข่มขู่ข้าหรือ?” สีหน้าของซั่งกวนหว่านเย็นชามากขึ้น
ถ้าเป็นเจียงอวี่เฉิงก็ช่างเถอะ แต่คนอื่นๆ ไม่มีทางได้รู้ว่านางอยู่ที่นี่ และยิ่งไม่มีทางได้รู้ว่านางทำอันใดลงไป!
“เหตุใดองค์หญิงสามถึงกล่าวเช่นนั้นเล่า? ข้าเป็นแค่คนธรรมดาๆ เท่านั้น จะไปข่มขู่ท่านได้อย่างใด?”
ขณะที่ฉู่หลิวเยว่พูด นางก็มองไปรอบๆ อย่างไม่ได้ตั้งใจ
“หลังจากที่ท่านหายตัวมา พวกเราก็เป็นห่วงกันมาก ด้วยเหตุนี้จึงบุกเข้ามาอย่างไม่ลังเล เกิดอันตรายน้อยใหญ่มากมาย มีศิษย์จากสำนักต่างๆ และทหารม้าทมิฬที่ถูกรากไม้เหล่านั้นรัดตายอย่างอนาถ…แต่ท่านกลับปลอดภัยดีไม่เป็นอันใด ช่างดีจริงๆ เลย”
ซั่งกวนหว่านจ้องฉู่หลิวเยว่ตาเขม็ง หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง นางก็หัวเราะเสียงเย็นขึ้นมา
ในพื้นที่ที่เงียบเหงาและเย็นยะเยือก เสียงหัวเราะนี้จึงดูเย็นชามากขึ้นเป็นพิเศษ
“ฉู่หลิวเยว่ เจ้าไม่จำเป็นต้องเสแสร้งต่อหน้าข้าแล้ว เจ้ามาได้อย่างใด เรื่องนี้เจ้าน่าจะรู้ดีกว่าใครๆ เลย หยางซิ่นเอ๋อร์ตายไปแล้ว เจ้าลองพูดเรื่องที่น่าสนใจพวกนั้นอีกทีสิ?”
เมื่อได้ยินดังนั้น สีหน้าของฉู่หลิวเยว่ก็นิ่งเรียบขึ้น
“ดูเหมือนว่าองค์หญิงสามจะยอมรับแล้วสินะว่าบาดแผลบนร่างกายและการตายของนาง ท่านล้วนมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย”
“นางสมควรต้องตายตั้งนานแล้ว ข้าแค่ยื้อเวลาให้นาง นี่นับว่าเป็นความโชคดีของนางแล้ว!”
เรื่องในตอนนี้ ซั่งกวนหว่านรู้ดีว่าฉู่หลิวเยว่น่าจะเดาได้หลายส่วนแล้ว
ดังนั้นนางจึงพาฉู่หลิวเยว่มาที่นี่โดยตรง เพื่อมาเปิดไพ่!
“เจ้าเอง…ก็เพิ่งทำพันธสัญญากับอสูรศักดิ์สิทธิ์ไปใช่หรือไม่?”
ซั่งกวนหว่านมองไปยังถวนจื่อที่เกาะอยู่บนไหล่ของฉู่หลิวเยว่ สายตาเต็มไปด้วยความอิจฉาระคนโกรธ
ถ้าไม่ใช่เพราะฉู่หลิวเยว่ สัตว์อสูรตัวนี้คงจะต้องมาเป็นของนางแล้ว!
“…ช่างน่าเสียดายจริงๆ…”
ซั่งกวนหว่านบ่นพึมพำเสียงเบา ใบหน้าฉาบไปด้วยจิตสังหารที่รุนแรง
น่าเสียดายที่อสูรศักดิ์สิทธิ์ตัวนี้ทำพันธสัญญาแล้ว และไม่มีทางยอมรับเจ้านายใหมได้เป็นครั้งที่สอง!
ดังนั้น…จึงต้องฆ่าให้ตกตายตามกันไปเท่านั้น!
เป็นเรื่องที่ยากมากกว่าอสูรศักดิ์สิทธิ์จะมาปรากฏบนโลกมนุษย์สักครั้ง สุดท้ายกลับไม่สามารถยึดมันมาเป็นเจ้าของได้ แต่กลับต้องเอาชีวิตของมันมาแทน…
ในใจซั่งกวนหว่านเคียดแค้นฉู่หลิวเยว่อย่างมาก และยิ่งมากขึ้นไปอีก
ถวนจื่อเองก็รู้สึกกระสับกระส่ายเล็กน้อย
ฉู่หลิวเยว่ลูบหัวของมันเบาๆ พร้อมปลอบมันในใจอยู่หลายประโยค
ตอนที่พบว่าหยางซิ่นเอ๋อร์อาจจะร่วมมือกับซั่งกวนหว่าน ในใจของนางก็นึกถึงสถานการณ์นี้ออกแล้ว
ในเมื่อซั่งกวนหว่านกล้าที่จะพูดจากำเริบเสิบสานแบบนี้ นั่นหมายความว่าซั่งกวนหว่านจะไม่ยอมปล่อยนางออกไปแน่นอน!
แต่…ถ้าซั่งกวนหว่านจะฆ่านาง…เกรงว่ามันจะง่ายขนาดนั้นน่ะสิ!
“ข้าจำได้ว่าเจ้ามีชีพจรตี้จิง อีกทั้ง…ระดับยังไม่ต่ำอีกด้วย?”
ซั่งกวนหว่านมองฉู่หลิวเยว่อย่างสำรวจ แววตามีประกายความโลภและตื่นเต้นอย่างปิดไม่มิด
ตอนนี้พลังของนางขาดอีกนิดเดียวเท่านั้น นางถึงจะสามารถฟื้นฟูเส้นชีพจรได้ดังเดิม!
ไม่แน่ว่า…ใช้แค่ฉู่หลิวเยว่อีกแค่คนเดียวก็น่าจะสำเร็จแล้ว!
ท้ายที่สุดแล้ว ความสามารถของฉู่หลิวเยว่ก็เหนือกว่าที่นางจินตนาการเอาไว้เสมอ กอปรกับที่นางมีอสูรศักดิ์สิทธิ์ด้วยอีกตัว…
ฉู่หลิวเยว่ แต่แววตาไม่มีรอยยิ้มแฝงอยู่เลย
“ดูเหมือนว่าองค์หญิงสามจะสนใจข้ามากเลยทีเดียว?”
ซั่งกวนหว่านเองก็ขี้เกียจจะเสแสร้งแล้ว
“ได้มารับใช้ข้า ถือว่าเป็นเกียรติของเจ้าแล้ว”
ซั่งกวนหว่านยืดตัวขึ้น แล้วสะบัดมือไปด้านหน้า!
ทันใดนั้นพลังสีฟ้าก็พุ่งเข้ามา! พุ่งตรงไปทางฉู่หลิวเยว่!
ในขณะเดียวกันก็มีรากไม้จำนวนนับไม่ถ้วน โผล่เข้ามาจากทุกทิศทุกทาง!
“พรึ่บ”
แสงบนร่างของถวนจื่อก็สว่างวาบ ชั่วพริบตาเดียวร่างจริงของมันก็ปรากฏขึ้น
ปีกขนาดใหญ่โบกสะบัด เปลวเพลิงสีแดงชาดพวยพุ่งออกมาอย่างต่อเนื่อง!
รากไม้ทั้งหมดจึงถูกปัดออกไปอย่างง่ายดาย อีกทั้งรากไม้ส่วนใหญ่ถูกย้อมด้วยเปลวเพลิง!
ในตอนนั้นเองเปลวเพลิงส่องประกายทั่วท้องฟ้า
ความมืดมิดรอบกายถูกขจัดไปทันที! แสงสว่างกระจ่างจ้าราวกับเวลากลางวัน!
ลมพายุพัดโกรกอย่างบ้าคลั่ง!
ซั่งกวนหว่านกำมือกรอด ในใจรู้สึกเคียดแค้นอย่างมาก
แม้ว่าจะมีม่านพลังขวางกั้นด้านหน้าของนาง แต่นางก็สามารถสัมผัสได้ถึงพลังที่น่าสะพรึงกลัว!
คาดไม่ถึงว่าพลังของอสูรศักดิ์สิทธิ์จะรุนแรงจนน่าตกใจขนาดนี้!
มิน่าล่ะฉู่หลิวเยว่ถึงได้ใจกล้าเช่นนี้!
มีกษายะหางวายุอยู่ นางไม่จำเป็นต้องลงมือเองด้วยซ้ำ!
เงาร่างขนาดใหญ่อยู่เหนือศีรษะของฉู่หลิวเยว่ และปกป้องนางไว้ใต้ปีกของมันด้วยความระมัดระวัง!
เปลวเพลิงรอบๆ สว่างจ้า สะท้อนเข้ากับใบหน้าและร่างกายของฉู่หลิวเยว่
ซั่งกวนหว่านกัดฟันแน่น พร้อมจ้องไปที่ฝ่ายตรงข้ามตาเขม็ง
สายตาของฉู่หลิวเยว่ราบเรียบ เมื่อเห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความเคียดแค้นระคนอิจฉาของซั่งกวนหว่าน นางก็ยิ้มออกมา
ทันใดนั้นหัวใจของซั่งกวนหว่านก็เต้นแรงมากขึ้น!
รอยยิ้มนั้น แววตานั้น สีหน้าแบบนั้น…
เหมือนกับวันนั้นในหอบรรพกษัตริย์อย่างมาก วันที่คนผู้นั้นถูกไฟคลอก!
ซั่งกวนหว่านถอยหลังไปครึ่งก้าว ใบหน้าหวาดกลัว
“เจ้า…เจ้าเป็นใครกันแน่?!”