ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 788 เก็บไว้ให้ฮูหยิน
ตอนที่ 788 เก็บไว้ให้ฮูหยิน
ชายผู้มาใหม่นั้นสวมชุดคลุมสีดำ ไร้ซึ่งจี้หยกหรือเครื่องประดับใดๆ บนร่างกาย ผมยาวถูกปล่อยให้ทิ้งตัวตามแรงโน้มถ่วง และมีลมปราณอันเย็นเยือกหลั่งไหลไปทั่วร่างกายของเขา
บนใบหน้าของเขามีหน้ากากสีเงินครอบปิดอยู่
และเห็นเพียงนัยน์ตาสีเข้มวาววับ ราวราตรีประดับดาวคู่หนึ่ง อีกทั้งยังดูลึกซึ้งเสมือนวังน้ำวนที่มาพร้อมแรงดึงดูดมหาศาล
อย่างกับว่าถ้าได้จ้องมองนานๆ แล้ว มันสามารถทำให้คนมองดำดิ่งลึกจมลงไปได้โดยไม่รู้ตัว
เมื่อเห็นผู้มาใหม่ ซ่งหลวนและคนอื่นๆ ก็แอบตกใจ
ลมปราณบนกายของชายผู้นั้นมืดมนและแข็งแกร่งมาก แทบเรียกได้ว่าแข็งแกร่งพอๆ กับพวกเขาเลย!
ซ่งหลวนกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก
“จะ เจ้าเป็นใครกัน!?”
“ข้าเป็นใครนั้นไม่สำคัญ”
ชายคนนั้นตอบกลับช้าๆ พลางหัวเราะเสียงต่ำ
“ที่สำคัญคือ ดอกไม้นั่น พวกเจ้าเอาไปไม่ได้”
เจ้านี่ต้องการบัวระบำอย่างนั้นหรือ!?
พวกของเจียงอวี่เฉิงมองหน้ากันด้วยความตกตะลึง
ซ่งหลวนขมวดคิ้วและโต้กลับอย่างเหลืออด
“ใครมาก่อนได้ก่อน! ในเมื่อพวกข้ามาก่อนเจ้า ฉะนั้นบัวระบำดอกนี้ต้องเป็นของพวกข้า! ถึงเจ้าจะแข็งแกร่ง แต่เจ้าก็ต้องทำตามหลักพื้นฐานของมนุษย์มิใช่หรือ?”
เขาพูดประโยคนั้นด้วยน้ำเสียงที่พยายามยับยั้งชั่งใจ
หากเป็นคนอื่น ซ่งหลวนคงพุ่งไปจัดการตั้งนานแล้ว
ทว่าความแข็งแกร่งของชายชุดดำนั้นเป็นสิ่งที่พวกเขาไม่อาจหยั่งรู้ได้ จึงไม่กล้าทำตัวกร้าวร้าว และเลือกใช้หลัก “เหตุผล” เข้าสู้แทน
“แปลกยิ่งนัก บัวระบำยังคงเบ่งบานอยู่กลางทะเลสาบแห่งนี้ แล้วมันจักเป็นของพวกเจ้าได้อย่างใด? และถ้ายึดหลักใครมาก่อนได้ก่อน เช่นนั้นในบรรดาพวกเจ้า ใครเห็นบัวระบำเป็นคนแรกหรือ?”
ชายคนนั้นไม่โกรธหรือรำคาญ แต่กลับหัวเราะราวกับได้ยินเรื่องตลก
ใบหน้าของซ่งหลวนเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ เขารู้สึกอับอายชั่วขณะ
เขารู้ด้วยว่าสิ่งที่ตัวเองพูดเมื่อครู่ นั้นฟังดูไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย
พวกเขามาถึงทะเลสาบกระจกก่อนก็จริง แต่ความจริงแล้วพวกเขายังไม่เด็ดมันขึ้นมาเลย และแม้แต่จะสัมผัสมันยังทำไม่ได้ด้วยซ้ำ
แค่ปากไวพูดออกไปว่าบัวระบำเป็นของเขา ก็ฟังดูไร้สาระแล้ว
ซ่งหลวนต้องการพูดมากกว่านี้ แต่เจียงอวี่เฉิงหยุดเขาไว้เสียก่อน
เจียงอวี่เฉิงก้าวไปด้านหน้า พลางยกมือขึ้นกุมแสดงความเคารพ แล้วเอ่ยถามอย่างสุภาพ
“ข้าน้อยมีนามว่าเจียงอวี่เฉิง และอยากจะขอเรียนถามว่าท่านคือ…”
ชื่อเสียงเรียงนามของเจียงอวี่เฉิงนั้นเป็นที่รู้จักกันทั่วทั้งราชวงศ์เทียนลิ่ง
ซึ่งสถานะดั่งเดิมของเขาอย่าง คุณชายใหญ่แห่งตระกูลเจียงนั้น ไม่ใช่สิ่งที่ควรค่าแก่การพูดถึงเท่าไร
แต่เนื่องจากครั้งหนึ่งเขาเคยเป็นคู่หมั้นขององค์หญิงใหญ่ สถานะของเขาจึงถูกเลื่อนขึ้นขึ้นมาอย่างรวดเร็ว และชื่อเสียงของเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก
เจียงอวี่เฉิงแนะนำตัวเองอย่างดี อีกนัยหนึ่งก็เพื่อหวังรู้ชื่อเสียงเสียงนามของอีกฝ่าย แต่ในทางกลับกัน การบอกชื่อจริงก็เป็นอุปสรรคในการสานสัมพันธ์อย่างหนึ่งด้วย
แต่ถ้าอีกฝ่ายตงิดใจ เขาก็จำต้องถอยออกมาก่อนเกิดปัญญา
เปลือกตาของชายชุดดำขยับขึ้นเล็กน้อย มีแสงแวววาวทอประกายมาจากส่วนลึกในดวงตาของเขา พลางตอบกลับเสียงเรียบ
“เจ้ายังไม่มีคุณสมบัติพอ ที่จะรู้ว่าข้าเป็นใคร”
เขาพูดประโยคนั้นออกมาเบาๆ มันเบามาก แต่กลับแฝงไว้ด้วยความทะนงตน เสียจนไม่มีผู้ใดกล้าล่วงเกิน!
เจียงอวี่เฉิงตกตะลึง พลันรู้สึกปวดแสบปวดร้อนที่ใบหน้า ราวกับถูกตบหน้าอย่างแรงถึงสองครั้งสองครา
ไม่เคยมีใครกล้าพูดกับเขาแบบนี้มาก่อน!
แต่ชายผู้นี้กลับดูแคลนเขา ราวกับราชาผู้สูงศักดิ์กับมดตัวน้อยๆ ด้อยค่า
สีหน้าของเขาบิดเบี้ยวไม่น่าดู พลันเอ่ยเสียงเย็นชา
“มันไม่ฟังดูอุกอาจเกินไปหน่อยหรือ ท่าน?”
ถึงฝ่ายนั้นจะแข็งแกร่งเพียงใด แต่จะมาทำตัวยโสโอหังไม่เห็นหัวผู้อื่นเช่นนี้ไม่ได้!
แถมทะเลสาบกระจกแห่งนี้เอง ก็ถือเป็นสิทธิ์ในครอบครองบนแผ่นดินของราชวงศ์เทียนลิ่งด้วย!
เจียงอวี่เฉิงพยายามระงับความโกรธในใจ แล้วครุ่นคิดว่า มีคนประเภทนี้อยู่ในราชวงศ์เทียนลิ่งตั้งแต่เมื่อใดกัน
แต่พอคิดอยู่พักหนึ่งก็ยังไม่ได้คำตอบ
เพราะชายชุดดำคนนี้ คงไม่ใช่คนที่ควรค่าแก่การจดจำ สำหรับคนชั้นสูงอย่างเขาแน่นอน!
เป็นไปได้หรือไม่ว่า…อีกฝ่ายอาจเป็นพวกหลบหนีคดี หรือไม่ก็ อาจจะไม่ใช่คนของราชวงศ์เทียนลิ่งตั้งแต่แรกแล้ว?
“บัวระบำดอกนี้เติบโตในทะเลสาบกระจก และมีแต่ผู้ที่แข็งแกร่งเท่านั้นที่จะเอามันไปได้! หากท่านต้องการ ก็มาชิงมันไปเสียสิ!”
เจียงอวี่เฉิงขึ้นเสียงอย่างโกรธเคือง
พวกเขามากันห้าคน ส่วนฝ่ายนั้นมาคนเดียว
ไม่ว่าจะเก่งกาจเพียงใด แต่การเอาชนะคนห้าคนด้วยตัวคนเดียวนั้น มันออกจะเพ้อเจ้อไปหน่อย!
ชายชุดดำถอนหายใจเบาๆ
“ฮูหยินสั่งไม่ให้ข้าทำอันใดหุนหันพลันแล่น”
เจียงอวี่เฉิงแอบยิ้มเยาะในใจ
ชายผู้นี้แท้จริงแล้วกลัวตาย แต่ก็ยังวางท่าพูดจาอวดดี
“หากท่านเปลี่ยนใจก็จงก้าวออกไปเสีย และเพื่อเห็นแก่บัวระบำดอกนี้ พวกข้าจะทำเป็นไม่สนใจเจ้าแล้วกัน”
ถ้าเป็นไปได้ เจียงอวี่เฉิงก็อยากจะกำจัดอีกฝ่ายให้เร็วที่สุด และไม่อยากพาตัวเองเข้าไปพัวพันกับปัญหาใดๆ อีก
ชายชุดดำหัวเราะเสียงต่ำ แล้วพูดช้าๆ ว่า
“ก่อนหน้านี้ข้าก็บอกแล้วว่า ดอกไม้นั่นเป็นของฮูหยินข้า เจ้าน่ะ…หูหนวกหรือไร?”
เสียงของเขาเย็นชาขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งจบคำสุดท้าย จิตสังหารอันแรงกล้าก็พวยพุ่งออกมาจากร่างของเขา!
ทันทีที่สิ้นเสียง เขาก็ยกมือขึ้น
มือเรียวยาวนั่นขาวผ่องและมองเห็นข้อต่อกระดูกนิ้วมือได้ชัดเจน
มองแวบแรก มันดูราวกับหยกขาวเย็นๆ ที่ถูกแกะสลักอย่างประณีต
ทว่าทันใดนั้น นิ้วชี้ของเขาก็เคลื่อนไปข้างหน้าเล็กน้อย
ฟิ้ว!
พลังปราณสีดำพุ่งออกไปราวกับลูกศรที่แหลมคม!
เกิดเสียงหวีดหวิวดังสนั่นกลางอากาศ!
ตามมาด้วยแรงบีบอัดที่ทรงพลัง!
จนคนมองรู้สึกใจหายใจคว่ำกันถ้วนหน้า!
เจียงอวี่เฉิงเบิกตากว้าง ม่านตาของเขาหดลง!
ขณะนี้เขาถูกไอสังหารห้อมล้อมไว้เรียบร้อยแล้ว!
เขาถอยกลับทันทีโดยไม่คิด และพยายามใช้ความเร็วที่เร็วที่สุด หลบหนีออกไป!
แต่พอลองขยับตัว กลับพบว่าเขาไม่สามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้…เขาถูกอีกฝ่ายควบคุมไว้อย่างสมบูรณ์!
แม้จะพูดว่าเขาเป็นถึงจอมยุทธ์ระดับเจ็ด แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าชายคนนี้ แม้แต่หนีเขายังทำไม่ได้เลย!
เมื่อถึงตอนนี้ เจียงอวี่เฉิงถึงได้เข้าใจอย่างถ่องแท้ว่า ความแข็งแกร่งของคู่ต่อสู้นั้นแข็งแกร่งกว่าที่พวกเขาคิดไว้ตอนแรกเสียอีก!
และเพียงพริบตา ลำแสงสีดำนั้นก็พุ่งมาตรงหน้าเขาแล้ว!
ฉึก!
พลังปราณดั้งเดิมทะลุผ่านหน้าอกของเจียงอวี่เฉิง!
เศษเนื้อและเลือดสาดกระเซ็นออกมาทันที!
เสื้อที่หน้าอกของเขาถูกย้อมเป็นสีแดงอย่างรวดเร็ว!
เจียงอวี่เฉิงรู้สึกหนาวเย็นทรวงอก และหลังจากหยุดชั่วครู่ ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงก็ถาโถมเข้าใส่เขา!
ชายในชุดดำดูเสียดายเล็กน้อย
“น่าเสียดาย… ที่ทำได้แค่นี้…”
ใจจริงเขาอยากจะฆ่าเจียงอวี่เฉิง แต่ในเมื่อฮูหยินของเขายังไม่ได้ลงมือ ฉะนั้นเขาจึงต้องปล่อยให้อีกฝ่ายมีชีวิตรอดไปก่อน
“องค์ชายใหญ่!”
เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้ ซ่งหลวนและซย่าโหวหรงต่างก็ผงะไปครู่หนึ่ง ก่อนจะรีบพุ่งเข้าไป
“องค์ชายใหญ่ เจ้าเป็นเช่นไรบ้าง?”
เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นเร็วมาก ยามที่ชายผู้นั้นลงมือ พวกเขาไม่ทันได้ตอบสนองเลยด้วยซ้ำ
และกว่าจะรู้ตัว เจียงอวี่เฉิงก็โดนเล่นงานเสียแล้ว
เจียงอวี่เฉิงยกมือกุมหน้าอกไว้ พร้อมกับเลือดอุ่นๆ ที่ไหลออกมาเป็นระลอก
เขารีบหยิบยาเม็ดออกมากินอย่างไว
ทว่าไม่รู้เพราะอันใด จู่ๆ เขาก็รู้สึกปวดแสบปวดร้อนเล็กน้อยบริเวณช่องท้องส่วนล่าง
แต่ยามนี้ หน้าอกของเขาถูกเจาะเป็นรูและมีเลือดไหลออกมา ดังนั้นเขาจึงแทบไม่สนใจอาการแสบร้อนนั่นเลย
“เจ้า…เจ้า…”
เขาอ้าปากราวต้องการจะพูดอันใดบางอย่าง แต่เมื่อเขาเห็นชายในชุดดำที่อยู่ตรงหน้าแล้ว ก็ถึงกลับพูดไม่ออกราวจุกอยู่ในลำคอ
แววตาคู่นั้น…
ทั้งเฉยเมย เย็นชา และหยิ่งยโส!
พลันความกลัวก็ค่อยๆ ปรากฏขึ้นในก้นบึ้งของจิตใจเขา!
ก่อนจะมีแสงสีขาวสว่างวาบขึ้นในหัวของเจียงอวี่เฉิง เขามองอีกฝ่ายอย่างสยดสยอง
“จะ เจ้าคือ หอร้อยโอสถ…”