ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 760 ความลับของเจดีย์ฐานสี่เหลี่ยมสีดำ
ตอนที่ 760 ความลับของเจดีย์ฐานสี่เหลี่ยมสีดำ
เมื่อก่อนครั้นกล่าวถึงเรื่องราวเก่าๆ อารมณ์ของฉู่หลิวเยว่จะสงบนิ่งมาโดยตลอด
ถึงแม้ผู้คนเหล่านั้นหรือเรื่องราวเหล่านั้น จะทิ้งรอยแผลเป็นที่ลึกและเจ็บปวดที่สุดไว้ให้นางเหมือนดั่งใบมีดอันแหลมคมที่สุด
แต่มาถึงตอนนี้พอมาคิดดูแล้ว นางสามารถเผชิญกับมันได้อย่างไม่สะทกสะท้าน
น้ำเสียงนิ่งเรียบ สีหน้าเฉยเมยราวกับกำลังพูดถึงเรื่องของคนอื่น
แต่ครั้นองค์ไท่จู่เอ่ยประโยคนั้นออกมา ปลายจมูกของฉู่หลิวเยว่กลับเปลี่ยนเป็นฉุนเฉียวทันที กระบอกตากลมแดงก่ำ
ความทรงจำอันแสนเจ็บปวดเหล่านั้นของฉู่หลิวเยว่ ไม่สามารถทำให้นางหวั่นไหวได้เลยแม้แต่น้อย
นางคิดว่าหัวใจของตนนั้นแข็งแกร่งราวกับหินผาแล้วเสียอีก
แต่กลับไม่คิดว่าจะพ่ายแพ้ให้กับคำพูดขององค์ไท่จู่อย่างง่ายดาย
แม้ว่าองค์ไท่จู่จะไม่มีเลือดเนื้อ และฉู่หลิวเยว่ก็แทบไม่รู้สึกถึงการเคลื่อนไหวอันเบาหวิวของเขาเลย
แต่เพียงชั่วอึดใจนางก็ดูราวกับถูกปลอบประโลมด้วยบางสิ่ง เขื่อนสูงใหญ่ที่ก่อร่างในหัวใจของนางเปิดออก ปลดปล่อยอารมณ์ที่เก็บกดนับไม่ถ้วนพุ่งออกมาราวกับน้ำหลาก
ฉู่หลิวเยว่หลับตาลง ปล่อยให้หยดน้ำตาร้อนระอุร่วงไหลลงมาเงียบๆ
เพียงชั่วครู่เดียว นางก็เงยหน้าขึ้นและยิ้มให้กับองค์ไท่จู่
“เพียงคำพูดขององค์ไท่จู่ก็เพียงพอแล้วสำหรับฉู่หลิวเยว่”
องค์ไท่จู่มองหญิงสาวตรงหน้าด้วยความรักใคร่เอ็นดู
เมื่อครั้นเห็นฉู่หลิวเยว่ใช้หมัดหลิงเซียวขั้นที่สาม การคาดเดาที่นับไม่ถ้วนก็แวบเข้ามาในหัวของเขา
แต่ก็ไม่คิดว่าประสบการณ์ของนางจะหยาบและแปลกประหลาดเพียงนี้
เขาถอนหายใจยาวๆ พลันส่ายหัว ร่องรอยของความโกรธฉายชัดบนใบหน้าของเขา
“ไม่คิดว่าคนน่ารังเกียจเช่นนี้จะมาปรากฏตัวในตระกูลซั่งกวนของข้า…ซั่งกวนหว่าน ช่างไม่เหมาะกับชื่อนี้เสียจริง!”
ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้ใส่ใจซั่งกวนหว่านนัก เขาแค่รู้สึกว่าลูกหลานคนนี้ไม่เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กับผู้คนรอบข้าง และดูเหมือนจะเห็นแก่ตัวอีกต่างหาก ดังนั้นจึงไม่ได้รู้สึกชอบนางมากเท่าใด
แต่ก็ไม่คิดว่านางจะทำเรื่องร้ายกาจ อย่างการฆ่าครอบครัวตนเองอย่างเลือดเย็นและหลอกลวงเบื้องบนเช่นนี้!
เพื่อให้ได้ทุกอย่างที่ต้องการ นางเสียสติไปแล้วจริงๆ!
“หากราชวงศ์เทียนลิ่งตกอยู่ในมือนางจริงๆ …เกรงว่าผลที่ตามมาจะเป็นอันใดที่คิดไม่ถึงน่ะสิ!”
บางทีรากฐานนับพันปีของราชวงศ์เทียนลิ่ง อาจถูกทำลายลงด้วยน้ำมือของซั่งกวนหว่านก็เป็นได้!
ฉู่หลิวเยว่เอ่ยทีละคำ
“องค์ไท่จู่อย่ากังวลไปเลยเพคะ มีหลิวเยว่อยู่ทั้งคน นางจะไม่มีวันได้สมดั่งใจหวัง นางจะต้องชดใช้สำหรับทุกสิ่งที่นางทำลงไปในที่สุด!”
องค์ไท่จู่มองมายังฉู่หลิวเยว่ด้วยท่าทางโล่งใจ
“ยังดีที่ราชวงศ์ซั่งกวนของข้า นอกจากนางแล้ว ก็ยังมีลูกหลานที่ดีอย่างเจ้าอยู่ หลิวเยว่…”
ทันใดนั้นองค์ไท่จู่ก็คิดอันใดขึ้นมาได้ พลันหัวเราะก่อนจะเอ่ยว่า
“มิน่าเล่า ครั้งเมื่อข้าได้พบกับเจ้าคราแรก ก็รู้สึกสนิทสนมกับเจ้ามาก ที่แท้เราก็เป็นครอบครัวเดียวกันนี่เอง!”
ในตอนนั้น หลังจากที่เขาติดตามฉู่หลิวเยว่ออกมาจากอาณาเขตเซียนเทพของราชวงศ์เทียนลิ่ง เขาก็อยากรู้เรื่องทุกอย่างของราชวงศ์เทียนลิ่ง
เมื่อครั้งที่ฉู่หลิวเยว่ไปพบกับซั่งกวนหว่านที่พระราชวัง เขาเคยแอบตามสืบซั่งกวนหว่านมาก่อน
และผลที่ได้ก็คือความผิดหวังครั้งใหญ่
หากจะให้เปรียบกันแล้ว เขายังคงชอบฉู่หลิวเยว่มากกว่า และพร้อมจะอยู่เคียงข้างนางเสมอ แต่กับราชวงศ์เทียนลิ่งแล้ว เขากลับค่อยๆ หมดความสนใจลงเรื่อยๆ
หลังจากเรื่องราวดำเนินไป ปรากฏว่าฉู่หลิวเยว่มาจากตระกูลซั่งกวน!
ฉู่หลิวเยว่กะพริบตาปริบๆ
“องค์ไท่จู่ไม่ว่ากล่าวข้าก็ดีแล้ว! ท่านไม่รู้ ตอนที่ท่านให้คำมั่นว่าจะมอบกระบี่หลงหยวนแก่ข้า ข้าเกือบจะสารภาพผิดกับท่านไปเสียแล้ว แต่สถานการณ์ตอนนั้นเร่งด่วน และข้าก็ไม่อยากลากท่านเข้าไปเกี่ยวข้อง สุดท้ายเลยไม่ได้เอ่ยสิ่งใด…ท่านอย่าเคืองโกรธไปเลย”
องค์ไท่จู่สบถออกมาเบาๆ
“อย่างใดเจ้าก็คือลูกหลานของข้าซั่งกวนจิ้ง ฉะนั้นแล้วจะมีสิ่งใดที่เจ้าพูดไม่ได้อีกเล่า หากข้ารู้แต่แรกว่าซั่งกวนหว่านและเจียงอวี่เฉิงรังแกเจ้าถึงเพียงนี้ ข้าจะไม่ปล่อยพวกมันไปอย่างแน่นอน!”
เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย
“มารู้สึกผิดต่อเจ้าตอนนี้ก็สายไปเสียแล้ว แล้วยังจะให้ข้าว่ากล่าวเจ้าได้อย่างใด เจ้านี่นะ…”
หัวใจของฉู่หลิวเยว่รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาทันที
การที่มีคนยืนอยู่ข้างเดียวกัน เชื่อมั่นและสนับสนุนนางอย่างไม่มีเงื่อนไข อีกทั้งยังเต็มใจยืนหยัดเพื่อกัน…
มันช่างเป็นอันใดที่งดงามล้ำค่ายิ่งนัก
ซั่งกวนเยว่คนก่อนเคยสูญเสียทุกอย่าง เหลือแค่ท่านพ่อเพียงคนเดียวที่เป็นญาติสนิท
มากไปกว่านั้น เขายังถูกวางยาและตกอยู่ในสภาวะที่ไม่รู้สึกตัว จนถึงวันนี้ การที่นางจะได้พบหน้าเขาสักครั้งก็คงเป็นเรื่องยากนัก
แต่ ณ ตอนนี้ฉู่หลิวเยว่มีผู้ใหญ่ที่รักและเอ็นดูนาง เหล่ามิตรสหายที่นางไว้เนื้อเชื่อใจ…
นอกจากนี้ก็ยังมีหรงซิวที่ไม่ว่าอย่างใดนางก็จะเป็นที่สุดในหัวใจของเขาเสมอ
“คราแรก ข้าตั้งใจจะมอบกระบี่หลงหยวนให้เจ้า แต่มีเหตุผลสองประการ”
สีหน้าองค์ไท่จู่จริงจังขึ้น
ฉู่หลิวเยว่หยัดหลังของนางให้ตรงโดยไม่รู้ตัว
“ประการแรก ครั้นกระบี่หลงหยวนตื่นขึ้น มันได้เลือกให้เจ้าเป็นผู้ครองคนใหม่ แม้ว่ามันจะเป็นอาวุธดั้งเดิมที่ข้าทำการปรับแต่งแล้ว แต่มันก็มีปัญหาทางจิตวิญญาณของตัวมันเอง เจ้าควรจะรู้ว่าไม่กี่ปีมานี้มีคนจำนวนไม่น้อยของราชวงศ์เทียนลิ่ง เข้าสู่อาณาเขตเซียนเทพของราชวงศ์เทียนลิ่ง เพื่อต้องการอัญเชิญกระบี่หลงหยวน แต่ทุกสิ่งก็ต้องจบลง แต่เมื่อเจ้าปรากฏตัวขึ้น กระบี่หลงหยวนก็ตื่นขึ้นและตอบสนองอย่างรวดเร็ว”
“ไม่ใช่แค่ข้า แท้จริงแล้วมันเองก็รอเจ้ามาเนิ่นนานนับพันปี รอผู้ครองคนโปรดคนใหม่ และตอนนี้มันก็ได้เลือกเจ้าแล้ว ข้าคงจะคัดค้านไม่ได้แน่นอน”
ฉู่หลิวเยว่หรี่ตาลงเล็กน้อย ในที่สุดก็เอ่ยถามความสงสัยที่ติดค้างอยู่ในใจนาง
“แต่ถึงกระนั้น ท่านก็เป็นผู้ที่ทุ่มเทและพยายามอย่างอุตสาหะมานานนับไม่ถ้วน เพื่อฝึกฝนกระบี่หลงหยวน ท่านเองก็น่าจะอยากรักษามันให้กับราชวงศ์เทียนลิ่ง แต่ในตอนนั้นท่านไม่รู้ถึงตัวตนของข้า เหตุใดท่านจึงส่งมอบให้ข้าเสียดื้อๆ เล่า”
ฉู่หลิวเยว่เชื่อว่าหากองค์ไท่จู่ต้องการจะหยุดนางจริงๆ เขาสามาถทำได้อย่างแน่นอน
แต่เขาก็ไม่ได้ทำ ซ้ำยังมอบกระบี่หลงหยวนให้นางด้วยความเอื้ออารี
ข้อนี้ ไม่ว่าฉู่หลิวเยว่คิดสักเท่าใดก็คิดไม่ออก
หากเป็นสมบัติล้ำค่าชิ้นอื่น จะมอบให้กับบุคคลภายนอกก็คงไม่เป็นไร
แต่กระบี่หลงหยวนนี้เป็นสัญลักษณ์ตัวตนขององค์ไท่จู่ และยังเป็นประหนึ่งวัตถุศักดิ์สิทธิ์ของราชวงศ์เทียนลิ่ง!
ความสำคัญของมันย่อมไม่ธรรมดา!
การที่องค์ไท่จู่มอบให้นางเสียดื้อๆ จึงเป็นเรื่องที่เกินความคาดหมายของนางไปมากจริงๆ
“และนี่คือประการสองที่ข้าจะเอ่ยถึง”
องค์ไท่จู่หยุดลงชั่วครู่ก่อนจะมองไปที่ฉู่หลิวเยว่ด้วยสายตาที่ซับซ้อน
“เจ้าคงยังไม่รู้ว่าเจดีย์ฐานสี่เหลี่ยมสีดำในตัวของเจ้า…ดูเหมือนจะมีพลังสายเลือดของราชวงศ์เทียนลิ่ง!”