ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 786 การต่อสู้
ตอนที่ 786 การต่อสู้
ฉู่หลิวเยว่ใจเต้นรัวไม่เป็นจังหวะ!
นี่สินะ ขุมพลังที่แท้จริงของเมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์!
ช่างดูผยอง! โอหัง! และแข็งแกร่งยิ่งนัก!
แต่มิทันไร องค์ไท่จู่ก็โพล่งขึ้นมาทันที
“จงระวังตัว หลิวเยว่!”
แม้เมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์นี้จะยังไม่เติบโตเต็มที่ แต่ก็ไม่ควรประมาท!
หากดูจากความแข็งแกร่งของฉู่หลิวเยว่ในปัจจุบันแล้ว เกรงว่าการต่อกรกับมันอาจจะยังเป็นเรื่องที่ยากอยู่!
ทันใดนั้น องค์ไท่จู่ก็เคลื่อนตัวไปบังฉู่หลิวเยว่ไว้ทันทีโดยแทบไม่ต้องคิด!
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกอบอุ่นในใจ พลางเอ่ย
“องค์ไท่จู่ ท่านอย่าได้กังวลไปเลย ข้ารู้ดีว่ากำลังทำอันใดอยู่”
องค์ไท่จู่หันกลับไปมองด้วยความประหลาดใจ ก่อนจะเห็นฉู่หลิวเยว่ที่ค่อยๆ ลุกขึ้นยืน
นางตั้งจิตทำสมาธิ พลันมีชั้นแสงสีทองแผ่ขยายออกมาปกคลุมร่างของนาง!
และเพียงพริบตา แสงเหล่านั้นก็รวมตัวกันกลายเป็นชุดเกราะศักดิ์สิทธิ์ทองแดง!
มือซ้ายของนางกระชับโล่สีดำไว้มั่น พร้อมมือขวาที่หยิบกระบี่หลงหยวนออกมา!
ทั่วทั้งร่างเต็มไปด้วยกลิ่นอายจิตสังหารที่พร้อมฟาดฟัน!
“นะ นี่เจ้าจะสู้กับมันอย่างนั้นหรือ!?”
องค์ไท่จู่ร้องถามด้วยความตกใจจนเสียงหลง
ริมฝีปากแดงสวยของฉู่หลิวเยว่แย้มยิ้มซื้อใจเขา พลันกระตุกยิ้มมุมปาก
ดวงตากลมโตเสมือนหยกดำคู่นั้นทอแสงเป็นประกาย!
“ถ้าไม่ทำเช่นนั้น มันจะยอมปล่อยข้าไปหรือ?”
น้ำเสียงของฉู่หลิวเยว่นั้นอ่อนโยนราวกับสายลม แต่ทุกคำพูดกลับแฝงไปด้วยความตั้งมั่นในการต่อสู้!
โดนขังอยู่ในนี้มาเกือบปี ในที่สุดนางก็เข้าใจเจตนารมณ์ของเมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์แล้ว
เจ้าสิ่งนี้มีจิตวิญญาณของตัวเอง และอาจกล่าวได้ว่ามันคือจิตวิญญาณที่มีจิตสำนึก
นางสามารถใช้วิธีการต่างๆ เพื่อช่วงชิงพลังของมันได้ แต่ถ้าต้องการให้มันยอมจำนนอย่างแท้จริง นางจักต้องปราบมันให้สิ้นซาก!
ทั่วทั้งร่างของฉู่หลิวเยว่ ถูกห่อหุ้มไปด้วยพลังปราณที่กำลังพุ่งพล่าน!
และรอยแตกบนเมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์ ก็ยิ่งขยายใหญ่ขึ้น!
องค์ไท่จู่มองไปยังท่าทางที่แน่วแน่อย่างหาที่เปรียบไม่ได้ของฉู่หลิวเยว่ พลันจำต้องกลืนคำพูดที่เตรียมเอ่ยโน้มน้าวใจเหล่านั้นลงคอไปในทันที เขาพูดไม่ออก
ราวกับมีอันใดจุกอยู่ที่คอ
สุดท้าย เขาก็ทำเพียงพยักหน้ากลับไปเล็กน้อย
พลันเลื่อนสายตาไปจดจ้องที่กระบี่หลงหยวน
สิ่งที่เขาทำได้ในตอนนี้ มีเพียงคอยช่วยเสริมพลังให้นางเท่านั้น
หวีด!
กระบี่หลงหยวนแผดเสียงร้องลากยาว!
จิตใจของฉู่หลิวเยว่สั่นไหว ม่านน้ำที่อยู่ตรงหน้านางสลายไปในทันที พลันกลั่นตัวเป็นไข่มุกธาราแล้วหวนกลับสู่ร่างกายของนางอย่างรวดเร็ว
กำแพงที่ขวางกั้นระหว่างทั้งสองมลายหายไปแล้ว!
ถึงคราที่ฉู่หลิวเยว่และเมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์ได้เผชิญหน้ากันอย่างเป็นทางการ!
แกรก!
สิ้นเสียงแตกที่ดังชัดเจน พื้นผิวของผลึกก็เต็มไปด้วยรอยแตกร้าว!
ชิ้นส่วนที่แตกเหล่านั้นหลอมละลายเข้าไปในเมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์อย่างไวราวกับสายน้ำหลาก แล้วควบแน่นเป็นชั้นน้ำแข็งบางๆ
ผ่านไปครู่หนึ่ง เมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์สีเขียวเข้มขนาดประมาณข้อนิ้ว ก็เผยร่างออกมาให้ฉู่หลิวเยว่ได้เห็นมันเต็มสองตา!
ฉู่หลิวเยว่กระชับกระบี่หลงหยวนในมือแน่น แล้วตวัดมันขึ้นสูง!
พื้นที่รอบๆ เมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์เริ่มพลังทลายลงอย่างเงียบๆ!
“กระบี่หลงหยวน!”
ฟาดฟัน!
พลันเกิดแสงสว่างวาบราวคืนเดือนหงาย! ที่เต็มไปด้วยแสงดาวพร่างพราว!
…
ณ ทะเลสาบกระจก
หลังจากที่พวกของเจียงอวี่เฉิงเดินย้อนกลับมาตามทางเดิน พวกเขากลับมุ่งหน้ากลับไปยังบริเวณแผ่นศิลาสามเหลี่ยมสีเทา
ก่อนจะเลือกทิศทาง แล้วเดินหน้าไปยังทางแยกระหว่างทะเลสาบกระจกและป่าหมอกมายา
ตอนนี้เป็นเวลากลางวัน ที่มีแดดจัด และไร้ซึ่งก้อนเมฆ
ทะเลสาบกระจกนั้นดูเงียบสงบ ผืนน้ำใสสะท้อนภาพท้องฟ้าสีครามสวย รับกับแสงแดดที่กระทบลงมา จนเกิดประกายระยิบระยับ ภาพนั้นช่างงดงามเสียจนคนมองต่างหลงใหลกันถ้วนหน้า
และนอกจากนี้ ก็ไม่มีสิ่งผิดปกติอื่นใดเกิดขึ้น
ซ่งหลวนกระแนะกระแหนเสียงเบาอย่างอดไม่ได้
“ไม่เห็นว่าทะเลสาบกระจกนี่จะผิดปกติตรงไหนเลย เหตุใดผู้อาวุโสชิวซีถึงพลาดท่า…”
เจี่ยนชูเย่ยิ้มเยาะ
“ซ่งหลวน หากเจ้าใคร่รู้ถึงเพียงนั้น เจ้าก็ดำว่ายลงไปเลยสิ จักได้รู้คำตอบ?”
ซ่งหลวนหน้าบึ้งทันที
“ข้าก็แค่สงสัย ถึงได้ถามออกไปเช่นนั้น และต่อให้อยากลงมือเพียงใด ก็ต้องรอให้บัวระบำโผล่ออกมาเสียก่อน”
เจียงอวี่เฉิงเอ่ยต่อ
“บัวระบำอยู่ตรงนั้น พวกท่านมองไม่เห็นหรือ?”
เมื่อจบประโยค คนที่เหลือก็พากันเพ่งมองไปทางนั้นอย่างไว
ก่อนจะเห็นว่าบนผิวน้ำกว้างใหญ่นั้น ดูเหมือนจะมีดอกไม้ที่กำลังพลิ้วไหวไปตามสายลมอยู่หนึ่งดอก
แต่เพราะว่าพวกเขายืนอยู่ไกล จึงมองเห็นไม่ค่อยชัดเท่าที่ควร
เจี่ยนชูเย่เอ่ยทีเล่นทีจริง
“ซ่งหลวน บัวระบำอยู่ตรงหน้าเจ้าแล้ว เจ้าจะเปิดก่อนเลยหรือไม่?”
ซ่งหลวนสูดหายเข้าลึกๆ พักหนึ่ง
“จะให้ข้าเปิดก่อนก็ย่อมได้! มาถึงขนาดนี้แล้ว ยังจะต้องกลัวอันใดอีก!?”
น้ำเสียงของซ่งหลวนเต็มไปด้วยความร้อนรน ทว่าหลังจากพูดออกไปแล้ว เขากลับนึกเสียใจ
แต่อย่างใดเสีย เขาก็พูดออกไปแล้ว จะให้กลับคำก็คงจะดูไม่ดี จึงทำได้เพียงสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด แล้วก้าวเท้าไปด้านหน้า เพื่อเดินนำคนที่เหลือไป
เจี่ยนชูเย่ยิ้มเยาะ
ประเดี๋ยวถึงที่หมาย ซ่งหลวนจักต้องขี้ขลาดขึ้นมาแน่
ทว่าเดินไปได้ไม่นาน ฝีเท้าของซ่งหลวนก็เริ่มช้าลง
ยิ่งเขาเข้าใกล้บัวระบำมากเท่าไร เขาก็ยิ่งลังเลที่จะไปต่อมากเท่านั้น
เจี่ยนชูเย่ปรายตามองทะเลสาบด้านหน้า พลันส่งเสียง “จิ๊” ออกมา แล้วถามด้วยความสงสัย
“เหตุใดถึงมีก้อนน้ำแข็งลอยอยู่บนผิวทะเลสาบมากมายเพียงนี้? เมื่อก่อนตอนที่ข้ามาที่นี่ มันไม่มีอันใดเช่นนี้เลยนะ? ถ้าไม่ผิด ทะเลสาบกระจกแห่งนี้ไม่เคยมีฤดูหนาว ฉะนั้นมันก็ไม่ควรจะมีน้ำแข็ง…”
“ท่านพูดถูก เมื่อก่อนทะเลสาบกระจกเป็นเช่นนั้นจริงๆ ทว่าก้อนน้ำแข็งเหล่านี้ มันมีมาตั้งตอนที่พวกข้าเข้ามาคราก่อนแล้ว แต่ว่าตอนนั้นมันไม่เยอะแบบนี้”
เจียงอวี่เฉิงกวาดสายตามองไปรอบๆ ด้วยท่วงท่าที่สง่างาม
“พวกข้าเองก็ไม่รู้ว่ามันเกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่”
“ดูนั่นสิ ชั้นน้ำแข็งบนผิวน้ำเกือบจะขยายมาเชื่อมต่อถึงด้านนี้แล้ว!”
ซย่าโหวหรงชี้ไปข้างหน้าและพูดด้วยความประหลาดใจ
ระหว่างป่าหมอกมายาและทะเลสาบกระจกนั้นมีแนวสันเขื่อนยาวขวางกั้นอยู่ แต่แนวสันเขื่อนนั้นไม่ได้ถูกวางเป็นเส้นตรง
ดังนั้น สำหรับคนที่มองดูบัวระบำที่ลอยอยู่กลางทะเลสาบแล้ว หากมองจากบางตำแหน่งอาจจะรู้สึกใกล้ และอีกบางตำแหน่งอาจจะรู้สึกไกล
และใกล้ตำแหน่งของพวกเขา ก็เป็นจุดที่ขอบสันเขื่อนของทะเลสาบกระจกจมลงเล็กน้อย
ซึ่งบริเวณนั้นคือจุดที่ใกล้บัวระบำมากที่สุด
และในขณะเดียวกัน แผ่นน้ำแข็งที่ลอยอยู่บนพื้นผิวของทะเลสาบกระจกนั้น ก็ได้เชื่อมต่อกันจนกลายเป็นสะพานน้ำแข็ง ประหนึ่งเส้นทางที่เชื่อมสถานที่ทั้งสองแห่งเข้าด้วยกัน
แน่นอนว่าการใช้เส้นทางนั้นเข้าไป ย่อมเป็นวิธีที่ดูมีความหวังมากที่สุด ในการเข้าไปถอนบัวระบำได้อย่างปลอดภัย
เจี่ยนชูเย่เหลือบมองซ่งหลวนเล็กน้อย
“ซ่งหลวน เช่นนั้น… เจ้าเข้าไปก่อน?”
ซ่งหลวนอยากจะปฏิเสธ แต่สุดท้ายเขาก็กัดฟันแล้วตอบตกลง
กระบี่เล่มยาวสีม่วงทองพลันปรากฏขึ้นต่อหน้าเขา!
เขากระโดดขึ้นไปบนอากาศ แล้วพุ่งตัวออกไปพร้อมกระบี่เล่มนั้น!
บัวระบำเริ่มขยับไปมาเล็กน้อย
ก่อนที่ชั้นน้ำแข็งบางๆ จะค่อยๆ แผ่ขยายปกคลุมกลีบดอกโปร่งแสงเหล่านั้น