ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 793 ตกอกตกใจ
ตอนที่ 793 ตกอกตกใจ
“เมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์นี่มีร่างแฝด!”
องค์ไท่จู่เปล่งเสียงร้องออกมาด้วยความตกใจและโกรธเคือง!
ฉู่หลิวเยว่ขมวดคิ้วแน่น!
ร่างแฝดหรือ!?
หมายความว่าสถานที่แห่งนี้มีเมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์อยู่สองชิ้นหรือ!?
นางหันศีรษะไปมองทันที และพบว่าเมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์ที่เคยต่อสู้ด้วยก่อนหน้านี้ ยังคงลอยอยู่กลางอากาศ!
มันไม่ใช่ภาพลวงตาใช่หรือไม่!
มีเมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์ประกบหน้าหลังของนางอยู่จริงๆ!
ฉู่หลิวเยว่ตกตะลึง
แม้ว่านางจะเตรียมตัวรับมือกับเมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์มาอย่างดี แต่ก็ไม่เคยคิดเลยว่าแท้จริงแล้วมันจะมีร่างแฝด!
แค่ร่างเดียวก็หนักหนาสากันอยู่แล้ว และนี่สองร่าง!?
ทว่าขณะที่ฉู่หลิวเยว่กำลังตกตะลึงและงุนงง เมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองก็บินเข้าใส่นางพร้อมกัน!
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกเหมือนอวัยวะภายในถูกบีบรัดอย่างแรง เสมือนมันจะระเบิดออกมาจากอกได้ทุกนาที!
นางกัดฟันกรอด พร้อมความคิดนับไม่ถ้วนที่แล่นเข้ามาในสมอง
ต้องรีบหนี…หนีให้ไว!
หากโดนเมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์พุ่งเข้าใส่เต็มๆ ผลที่ตามมาจักต้องเลวร้ายเป็นแน่!
แต่โล่สีดำของนางป้องกันได้เพียงทางเดียว เช่นนั้นอีกทางเล่า!?
เกราะศักดิ์สิทธิ์ทองแดงเองก็แตกแล้ว! นางสู้ไม่ไหวแน่นอน!
แควก!
พลันมีเสียงของปักษาดังขึ้นในทันที!
ฉู่หลิวเยว่เห็นเพียงเงาสีแดงที่พุ่งเข้ามา และถวนจื่อก็หยุดอยู่ข้างหน้านางแล้ว!
“ถวนจื่อ!”
ฉู่หลิวเยว่กรีดร้องอย่างตกใจ
แม้แต่ชุดเกราะศักดิ์สิทธิ์ทองแดงก็ยังไม่สามารถหยุดพลังของเมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์ได้เลย นับประสาอันใดกับร่างเนื้อเปลือยเปล่าไร้โล่กำบังอย่างถวนจื่อ?
ถึงจะเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่ไหวหรอก!
ถวนจื่อกระพือปีกทั้งสองข้าง!
เปลวเพลิงสีแดงพวยพุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว และควบแน่นกลายเป็นกำบังขนาดใหญ่ที่อยู่ข้างหน้ามันอย่างรวดเร็ว!
เมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว!
ฟิ้ว!
พลันทะลุม่านนั้นมาได้อย่างง่ายดาย!
ตู้ม!
ภายในค่ายกลเกิดเสียงกระแทกดังสนั่น!
ฉู่หลิวเยว่ถูกถวนจื่อที่อยู่ด้านหน้าบดบังสายตาของนางไว้เสียมิด จนมองไม่เห็นอันใด
แต่นางได้ยินเสียงนั่นเต็มสองหู
“ถวน…”
หัวใจของฉู่หลิวเยว่แทบหยุดเต้น นางร้องเรียกหาถวนจื่อทันที
เพียงแค่นางเรียกถวนจื่อกลับเข้าไปในร่างของตัวเอง ก็สามารถหลีกเลี่ยงการประทะครั้งนี้ได้แล้ว!
แต่ถวนจื่อกลับไม่ขยับ และยังยืนหยัดอยู่ข้างหน้านางอย่างมั่นคง!
ถึงพวกนางจะทำสัญญากันแล้ว แต่ตามหลักนั้นไม่ว่าถวนจื่อจะทำการใด ต้องได้รับการอนุญาตจากนางก่อน
ซึ่งถ้าฉู่หลิวเยว่ต้องการให้มันกลับ มันก็ไม่สามารถขัดขืนคำสั่งนั้นได้
แต่เพราะว่าตอนนี้ถวนจื่อกลายเป็นอสูรศักดิ์สิทธ์แล้ว ดังนั้นเมื่อสถานะของมันสูงขึ้น มันจึงมีสิทธิ์ตัดสินใจด้วยตัวเอง
และเพราะแบบนี้ มันถึงยังยืดหยัดอยู่ตรงหน้าฉู่หลิวเยว่ต่อไป
แน่นอนว่า เนื่องจากเรื่องทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเร็วเกินคาด จนไม่มีผู้ใดตอบโต้ได้ทัน!
ฉึก!
มีเสียงของบางอย่างที่กำลังเสียดแทงเลือดเนื้อดังขึ้น
เกิดความกลัดกลุ้มขึ้นในใจฉับพลัน!
หัวใจของฉู่หลิวเยว่จมดิ่งลงในทันใด!
นางเงยหน้าขึ้นทันที ก่อนจะเห็นรูเลือดขนาดเท่ากำปั้นเจาะเข้าทางปีกซ้ายของถวนจื่อ!
เมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์มีขนาดเล็กมาก ขนาดไม่เกินข้อนิ้วของมนุษย์ที่โตเต็มไว ปลายทั้งสองด้านของมันเรียวแหลมและนูนเล็กน้อยตรงกลางเหมือนกระสวยขนาดเล็ก
พูดได้ว่าบาดแผลที่เจ้าสิ่งนี้ฝากไว้นั้นไม่ใหญ่มาก
แต่ความจริงแล้ว เนื่องจากลมปราณที่กระจายอยู่รอบๆ ตัวมันแข็งแกร่งเกินไป ดังนั้นพอมันพุ่งทะลุผ่านบางสิ่ง ก็จะทำให้เกิดรูเจาะอันน่ากลัวเพราะอนุภาคที่รุนแรงนั่น
และนี่คือสภาพของถวนจื่อในเวลานี้
เศษเนื้อและเลือดกระเซ็นไปทั่ว!
เลือดอุ่นๆ สองสามหยดกระเด็นใส่ใบหน้าของฉู่หลิวเยว่
แต่ก่อนที่นางจะทันได้โต้ตอบ สายตาก็เหลือบไปเห็นเมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์บินมาทางตน!
ดวงตาของฉู่หลิวเยว่เปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ!
…
เขาเป็นคนเปลี่ยนร่างของนาง อย่างนั้นหรือ?
เมื่อได้ยินเช่นนั้น หรงซิวก็ถึงกับทำอันใดไม่ถูกไปชั่วขณะ
ความเงียบปกคลุมไปทั่วพื้นที่ และได้ยินเพียงเสียงของเม็ดทรายที่เคลื่อนไหวไปมา
อัสดงทอแสงเจิดจ้าร้อนระอุ ไร้ซึ่งสายลมพัดผ่านให้พอชื่นใจ
อากาศรอบข้างดูเหนียวเหนอะ ร้อนผ่าวและแผดเผา จนหายใจลำบาก
ความจริงแล้วหรงซิวหยุดชั่วขณะหนึ่งเท่านั้น แต่สำหรับคนเหล่านี้ ดูเหมือนว่าเวลาจะผ่านไปนานอย่างหาที่เปรียบมิได้
ริมฝีปากบางของหรงซิวแยกออกเล็กน้อย และเขากำลังจะพูดอันใดบางอย่าง แต่จู่ๆ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป!
ทันใดนั้น เขาก็หันกลับไปมองยังทิศทางของป่าหมอกมายา!
ชุดเกราะศักดิ์สิทธิ์ทองแดงของนางแตกแล้ว!?
เขาจึงพูดขึ้นทันทีว่า
“เหล่าท่านผู้อาวุโส มีบางอย่างเกิดขึ้นที่ป่าหมอกมายา และข้าต้องรีบไปที่นั่นโดยด่วน ขอประทานอภัยด้วย!”
สิ้นสุดเสียง เขาก็ยกเท้าขึ้นแล้ววิ่งไปข้างหน้า!
“ช้าก่อน!”
จู่ๆ แนวสันทรายสีเหลืองทองก็ลอยขึ้นมา แล้วแปลงเป็นรั้วกั้นขวางทางเขาไว้
“เกิดอันใดขึ้นที่นั่น บอกข้าให้ชัดเจนที”
นี่คือเสียงของตู๋กูโม่เป่า
พวกเขาทั้งสามคนสามารถออกมาได้ แค่ในคืนพระจันทร์สีเลือดของทุกเดือนเท่านั้น ส่วนยามอื่นก็จำต้องถูกขังอยู่ในทะเลทรายนี้ต่อไป
ทว่าพวกเขาก็สามารถรับรู้ได้บางส่วนว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นในแดนภังคะแห่งนี้
และถ้าไม่มีเหตุสุดวิสัยจริงๆ แล้วเหตุใดหรงซิวถึงต้องจากไปกะทันหันด้วย?
หรงซิวสวมหน้ากากสีเงินและพูดสั้นๆ ว่า
“ชุดเกราะศักดิ์สิทธิ์ทองแดงของนางแตกแล้ว!”
“กระไรนะ?”
ตู๋กูโม่เป่าตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง และปฏิเสธทันที
“เป็นไปไม่ได้ แม้ว่าเจ้าสิ่งนั้นจะมีพลังมากมาย แต่เป็นไปไม่ได้ที่มันจะทะลวงเกราะศักดิ์สิทธิ์ทองแดง!”
พวกเขาเคยศึกษาเจ้าสิ่งนั้นมาก่อน และมั่นใจว่ามันยังไม่โตเต็มที่ ดังนั้นพวกเขาจึงยอมปล่อยให้นังหนูจัดการกับมันตามลำพัง
เสียงของหรงซิวเย็นยะเยือกราวถูกปกคลุมไปด้วยน้ำแข็ง
“ข้าทิ้งร่องรอยไว้บนชุดเกราะศักดิ์สิทธิ์ทองแดง ฉะนั้น ข้ามั่นใจว่าไม่ได้คิดไปเอง”
เมื่อได้ยินน้ำเสียงที่หนักแน่นของหรงซิว หลายคนจึงเริ่มรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาเล็กน้อย
ผู้อาวุโสลำดับห้ารีบพูดขึ้นทันควัน
“ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็ไปเถอะ! อย่าลืมปกป้องนางด้วย!”
หรงซิวพยักหน้าเบาๆ พลันร่างของเขาก็หายวับไปในทันที!
“เจ้าเกล็ดหิมะน้อย นี่เจ้ายังไม่ตามไปอีกหรือ!?”
หลานเซียวเอ่ยเสริม
เสวี่ยเสวี่ยเองก็เป็นห่วงฉู่หลิวเยว่เช่นกัน เมื่อมันได้ยินเช่นนี้ ก็พลันยกอุ้งเท้าขึ้น แปลงกายเป็นสายฟ้าและรีบพุ่งออกไปอย่างว่องไว!
หลังจากที่หนึ่งบุรุษและอสูรจากไป หลานเซียวก็โพล่งขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
“บัดซบจริงเชียว ถ้าไม่ใช่เพราะเราติดอยู่ในที่บ้าๆ นี่นะ มีหรือจะเกิดเรื่องขี้ประติ๋วเช่นนี้ขึ้นได้? แต่ก็ดี ให้เจ้าเด็กนั่นได้มีโอกาสเป็นวีรบุรุษช่วยสาวงามเสียหน่อยก็แล้วกัน!”
“ประเด็นคือ ขอแค่นังหนูปลอดภัยก็พอ ใครจะช่วยมันสำคัญด้วยหรือ?” ผู้อาวุโสลำดับห้าพึมพำเบาๆ แสดงถึงอารมณ์ที่ยากจะพบเห็นยิ่ง
“ข้าเองก็หมายความเช่นนั้น แต่พี่เป่า ตอนนั้นเจ้าพูดเองมิใช่หรือว่าเจ้าสิ่งนั้นมิเป็นภัย? แล้วมันเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นได้อย่างใด?” หลานเซียวถามอย่างไม่พอใจ
ตู๋กูโม่เป่าเงียบและไม่พูดอันใดอยู่นาน
หลานเซียวจึงตะคอกอย่างเย็นชา
“ถ้าเจ้าสิ่งนั้นเผยฤทธิ์เดชออกมาจริงๆ จนนังหนูได้รับบาดเจ็บล่ะก็…”
ไม่ต้องถึงมือเขาหรือลำดับห้าหรอก พี่เป่าผู้นี้จักทรมานเจียนตายเสียเอง
“ดูสิ ว่าหลังจากนี้เจ้าจะอธิบายให้นังหนูนั่นฟังอย่างใด!”
หลังจากนั้นไม่นาน ตู๋กูโม่เป่าก็เอ่ยปากอย่างเชื่องช้า ทว่าหนักแน่น
“นางจักต้องไม่เป็นไร”
…
ตู้ม!
เสียงกระทบชัดดังก้องในพื้นที่มืดและคับแคบ!
ฉู่หลิวเยว่มองไปยังหม้อน้ำโปร่งใส ซึ่งจู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นด้วยความตกใจ นางใช้เวลาสักครู่กว่าจะตอบสนองต่อสิ่งตรงหน้า
เมื่อครู่นี้นางผิดแผนอย่างสิ้นหวัง แต่ทันใดนั้น หม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์ ก็โผล่ออกลอยอยู่ตรงหน้านาง
แต่สิ่งสำคัญก็คือ มันปิดกั้นพลังของเมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์ได้!
เสียงนั้นเกิดจากการปะทะกันของทั้งสองสิ่ง!
เมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์ถูกโต้กลับ และกระเด้งออกไปอย่างแรง!
ฉู่หลิวเยว่ตกตะลึง
“หลิวเยว่ สมบัติของเจ้ามีพลังยิ่งนัก!”
องค์ไท่จู่เอ่ยเสียงระรื่นอย่างไม่สามารถซ่อนความตื่นเต้นไว้ได้
ฉู่หลิวเยว่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“ข้าเองก็ไม่คิดว่า…”
เสียงของนางชะงักไปทันที
และเห็นเพียงกระดูกสีขาวใสที่ค่อยๆ ลอยออกมาจากหม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์!
การปะทะกันครั้งนี้ทำให้โครงกระดูกของไท่ซวีเฟิ่งหลงหลุดออกมา!