ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 797 หึงหวงผู้ใด
ตอนที่ 797 หึงหวงผู้ใด
เกราะศักดิ์สิทธิ์ทองแดงหรือ?
ฉู่หลิวเยว่ก้มหน้ากวาดสายตามอง
เมื่อครู่เมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์ได้ทะลวงเกราะศักดิ์สิทธิ์ทองแดง ทิ้งเป็นรอยร้าวความยาวหนึ่งนิ้วไว้บนนั้น
ที่เขาหมายถึงนี่…
“ชุดเกราะของเจ้าไม่เลว มีก็แต่ความเสียหายนี่แหละ ความสามารถในการป้องกันคงจะลดลงไปมาก ช่างน่าเสียดายยิ่งนัก”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉู่หลิวเยว่จึงเอ่ยถามด้วยความไม่แน่ใจ
“เจ้า… จะช่วยข้าซ่อมชุดเกราะนี้หรือ?”
อีกฝ่ายพยักหน้าเบาๆ
“เชื่อใจข้าไม่ลงหรือ?”
ฉู่หลิวเยว่ส่ายหน้า
“หาไม่ หากเจ้าช่วยข้าได้ ข้าก็ไม่รู้จะขอบน้ำใจเจ้าอย่างใด”
ก่อนหน้านี้นางเองก็กังวลเรื่องความเสียหายของเกราะศักดิ์สิทธิ์ทองแดงมาโดยตลอด
โดยทั่วไปแล้ว หากชิ้นส่วนเดิมเสียหาย ประสิทธิภาพของมันจะลดลงอย่างมาก
ส่วนใหญ่หากชิ้นส่วนเดิมที่เป็นของธรรมดาทั่วไปก็จะถูกโยนทิ้งเสียเลย แต่ชิ้นส่วนที่มีระดับค่อนข้างสูงจะต้องได้รับการซ่อมแซมอย่างสุดความสามารถ
แต่ทว่าสิ่งนี้มันมีข้อกำหนดในระดับสูงต่อตัวผู้ซ่อม ซึ่งมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถทำมันได้อย่างสมบูรณ์แบบ ดังนั้นโดยพื้นฐานแล้ว ผลลัพธ์สุดท้ายจึงไม่ได้ดีไปเสียทีเดียว
ฉู่หลิวเยว่ไม่ได้คาดหวังว่าเขาจะออกตัวให้ความช่วยเหลือ
แต่หากพิจารณาจากพละกำลังของเขาแล้ว บางทีเขาอาจจะเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านนี้ด้วยกระมัง
ฉู่หลิวเยว่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ตอบตกลง
ตามระดับขั้นของนางปัจจุบันแล้ว เป็นไปไม่ได้เลยที่นางจะซ่อมเกราะศักดิ์สิทธิ์ทองแดงได้อย่างสมบูรณ์ ดังนั้นจะเป็นการดีกว่าหากปล่อยให้เขาได้ลองทำมัน
อย่างใดเสีย เกราะศักดิ์สิทธิ์ทองแดงก็จดจำผู้ถือครองได้ และนางก็ไม่ได้กังวลด้วยว่าเขาจะเล่นแง่แต่อย่างใด
หากเขาต้องการจะแย่งชิงสิ่งใดไป…คงทำไปนานแล้ว เหตุใดจึงต้องรอถึงตอนนี้
เพียงความคิดในใจของฉู่หลิวเยว่ทำงาน แสงสีทองจางๆ ก็ปรากฏขึ้นบนเรือนร่างของนาง
จากนั้น ลำแสงเหล่านี้ก็ลอยออกไป ก่อนจะรวมตัวกันเป็นชุดเกราะต่อหน้านางอีกครั้ง
เพียงนางโบกสะบัดแขนเสื้อ เกราะศักดิ์สิทธิ์ทองแดงก็ถูกส่งออกไป
ทันทีที่ชายคนนั้นยกมือขึ้น เกราะศักดิ์สิทธิ์ทองแดงก็ตกลงมาอยู่ในมือของเขาอย่างเชื่อฟัง
หรงซิวมองเกราะศักดิ์สิทธิ์ทองแดงในมือ ก็รู้สึกท้อใจขึ้นมา
หากต้องการจะช่วยเหลือฮูหยินตน ก็ต้องหาเหตุผลที่มันเป็นการเป็นงาน ช่างน่าเหนื่อยใจนัก
เขากวาดตามองเพียงปราดเดียว ก็เห็นส่วนที่เสียหายของเกราะศักดิ์สิทธิ์ทองแดงทันที
เขาคุ้นเคยกับสิ่งนี้มาก คราก่อนที่ช่วยนางเกลาพรมแดนไวฑูรยะเหล่านั้น เขาต้องทำการค้นคว้ามากมาย
แต่อย่างใดเสียสถานการณ์ตอนนี้ ก็ยังคงต้องดำเนินต่อไป
ฉู่หลิวเยว่มองดูอีกฝ่ายที่กำลังถือเกราะศักดิ์สิทธิ์ทองแดงไว้ในมือ บุรุษผู้นั้นมองดูมันอย่างระมัดระวังครู่หนึ่ง ก่อนจะเริ่มลงมือ
พลังปราณดั้งเดิมสีดำลอยออกมาจากฝ่ามือของเขา แล้วเปลี่ยนเป็นก้อนเปลวเพลิงอย่างรวดเร็ว
เพียงเขาสะบัดนิ้ว เปลวเพลิงสีดำก็ลอยไปยังส่วนที่เสียหายของเกราะศักดิ์สิทธิ์ทองแดงและเริ่มเผาไหม้
“เจ้าดูท่าจะเชี่ยวชาญทางด้านนี้ไม่น้อย…”
ทันใดนั้นเองเสียงขององค์ไท่จู่ก็ดังขึ้น
แท้ที่จริงฉู่หลิวเยว่เองก็มองเห็นหนทางอยู่บ้าง เพราะเมื่อก่อนนางก็เคยหลอมกระบี่เทพเมฆาสำริดด้วยตัวเองมาก่อน
เกราะศักดิ์สิทธิ์ทองแดงส่องแสงระยิบระยับอ่อนๆ รอบก้อนเปลวเพลิงสีดำ ก่อนจะค่อยๆ อ่อนแสงลงเรื่อยๆ
ฉู่หลิวเยว่แอบประหลาดใจ
คนผู้นี้ควบคุมพละกำลังของเปลวเพลิงได้เป็นอย่างดี!
เกราะศักดิ์สิทธิ์ทองแดงเป็นของของนาง ดังนั้นระดับการปรับเปลี่ยนอ่อนแข็งจะสามารถเปลี่ยนไปได้ตามใจนาง
แต่หากอยู่ในมือของผู้อื่นมักจะดูเหมือนเป็นเกราะแข็งๆ ธรรมดาทั่วไปอันหนึ่ง
คนผู้นี้ดูท่าเหมือนจะศึกษาเรื่องพวกนี้มาเป็นอย่างดี…
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกวางใจขึ้นมา นางจึงหยุดมองและเพ่งไปที่อินทรีสามตาอีกครั้ง
จะเสียเวลาไม่ได้อีกแล้ว
ต่อให้มีผู้คนอยู่รอบตัว นางก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป
นางสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อกำจัดความคิดฟุ้งซ่านในใจ
จากนั้นเพลิงแห่งกรรมอันโปร่งใสลูกหนึ่งที่ห่อหุ้มกระดูกของไท่ซวีเฟิ่งหลงก็ค่อยๆ ลอยออกมา!
หลังจากผ่านระยะเวลาการฝึกฝน โครงกระดูกก็ดูราวกับจะสุกใสแวววาวขึ้นมา หากมองแวบแรกก็ดูจะเหมือนหยกน้ำดีเม็ดหนึ่งอย่างใดอย่างนั้น
ฉู่หลิวเยว่กลั้นหายใจและเพ่งสมาธิ จากนั้นเปลวเพลิงสีแดงฉานก็พุ่งออกมาจากมือของนาง!
เปลวเพลิงทั้งสองสีผสานเข้าหากันเพียงพริบตาเดียว! แผดเผาอย่างรุนแรง!
ในไม่ช้าโลหิตสีจางๆ ก็ปรากฏขึ้นกลางกระดูก
ดวงตาของฉู่หลิวเยว่เป็นประกายขึ้นมา!
นั่นคงจะเป็นพลังสายโลหิตที่บรรจุอยู่ในกระดูกนี้!
ตราบใดที่พลังเหล่านี้ได้รับการกระตุ้นอย่างเต็มที่ พวกมันก็จะสามารถหลอมรวมกับอินทรีสามตาได้!
ฉู่หลิวเยว่ควบคุมมันด้วยความระมัดระวัง
เปลวเพลิงทั้งสองลุกโชนอย่างไม่ยอมกัน ริ้วเลือดปรากฏขึ้นตรงกลางกระดูกมากขึ้น
แรงดันอันเจือจางค่อยๆ แผ่ซ่านออกมาจากมัน!
โครม!
ค่ายกลถูกโจมตี ก่อให้เกิดเสียงกระหึ่ม!
ฉู่หลิวเยว่ขมวดคิ้วยุ่ง
พลังสายโลหิตที่บรรจุอยู่ในกระดูกของไท่ซวีเฟิ่งหลงไม่น่าที่จะทะลวงผ่านค่ายกลนี้ได้หรอกหนา
มิเช่นนั้นถึงตอนนั้นแล้วจะไม่ลำบากหรอกหรือ
ขณะที่นางกำลังคิดว่าจะจัดการกับมันอย่างใดนั้น ก็มีคลื่นพลังบางอย่างแผ่มายังข้างตัวนาง
ชั้นค่ายกลสีดำจางๆ ที่ล่องลอยเข้าปกคลุมค่ายกลที่ปรากฏขึ้นอยู่ก่อนหน้านี้
และเสียงกระหึ่มก็หายไปในชั่วพริบตา!
การมีค่ายกลป้องกันอยู่ถึงสองชั้น ทำให้การเคลื่อนไหวภายในไม่ถูกส่งผ่านไปยังภายนอกได้
ฉู่หลิวเยว่เหลียวมองไปด้านข้าง
“ขอบคุณเถ้าแก่ใหญ่”
อย่างใดก็ตาม ชายคนนั้นเพียงแค่โบกมือให้เล็กน้อย ราวกับว่าเขาไม่สนใจมัน
ฉู่หลิวเยว่เม้มริมฝีปาก
ดูเหมือนคนผู้นี้จะมีความลึกลับซ่อนมากขึ้นเรื่อยๆ….
แต่นางเองก็ไม่ได้ผสานมันมาเป็นเวลานาน และในไม่ช้าก็ต้องดำเนินการต่อ
การที่ได้แรงหนุนจากค่ายกลมาหนึ่งชั้น ทำให้พื้นที่โดยรอบมั่นคงขึ้นมาก และหัวใจของฉู่หลิวเยว่เองก็กลับมาสงบนิ่งไม่น้อย
ครั้นปลายนิ้วของหรงซิวเกิดการเคลื่อนไหวเล็กน้อย สายสีทองก็ค่อยๆ ไหลออกมาจากกลางเปลวเพลิงสีดำ เข้าปกคลุมรอยร้าวความยาวหนึ่งนิ้วที่อยู่บนเกราะศักดิ์สิทธิ์ทองแดง
การเคลื่อนไหวของเขานั้นค่อนข้างมิดชิดเสียทีเดียว จากจุดที่ฉู่หลิวเยว่อยู่มองมาทางนี้เป็นไปไม่ได้เลยที่จะเห็นภาพเหตุการณ์นี้
เขาชายตาขึ้นด้วยแววตาไร้อารมณ์ก่อนจะมองไปที่ฮูหยินผู้เป็นภรรยาของตน
ซึ่งนางกำลังจดจ่ออยู่กับการผสานโครงกระดูกของไท่ซวีเฟิ่งหลง
หรงซิวหรี่ตาลงเล็กน้อย
และพึมพัม
ดูเหมือนนางจะเชื่อใจตนเองมากเกินไปหรือเปล่า?
นึกไม่ถึงเลยว่าจะกล้านำโครงกระดูกของไท่ซวีเฟิ่งหลงออกมาอย่างเปิดเผย
นางไม่มีความกังวลใดๆ เลยหรือ?
นางไว้ใจชายผู้อื่นมากถึงเพียงนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน?
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ หรงซิวก็รู้สึกแย่ไม่น้อย