ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 753 เมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์
ตอนที่ 753 เมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์
ใบหน้าอันสูงส่งและหาที่เปรียบมิได้ของหรงซิวแลดูสงบนิ่ง รอยยิ้มจางๆ ปรากฏบนมุมปากของเขา ราวกับกำลังพูดถึงเรื่องเล็กน้อยไร้แก่นสาร
แต่เสวี่ยเสวี่ยนั้นมองออกทันทีว่า ท่าทางแบบนี้…แสดงว่าสิ่งที่พูดมาเป็นเรื่องจริง!
“หงิงๆ…”
อารมณ์ที่ซับซ้อนมากมายส่องประกายในดวงตาของเสวี่ยเสวี่ย มันร้องครวญครางเสียงต่ำ
มันทำทีลุกขึ้นก่อนจะเดินออกไป แต่หลังจากเดินไปได้สองก้าว มันก็กลับมานอนลงแทบเท้าของหรงซิว
แน่นอนว่ามันมีความสุข เพราะความสัมพันธ์ของนางและเก้าจิ๋วนั้นลึกซึ้งและยาวนาน
แต่มันก็แอบรู้สึกใจหายเสมือนสูญเสียของสำคัญไป
เมื่อคิดว่าเก้าจิ๋วสามารถอยู่กับนางได้ทุกวันทุกคืน เสวี่ยเสวี่ยก็รู้สึกอิจฉามาก
หรงซิวเหลือบมองด้วยจากหางตา พอเห็นว่ามันดูหงอยลง เขาก็พูดอย่างใจเย็นว่า
“อีกอย่าง มันทะลวงผ่านจนได้กลายเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์แล้ว”
เสวี่ยเสวี่ยเงยหน้าขึ้นแล้วนอนลงอย่างเกียจคร้าน
อสูรศักดิ์สิทธิ์แล้วอย่างใด?
มันต่างจากเดิมตรงไหนกัน
หรงซิวยิ้ม ก่อนจะเสริมด้วยประโยคสุดท้าย
“ระดับสูงกว่าเจ้าด้วย”
“กรรร์!”
เสวี่ยเสวี่ยถูกคำพูดนั้นกระตุ้นอย่างแรง พลันมองหรงซิวอย่างไม่เชื่อ
แต่เมื่อเห็นสีหน้ายิ้มแย้มของหรงซิว เสวี่ยเสวี่ยก็เข้าใจในทันทีว่าสิ่งที่เขาพูดนั้นเป็นความจริง!
หัวใจของเสวี่ยเสวี่ยเจ็บปวดรวดร้าวอย่างยิ่ง มันหมุนตัวแล้วกระโจนออกนอกหน้าต่าง!
“กรรร์…”
ต้องฝึกฝน!
มันจะแพ้ไม่ได้!
เมื่อทหารรักษาการณ์ข้างนอกได้ยินเสียง ทุกคนก็มองไปบริเวณนั้นด้วยความประหลาดใจ
สัตว์อสูรขององค์ชายเป็นอันใดไป?
ร่างเงาของเสวี่ยเสวี่ยวูบไหว ก่อนจะหายไปจากสายตาของทุกคน
ส่วนเยี่ยนชิงที่เพิ่งเดินออกมาเห็นสถานการณ์นี้ ก็อดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นมองและส่ายหัวอย่างเห็นใจ
คงจะโดนเจ้านายของตนยั่วโมโหเข้าอีกแล้วสิท่า…
…
ณ ป่าหมอกมายา
ฉู่หลิวเยว่สวมชุดเกราะศักดิ์สิทธิ์ทองแดง ปิดกั้นความผันผวนรุนแรงรอบตัวนาง
แม้จะห่างหายไปนาน แต่ความรู้สึกคุ้นเคยนั้น กลับไม่เคยจางหาย
ในใจฉู่หลิวเยว่รู้สึกยินดีมาก แต่เรื่องความลึกลับของหรงซิวและพรมแดนไวฑูรยะนั้น นางไม่เคยรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้มาก่อนเลย
สุดท้ายก็ทำได้แต่กัดฟันอย่างจนใจ
ไว้คราวหน้า นางจักเค้นถามความจริงจากเขาให้ได้!
ทันใดนั้น เส้นแสงโดยรอบก็สั่นไหวราวกับคลื่นน้ำ
ฉู่หลิวเยว่ก้มหน้ามอง ก่อนจะเห็นอย่างคลุมเครือว่าแสงนั้นกำลังเล็ดลอดออกมาจากบางสิ่ง
แต่เพราะแสงที่รายล้อม ทำให้นางมองเห็นไม่ถนัด
ทว่ายิ่งเข้าใกล้ก็ยิ่งสัมผัสได้ถึงแรงกดดันมากขึ้น!
การเคลื่อนไหวของถวนจื่อค่อยๆ ช้าลง เห็นได้ชัดว่ามันถูกบีบให้จำยอมเพียงใด
และในที่สุด หนึ่งคนหนึ่งอสูรก็ล้มลง!
ฉู่หลิวเยว่กระโดดลงจากหลังของถวนจื่อ
ด้วยการปกป้องของเกราะศักดิ์สิทธิ์ทองแดง การบีบบังคับเหล่านี้จึงแทบจะไม่เป็นภัยคุกคามต่อนางเลย
แต่มันกลับทำให้การเคลื่อนไหวของนางคล่องตัวขึ้น
บนร่างกายของถวนจื่อมีบาดแผลประปราย แต่โชคดีที่บาดแผลเหล่านั้นล้วนเป็นบาดแผลตื้นๆ และพวกมันก็ได้เริ่มซ่อมแซมตัวเองแล้ว
พลังของสายเลือดศักดิ์สิทธิ์ในร่างกายนั้นแข็งแกร่งมาก และเมื่อพลังปราณของมันเพิ่มขึ้น พลังการฟื้นฟูของมันก็จะเพิ่มขึ้นตามระดับไปพร้อมๆ กัน
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกโล่งใจ จากนั้นก็หันมองไปรอบๆ
ดูเหมือนว่าสถานที่แห่งนี้จะเป็นเพียงถ้ำธรรมดาๆ ผนังถ้ำคือกำแพงหินหนา พื้นใต้เท้าเรียบและแข็ง ไม่ใช่บึงโคลนสีดำ
บริเวณตรงกลางมีก้อนหินยื่นออกมา
มันเป็นหินรูปร่างบิดเบี้ยวไม่สมส่วน และมีเพียงพื้นผิวข้างบนเท่านั้นที่ดูแบนเรียบ ราวกับเคยถูกบางสิ่งกดทับไว้
และข้างบนก็มี…ผลึก!?
ผลึกก้อนนั้นมีขนาดใหญ่ประมาณสองฝ่ามือของผู้ชายที่โตเต็มวัย หนาประมาณหนึ่งนิ้ว รูปร่างผิดปกติ และเต็มไปด้วยสีเขียวที่สุกสกาวและใสราวกับมรกต
ทว่าเนื่องจากรัศมีของเส้นแสงที่เล็ดลอดออกมามัน ล้วนพุ่งขึ้นไปข้างบน ทำให้สิ่งที่อยู่ในพื้นที่ต่ำกว่า ไม่ได้รับผลกระทบมากนัก
ฉู่หลิวเยว่จ้องมองผลึกนั่นอย่างละเอียด ก่อนจะเห็นร่องรอยของอักขระที่แตกหักเล็กน้อย
หรือนั่นจะเป็นเศษอักขระของผลึกที่ฉินอีเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้?
ขณะที่ฉู่หลิวเยว่กำลังคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ สายตาก็ดันเหลือบไปเห็นว่าอักขระนั่น ค่อยๆ ลอยขึ้นไปด้านบนช้าๆ
กลุ่มแสงบนผลึกกวัดแกว่งไปมา นุ่มนวลราวกับคลื่นน้ำ
ฉู่หลิวเยว่ก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว
ทันใดนั้น นางก็สัมผัสได้ถึงพลังปราณดั้งเดิมในกายที่กำลังไหลเวียน ราวพร้อมปะทุออกมาได้ทุกเมื่อ!
หัวใจของฉู่หลิวเยว่เต้นรัวไม่เป็นจังหวะ ก่อนจะตระหนักได้ว่าผลึกนี้กำลังดูดซับและกลืนกินพลังงานโดยรอบ!
แท้จริงแล้วการดูดกลืนอันน่ากลัวที่สัมผัสได้เมื่อครู่ มาจากเจ้าสิ่งที่อยู่ข้างบนนั่น!
นางกัดฟันแน่น แล้วเดินต่อไป!
ถวนจื่ออยากจะหยุดนาง แต่หลังจากคิดทบทวน มันก็เลือกที่จะเงียบ และทำเพียงเดินไปแล้วยื่นบางอย่างให้นาง
ฉู่หลิวเยว่หันศีรษะไปมอง และพบว่ามันคือโล่สีดำที่ก่อนหน้านี้นางชิงมันมาจากซั่งกวนหว่าน
ไม่สิ
จะพูดเช่นนั้นได้อย่างใด
ในเมื่อแท้จริงแล้วโล่สีดำนี่ เป็นทรัพย์สินของนางมาโดยตลอด!
ฉู่หลิวเยว่พุ่งตัวเข้าไปรับโล่สีดำ ร่องรอยของความคิดถึงปรากฏขึ้นบนใบหน้าของนาง
โล่สีดำนี้ผ่านอันใดมาโชกโชน
และนั่น ทำให้ตอนนี้ได้มาเจอพร้อมกันกับชุดเกราะศักดิ์สิทธิ์ทองแดง
ตอนแรกฉู่หลิวเยว่คิดว่าชุดเกราะและโล่เป็นของคู่กัน แต่ต่อมานางก็รู้ว่าไม่ใช่อย่างนั้น
ชุดเกราะศักดิ์สิทธิ์ทองแดงเลือกเจ้าของได้อย่างรวดเร็ว และนางเองก็ได้รู้ชื่อของชุดเกราะแล้วด้วย
ทว่าโล่สีดำนี้ ไม่ว่านางจะลองใช้วิธีใด ก็ไม่สามารถปลุกกระแสจิตของมันได้ และจวบจนวันนี้ แม้แต่ชื่อของมันนางก็ยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำ
แต่อย่างใดเสีย แม้ว่าจะยังไม่ได้อัดฉีดพลังปราณดั้งเดิมเข้าไป และยังไม่รู้จักเจ้าของ แต่พลังป้องกันของโล่ดำนี้ก็ยังแข็งแกร่งมาก
นั่นเป็นเหตุผลที่ฉู่หลิวเยว่พกมันไว้ติดตัวเสมอ และใช้มันเมื่อเผชิญสถานการณ์ที่อันตรายเท่านั้น
ผู้คนทั่วไปรู้เพียงว่าชุดเกราะศักดิ์สิทธิ์ทองแดงเป็นสมบัติที่หายาก และชุดเกราะนี้คือสิ่งที่ช่วยให้องค์หญิงใหญ่อยู่ยงคงกระพัน!
แต่กลับไม่รู้เลยว่าอิทธิฤทธิ์ของชุดเกราะนั้น ไม่ได้ครึ่งของโล่สีดำด้วยซ้ำ!
ความจริงแล้ว ฉู่หลิวเยว่แอบคิดเสมอว่าระดับของโล่สีดำ อาจจะแข็งแกร่งกว่าเกราะศักดิ์สิทธิ์ทองแดงเสียอีก
นั่นเพราะแม้นางจะทะลวงไปสู่จอมยุทธ์ระดับแปด แต่ก็ยังไม่อาจทำให้โล่สีดำนี้สั่นคลอนได้!
และถึงจะไร้ซึ่งความช่วยเหลือ อย่างใดพลังของเจ้าสิ่งนี้ก็มากกว่าเกราะศักดิ์สิทธิ์ทองแดงอยู่ดี
หากมันยอมรับนางเป็นเจ้าของแล้วล่ะก็…
อนุภาคของมันต้องแรงกล้ามากกว่านี้แน่!
ซั่งกวนหว่านคิดเพียงว่าโล่สีดำมีประโยชน์และไม่ได้จริงจังกับมัน
ก่อนหน้านี้ที่โล่สีดำถูกชิงกลับมา ถึงซั่งกวนหว่านจะโกรธมาก แต่นั่นเป็นเพราะสิ่งของของนางถูกขโมยไปเท่านั้น ไม่ใช่เพราะนางรู้สึกเจ็บใจที่เสียของรักไปแต่อย่างใด
หากหลังจากนี้ นางรู้ถึงพลังที่แท้จริงของโล่สีดำนี้…
นางคงเจ็บใจจนปวดตับไปหมดแน่ๆ!
ฉู่หลิวเยว่ถือโล่สีดำไว้ด้านหน้า แล้วเดินออกไป!
ด้วยระดับการป้องกันเช่นนี้ การดูดกลืนอันน่ากลัวจึงถูกปิดกั้น!
ฉู่หลิวเยว่ค่อยๆ เข้าใกล้ และในที่สุดก็หยุดฝีเท้าลงห่างจากผลึกนั่นห้าก้าว และตั้งใจมองสำรวจ
จากตรงนี้ สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าผลึกนั่นเป็นอย่างใด
พลันสายตาของฉู่หลิวเยว่ก็จำต้องหยุดชะงัก
ตรงกลางของผลึกมีบางสิ่งที่มีรูปร่างเป็นวงรีขนาดเท่าเล็บมืออยู่
ฉู่หลิวเยว่ขมวดคิ้วมองอย่างลังเล
มันเหมือน…เหมือนกับเมล็ดข้าว?
“หรือมันจะเป็นเมล็ดถู่หยวนศักดิ์สิทธิ์”
เสียงหนึ่งเอ่ยขึ้นด้วยความตกใจ
ฉู่หลิวเยว่เงยหน้าขึ้น
“องค์ไท่จู่ ท่านรู้จักเจ้าสิ่งนี้ด้วยหรือ? แล้วเมล็ดถู่หยวนศักดิ์สิทธิ์นั่นมันคืออันใดกัน?”
นางไม่เคยได้ยินชื่อของมันมาก่อนเลย
องค์ไท่จู่จ้องไปยังผลึกนั่น พร้อมสีหน้าไม่เชื่อที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าของเขา
ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาถึงตอบว่า
“ข้ารู้จักมัน นานมาแล้ว ข้าเคยเห็นมันครั้งหนึ่ง แต่ว่า…”
แต่ว่าในตอนนั้น เขาเห็นมันอยู่ในมือของมหาเซียนเทพผู้ยิ่งใหญ่น่ะสิ!