ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 787 สิ่งนั้นเป็นของฮูหยินข้า
ตอนที่ 787 สิ่งนั้นเป็นของฮูหยินข้า
ซ่งหลวนเหยียบกระบี่เล่มยาว พลันพุ่งตัวผ่านอากาศไปยังทะเลสาบเบื้องหน้า
ขณะก้มมองลงไป เขาก็เห็นแผ่นน้ำแข็งก้อนใหญ่ที่สะท้อนแสงแวววาวเย็นยะเยือก
จากมุมนี้ จะเห็นได้ว่าแผ่นน้ำแข็งนั่นมีศูนย์กลางอยู่ที่บัวระบำ และค่อยๆ แผ่ขยายออกไปด้านนอก
และยิ่งเข้าไปใกล้บัวระบำมากเท่าไร ชั้นน้ำแข็งก็ยิ่งก่อตัวหนาขึ้น
และแผ่ขยายออกไปไกลมากยิ่งขึ้น
ทว่าตรงจุดที่แนวสันเขื่อนทั้งสองมาบรรจบกันนั้น มีเพียงเศษน้ำแข็งลอยอยู่ไม่กี่ชิ้น
และสะพานที่สร้างจากน้ำแข็งนั้น ก็ไม่ได้เชื่อมระหว่างสองฝั่งเข้าด้วยกันแต่อย่างใด แต่เป็นเพราะระยะทางจากจุดที่พวกเขาอยู่ ไปถึงกลางทะเลสาบนั้นค่อนข้างสั้นกว่าจุดอื่น ทำให้แผ่นน้ำแข็งนั่นแผ่ขยายออกมาถึงพวกเขาเร็วกว่าฝั่งอื่น
ครั้นมองแวบแรก มันดูเหมือนมีสะพานน้ำแข็งปรากฏขึ้นจริงๆ
แต่ความเป็นจริงแล้ว พอเข้าใกล้ริมทะเลสาบ ก็ยังมีอีกเส้นทางหนึ่งที่ดูสั้นกว่าและไม่มีน้ำแข็งลอยอยู่เลยแม้แต่น้อย
ผืนน้ำประกายระยิบระยับ และสวยงามท่ามกลางความสงบเงียบ
ซ่งหลวนเดินไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง
อย่างใดก็ตาม ไม่ว่าสะพานน้ำแข็งนั่นจะเชื่อมต่ออย่างสมบูรณ์หรือไม่ เขาก็จะไม่ไปทางนั้นเด็ดขาด
อันที่จริงเขาไม่อยากเข้าไปใกล้เลยสักนิด
เขาได้ยินสิ่งที่เจียงอวี่เฉิงพูดเมื่อครู่ก่อนเต็มสองหู!
ใครจะรู้ว่าก้อนน้ำแข็งพวกนี้ปรากฏขึ้นมาได้อย่างใด?
และก็ไม่รู้ด้วยว่าข้างล่างนั้นมีอันตรายอันใดซ่อนอยู่!
เมื่อเป็นเช่นนั้น เขาจึงเลือกใช้กระบี่เล่มยาวบินข้ามทะเลสาบ ไปยังบัวระบำที่อยู่ตรงกลางน้ำแทน
พอเห็นว่าซ่งหลวนบินออกไปแล้ว เจียงอวี่เฉิงก็หันหน้ามามองคนที่เหลือ
“บัวระบำดอกนั้นมีอันใดแปลกๆ พวกเราต้องร่วมมือกัน ถึงจะมีโอกาสชนะได้”
ภาพของผู้อาวุโสชิวซีถูกลากลงไปใต้น้ำแข็ง ยังคงแจ่มชัดอยู่ในความทรงจำของเขา
เจียงอวี่เฉิงไม่กล้ารับประกันว่า ซ่งหลวนเพียงคนเดียวจะสามารถทำได้ดีกว่าผู้อาวุโสชิวซี
ซย่าโหวหรงพยักหน้า
“พูดมีเหตุผล หลายหัวย่อมดีกว่าหัวเดียว ถ้าบุกเข้าไปด้วยกัน ก็สามารถคอยคุ้มครองกันและกันได้”
ขณะพูด เขาก็ยกเท้าขึ้น แล้วทะยานไปข้างหน้า!
เจี่ยนชูเย่หันมองอวี้ฉือซง
ทั้งสองสบตากัน แล้วพุ่งตัวออกไปพร้อมกัน!
ซ่งหลวนได้ยินบทสนทนาของพวกเขาอย่างชัดเจน และอดไม่ได้ที่จะหันกลับไปมอง
พอเห็นว่าคนเหล่านี้กำลังไล่ตามเขามา ในที่สุดความกระวนกระวายในใจเขาก็บรรเทาลง
อย่างใดเสีย มีคนมาด้วยกันเยอะๆ ก็สบายใจกว่า
ส่วนเจียงอวี่เฉิงก็ตามมาปิดท้าย
ตอนแรกเขาไม่อยากทำเช่นนี้ เพราะเขาเคยเห็นกับตาตัวเองมาแล้วว่า ทะเลสาบกระจกแห่งนี้น่ากลัวเพียงใด
อีกทั้งร่างกายของเขาก็ยังไม่ได้ฟื้นตัวเต็มร้อย
มีบาดแผลหลายแห่งบนร่างกาย และไม่รู้ว่าเพราะอันใด ความเร็วในการฟื้นตัวถึงช้าลงกว่าเดิมมาก
หากเป็นเมื่อก่อน มันคงหายดีไปนานแล้ว และไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องสภาพร่างกายเลย
แต่ตอนนี้มันกลับผิดแปลกไปหมด ไม่รู้เลยว่าเป็นเพราะรากต้นไม้นั่นหรือเปล่า…
ทว่าผู้อาวุโสหลายคนพุ่งออกไปแล้ว ทำให้เขาไม่สามารถยืนมองอยู่ที่นี่เฉยๆ ได้
พวกเขาพุ่งเข้าไปทีละคน และในที่สุดก็ห้อมล้อมบัวระบำที่อยู่ตรงกลางไว้
ณ ยามนี้เป็นเวลาเที่ยงวัน ดวงอาทิตย์กำลังลอยขึ้นสูง แสงอาทิตย์ที่เจิดจ้าสะท้อนลงบนผิวของน้ำแข็ง จนเกิดแสงประกายระยิบระยับ
แต่พวกเขาไม่หลับตาแต่อย่างใด หนำซ้ำยังจ้องมองบัวระบำที่อยู่ตรงหน้าตาไม่กะพริบ
ดอกไม้ขนาดเท่าฝ่ามือนั้นมีกลีบทั้งหมดห้ากลีบ
แต่ละกลีบมีสีชมพูขาวโปร่งแสง ดูราวกับหยกที่ถูกแกะสลักอย่างประณีต
และบนกลีบยังมีชั้นน้ำแข็งบางๆ ซึ่งดูเย็นชาและสูงส่งมาก!
“นี่หรือบัวระบำ…”
ซ่งหลวนหลุดพึมพำอย่างห้ามไม่อยู่
วัตถุดิบชั้นยอดที่มีแต่ในตำนาน!
เรียกได้ว่าร้อยปีมีหนเดียวก็ได้!
เขาเลียริมฝีปากแตกแห้งของตัวเอง แววตาของเขาเต็มไปด้วยความโลภและความปรารถนา
เขากดปลายเท้า เตะกระบี่เล่มยาวให้พลิกขึ้น แล้วกระชับมันไว้ในมืออย่างมั่นคง!
ดูจากท่าทางแล้ว เขาวางแผนที่จะฟันมันให้ขาดเป็นแน่!
เจียงอวี่เฉิงร้องห้าม
“ช้าก่อน!”
ซ่งหลวนชะงัก
“อันใดหรือ?”
เจียงอวี่เฉิงมองกระบี่ในมือเขา พลันขมวดคิ้ว
“ตอนนั้นผู้อาวุโสชิวซีก็จะใช้กระบี่ ถึงได้ถูก…”
เวลานั้นพวกเขายืนอยู่ข้างนอกและเป็นเวลาใกล้ค่ำแล้ว ดังนั้นจึงมองเห็นไม่ชัดนัก
แต่เขาจำได้ดีว่าหลังจากผู้อาวุโสชิวซีชักกระบี่ออกมาหมายจะตัดมัน ก็ถูกลากลงไปใต้น้ำทันที
มันเกิดขึ้นเพียงชั่วพริบตา
หัวใจของซ่งหลวนเต้นไม่เป็นจังหวะ และเขารีบชักกระบี่ออกมาอย่างรวดเร็ว แล้วมองไปที่บัวระบำด้วยสีหน้าค่อนข้างหวาดกลัว
“เจ้านี้ช่างประหลาดอันใดเยี่ยงนี้? ถ้าใช้กระบี่ไม่ได้ แล้วจะนำมันกลับไปได้เยี่ยงไร? หรือต้องใช้มือเปล่าหรือ?”
นั่นมันอันตรายกว่าเดิมอีกไม่ใช่หรือไร?
เจียงอวี่เฉิงหันไปมองเจี่ยนชู่เย่และอวี้ฉือซง
“ท่านทั้งสองว่าเช่นไร?”
พวกเขาทั้งสองคนเป็นถึงเซียนหมอ ตามหลักแล้วน่าจะรู้เรื่องพวกนี้ดีกว่าเขา
อวี้ฉือซงเหลือบมองบัวระบำดอกนั้น พลางถอนหายใจเบาๆ
“ความจริงแล้วการจะเด็ดบัวระบำนั้น จะบอกว่าง่ายก็ง่าย จะบอกว่ายาก…ก็ยาก”
“ทุกๆ ห้าร้อยปี บัวระบำจะเบ่งบานเพียงครั้งเดียว และเมื่อบานแล้วมันจะคงอยู่แบบนั้นเป็นเวลาห้าปี แต่ถ้าไม่มีใครเด็ดมันภายในห้าปีนี้ มันก็จะกลับไปเป็นเมล็ดอีกครั้ง และรอจนกว่าห้าร้อยปีแห่งการจุติครั้งใหม่จะมาถึง เพราะฉะนั้น ในขณะที่มันยังอยู่ในช่วงเวลาเบ่งบาน ย่อมเป็นช่วงที่เหมาะที่สุดในการเด็ดถอน และสรรพคุณทางยาที่ได้ ก็จะดีที่สุดด้วย”
“ทว่าบัวระบำนั้นเป็นสมบัติหายาก และไม่เหมือนวัตถุดิบวิเศษชนิดอื่นๆ โดยปกติแล้วมันจะไม่มีสัตว์อสูรระดับสูงคอยเฝ้ารักษา เพราะพลังป้องกันและพลังโจมตีของตัวมันเองนั้นแข็งแกร่งมาก หากต้องการนำมันออกไปอย่างปลอดภัย ก็ต้องใช้เลือดสดๆ เป็นตัวเบิกทาง”
เจียงอวี่เฉิงขมวดคิ้วแน่น
“ใช้เลือดสดๆ หรือ? หมายความว่าอย่างใดกัน?”
“กลิ่นของเลือดสดจะทำให้บัวระบำหลับไปชั่วขณะ ตราบใดที่ตัวเปื้อนเลือด ก็จะสามารถลดอันตรายลงได้”
แต่จู่ๆ ซ่งหลวนก็แทรกขึ้นมาว่า
“ฟังดูไม่เห็นจะยากตรงไหน?”
เจี่ยนชูเย่ยิ้มเยาะ
“ก็ไม่ยากนะ แต่คนที่จะทำเรื่องนี้ได้อย่างน้อยต้องเป็นจอมยุทธ์ระดับแปดขึ้นไป ในเมื่อเจ้าว่าง่าย เช่นนั้นเจ้าก็ทำแล้วกัน?”
น้ำเสียงเยาะเย้ยนี้ทำให้ซ่งหลวนไม่พอใจมาก
อย่างใดเสียเขาก็เป็นถึงจอมยุทธ์ระดับแปดขั้นสูงเชียวนะ!
กับอิแค่เด็ดบัวระบำดอกกระจิ๋วนี้กลับไป มันจะยากจนแทบเป็นไปไม่ได้เลยหรือ?
“จะยากสักแค่ไหนเชียว!”
เขากัดฟันแล้วใช้กระบี่กรีดฝ่ามือของตัวเองเป็นเส้นยาว
โลหิตสีแดงฉานพุ่งออกมาทันที พลันย้อมทั้งฝ่ามือให้กลายเป็นสีชาด
ทันใดนั้น เขาก็สูดหายใจเข้าลึกๆ และยื่นมือออกไปข้างหน้า
บัวระบำพลิ้วไหวไปตามแรงลมอย่างแผ่วเบา ไร้ซึ่งความผิดปกติใดๆ
ซ่งหลวนรู้สึกโล่งใจเล็กน้อย ก่อนจะลอบมองบัวระบำตรงหน้า แล้วเตรียมคว้าสายบัวนั่น
แต่จู่ๆ ก็มีเสียงหวีดแหลมดังมาแต่ไกล!
หวีด!
เสียงร้องนั่นหวีดแหลม! ราวกับสายลมที่กำลังเกรี้ยวกราด!
มันพุ่งตรงไปยังหว่างคิ้วของซ่งหลวน!
ซ่งหลวนตกตะลึงพลันถอยออกไปทันที แล้วตวัดกระบี่ขึ้นมายั้งไว้!
ชิ้ง!
เกิดเสียงปะทะจากอาวุธแหลมคม!
ซ่งหลวนรู้สึกราวกับว่ามีบางอย่างกระแทกกระบี่ของเขาอย่างแรง พร้อมพลังอันยิ่งใหญ่ที่พุ่งเข้ามา!
แขนของเขาชาจากแรงกระแทก!
ซ่งหลวนเซถอยหลังไปสองเก้า ยากที่ประครองตัวไว้ได้
เขาเงยหน้าขึ้นมองด้วยความตกใจระคนโกรธ ก่อนจะเห็นก้อนน้ำแข็งขนาดเท่าฝ่ามือ แตกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย แล้วตกลงสู่ผิวน้ำของทะเลสาบ
เขามองลงไปและเห็นว่ามีน้ำแข็งชิ้นหนึ่งหายไปจากแผ่นน้ำแข็งด้านล่าง
ทุกคนล้วนตกใจกับฉากนี้
เขาสามารถหยุดการโจมตีของซ่งหลวนได้อย่างง่ายดายด้วยเศษน้ำแข็ง แถมยังดูได้เปรียบกว่าด้วย…
ชัดเจนว่าคู่ต่อสู้นั้นแข็งแกร่งอย่างมาก!
หัวใจของซ่งหลวนสั่นคลอน
“ใครกัน!”
ครู่หนึ่ง ความว่างเปล่าที่อยู่ไกลออกไป ก็เกิดรอยกระเพื่อม
พร้อมกับเงาสีดำรูปร่างโปร่งที่ค่อยๆ ก้าวเท้าออกมาจากห้วงมิติภายใน
เสียงของเขาทุ้มต่ำฟังดูเกียจคร้าน ราวกับสายลมอื้ออึงที่พัดผ่านสายพิณ แต่กลับแฝงไปด้วยความสูงส่งและเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร
“ขอประทานอภัยด้วย แต่นั่นคือดอกไม้ของฮูหยินข้า”